บทที่ 1660 ออกล่าที่น้ำพุวังเวง

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เมื่อชี้แนะเล็กน้อย เปิดเผยให้รู้เล็กน้อย เว่ยซูก็เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน ไม่น่าเชื่อว่าหลักการจะเรียบง่ายขนาดนี้ ส่งคนที่ไม่ค่อยฉลาดเข้าวัง ก็เพื่อให้สะดวกต่อการควบคุมนี่เอง

แต่พอลองคิดดูให้ละเอียด ก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป หลังจากที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ให้กำเนิดลูกชายแล้ว นางจะยืนอยู่ฝั่งลูกชายหรือฝั่งตระกูลเซี่ยโห้วล่ะ? ในนั้นมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เด่นชัดเกินไป สงสัยฝ่ายนี้จะเตรียมวางแผนระยะยาวไว้ตั้งแต่ก่อนจะส่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เข้าวังแล้ว

เพียงแต่คำว่า ‘ซื่อบื้อ’ นั้นทำให้เว่ยซูรู้สึกอับอายจนปาดเหงื่อจริงๆ การที่เซี่ยโห้วหลิงกล่าวเช่นนี้ออกมาได้ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจเซี่ยโห้วเฉิงอวี่สักเท่าไร ถ้าให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่มาได้ยินคำพูดแบบนี้ ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่านางจะประสาทเสียขนาดไหน

เว่ยซูเหลือบมองปฏิกิริยาของเซี่ยโห้วท่าเงียบๆ พบว่ายังคงหรี่ตาดื่มด่ำกับอาหารที่เคี้ยวอยู่ในปากเหมือนเดิม

“ทำไมล่ะ รสชาติปลาที่ข้าปรุงไม่อร่อยเหรอ?” เซี่ยโห้วหลิงชี้ตะเกียบในมือไปที่อาหารเลิศรสหลากสีสันบนถาดอาหาร เปลี่ยนประเด็นสนทนาแล้ว

เว่ยซูยิ้มเจื่อน “ฝีมือของคุณชายรองดีว่าข้าเป็นร้อยเท่า” ขณะที่พูดก็ถือตะเกียบไปคีบอาหาร

“คำกล่าวนี้คือความจริง!” เซี่ยโห้วหลิงหัวเราะลั่น

เว่ยซูหัวเราะตาม แต่ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่า ลักษณะที่เป็นมิตรเข้าถึงง่ายของคุณชายรองท่านนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดระแวงแปลกๆ เขาก็อธิบายไม่ถูกเช่นกันว่าเพราะอะไร นายท่านเซี่ยโห้วท่าทำให้เขารู้สึกถึงความลึกล้ำ จะเรียกว่าล้ำลึกคาดเดายากก็ได้ ทว่าคุณชายรองท่านนี้กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่า ‘ถ้าเจ้าหันหลังเมื่อไร อีกฝ่ายจะจ้องอยู่ข้างหลังเจ้าอย่างเย็นเยียบ ทำให้เจ้าขนลุกโดยไม่รู้ตัว’

แน่นอน นี่เป็นเป็นความรู้สึกที่ไร้หลักฐานอ้างอิงของเขาเท่านั้น…

จวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง ในตำหนักใหญ่ที่ประตูหน้าต่างแทบจะถูกปิดหมด แสงสว่างไม่ค่อยเพียงพอ ทำให้ดูเงียบขรึมเล็กน้อย อิ๋งจิ่วกวงกำลังนั่งอยู่ข้างในด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตาวูบไหวมืดครึ้ม

จั่วเอ๋อร์ยืนก้มหน้าเล็กน้อยอยู่เบื้องล่าง นางเพิ่งจะรายงานสถานการณ์ในวังให้ท่านอ๋องฟัง ดูจากความนิ่งเงียบของท่านอ๋อง นางก็รู้สึกได้ว่าท่านอ๋องกำลังซ่อนความเดือดดาลไว้ในใจ

จุดประสงค์ที่ตระกูลอิ๋งส่งจ้านหรูอี้เข้าวังคืออะไร? ก็เพราะหวังให้จ้านหรูอี้แสดงบทบาทต่อหน้าประมุขชิงยามถึงเวลาสำคัญไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้กลับถูกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไล่ออกจากวัง จะกลับไปได้เมื่อไรก็ยังไม่รู้เลย ถ้าออกห่างจากประมุขชิงนานเกินไป ผีที่ไหนจะไปรู้ว่าจะรักษาความสัมพันธ์ได้นานเท่าไร

จู่ๆ อิ๋งจิ่วกวงที่อยู่ในความเงียบก็เอ่ยขึ้นว่า “แน่ใจนะว่าเป็นประสงค์ของประมุขชิง ที่บอกว่าถ้าไม่มีคำสั่งก็ห้ามกลับวัง?”

จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “ทุกคนต่างรู้ว่าประมุขชิงโปรดปรานสนมสวรรค์ น่าจะไม่เปลี่ยนเป็นไร้ไมตรีขนาดนี้โดยไร้เค้าลาง มีความเป็นไปได้สูงว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถือโอกาสเล่นงาน”

“แล้วทำไมสนมสวรรค์ไม่กลับมาเยี่ยมข้าที่จวนท่านอ๋องก่อน?” อิ๋งจิ่วกวงถามอย่างสงบนิ่ง

“ได้ยินว่าราชินีสวรรค์สั่งให้นางกลับบ้านเดิมทันที สนมสวรรค์ไม่อยากให้ราชินีสวรรค์จับจุดอ่อนอะไรนางได้ จึงกลับจวนท่านโหวไปก่อนแล้ว” จั่วเอ๋อร์ตอบ

“แล้วที่นี่ไม่ใช่บ้านเดิมของนางรึไง?” อิ๋งจิ่วกวงทำเสียงฮึดฮัด แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะต่อความยาวสาวความยืดเรื่องนี้อีก เปลี่ยนประเด็นสนทนาแล้ว “ไม่รู้ว่าเจ้าเวรน่ารำคาญใจที่ตลาดผีนั่นจะกล้าลงมือกับอิ๋งหยางจริงหรือเปล่า ถึงยังไงตาแก่โค่วก็ไม่สนใจจะปกป้องเขาแล้ว ให้โอกาสเขาได้จบเรื่องนี้เร็วๆ เถอะ จำไว้ว่าอย่าให้ตาแก่โค่วจับจุดอ่อนอะไรได้เด็ดขาด”

จั่วเอ๋อร์เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในนั้น นางพยักหน้าเอ่ยรับ “รับทราบ!”

วันต่อมา อิ๋งหยางเดินออกจากห้องสมาธิ แล้วมุ่งตรงไปยังห้องของบิดา

ห้องหนังมือค่อนข้างใหญ่ บนชั้นหนังสือหลายแถวเต็มไปด้วยคัมภีร์โบราณ อิ๋งหยางเข้ามาแล้วมองซ้ายมองขวา เมื่อมองไม่เห็นใคร ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนถาม “ท่านพ่อ”

“ตรงนี้” ตรงจุดลึกของห้องหนังสือมีเสียงของอิ๋งอู๋หม่านตอบกลับมา

อิ๋งหยางเดินอ้อมชั้นหนังสือไปหลายแถว พอเจออิ๋งอู๋หม่านที่หลบอ่านหนังสืออยู่ข้างหลัง ก็กุมหมัดคารวะแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าท่านพ่อมีเรื่องอะไรจะกำชับ?”

อิ๋งอู๋หม่านเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง พร้อมถือโอกาสวางหนังสือกลับไปบนชั้นวาง แล้วเอามือไขว้หลังเดินออกมาพลางบอกว่า “เหมือนเจ้าจะไม่ได้ไปออกล่าที่น้ำพุวังเวงนานแล้วสินะ? ออกไปเที่ยวสักหน่อยก็ได้”

ที่เรียกว่า ‘ออกล่าที่น้ำพุวังเวง’ ก็เหมือนกับชื่อ คือการไปออกล่าที่น้ำพุวังเวง เหมือนเขาภูตพเนจรที่ตั้งชองตลาดผี น้ำพุวังเวงอยู่ที่แดนรัตติกาลเช่นเดียวกัน เพียงแต่น้ำพุวังเวงอยู่ลึกตรงบริเวณใจกลางแดนรัตติกาล ที่นั่นมีของแปลกอยู่จำนวนหนึ่ง คนทั่วไปไม่กล้าไปที่นั่นเพราะมีอันตราย แต่ลูกหลานผู้มีอำนาจอย่างอิ๋งหยางต้องการความตื่นเต้นเร้าใจ บางครั้งก็จะไปล่าของแปลกพวกนั้น

“…” อิ๋งหยางงงนิดหน่อย “ท่านพ่อสั่งให้ข้าพยายามเก็บตัวฝึกตนอยู่ในบ้านไม่ใช่เหรอ?”

“มีหย่อนบ้างตึงบ้างจะเป็นผลดีต่อการฝึกตนมากกว่า เวลาที่ควรจะผ่อนคลาย ข้าก็ไม่ห้ามเจ้าเช่นกัน ไปเถอะ” อิ๋งอู๋หม่านกล่าวเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา

“ท่านพ่อบอกว่าหนิวโหย่วเต๋ออยากจะฆ่าข้าไม่ใช่เหรอ?” อิ๋งหยางลังเลนิดหน่อย

“งั้นก็ปล่อยให้เขาฆ่าไปสิ” อิ๋งอู๋หม่านกล่าว

“หา…” อิ๋งหยางนึกว่าตัวเองฟังผิดไป เขาหยุดเดินแล้วเบิกตากว้าง

อิ๋งอู๋หม่านที่เดินไปถึงมุมชั้นหนังสือหันตัวมา แล้วเอียงหน้าบอกว่า “ถ้าไม่ให้โอกาสเขาฆ่า แล้วจะจบเรื่องนี้ได้ยังไง? ข้ากลัวก็แต่ว่าเขาจะไม่มีความกล้านั้น!”

อิ๋งหยางที่กำลังงุนงงเผยสีหน้ากระจ่างในฉับพลัน เข้าใจแล้ว…

ดาวหยกงาม ในจวนอ๋องสวรรค์ บนสะพานโค้ง โค่วหลิงซวีกำลังกำอาหารปลาโยนลงน้ำ ทำให้สิ่งที่อยู่ใต้น้ำแย่งกันกินจนผิวน้ำมีละอองน้ำกระเด็น

โค่วเจิงกับถังเฮ่อเหนียนยืนอยู่ทางซ้ายและขวา หลังจากโค่วเจิงรายงานเรื่องที่อิ๋งหยางจะไปออกล่าที่น้ำพุวังเวงแล้ว ก็ถามว่า “ท่านพ่อ ต้องบอกหนิวโหย่วเต๋อหรือเปล่า?”

โค่วหลิงซวีกำลังมีความสุขอยู่กับตัวเอง โปรยอาหารปลาในมือโดยไม่พูดอะไรตอบ กลับเป็นถังเฮ่อเหนียนที่เอามือขยี้หนวดพร้อมถามอย่างลังเล “คุณชายใหญ่ ยืนยันได้หรือว่าอิ๋งหยางออกล่าที่น้ำพุวังเวง?”

“น่าจะไม่ผิดพลาด ตามที่ได้รับข่าวมา เขากำลังชวนสหายไปด้วยกัน” โค่วเจิงพยักหน้า

ถังเฮ่อเหนียนมองไปที่โค่วหลิงซวี “นายท่านบอกอิ๋งจิ่วกวงไว้อย่างชัดเจนแล้ว ว่าข้อตกลงระหว่างตึกศาลาสัตยพรตกับพวกเราเพิ่งจะสิ้นสุด ทางนั้นก็มีข่าวเรื่องออกล่าที่น้ำพุวังเวงออกมา นี่คือการวางกับดักรอเหยื่อ!”

โค่วหลิงซวีโยนอาหารในมือ จะใช้สองมือประคองระเบียง ก้มหน้ามองเงาที่เคลื่อนไหวในน้ำ พร้อมกล่าวอย่างใจเย็น “คำนวณผิดพลาดชั่วคราว ยากที่จะกอบกู้คืนมา ประมุขชิงไม่มีทางปล่อยให้เขาออกจากตลาดผี ตัดขาดให้เร็วๆหน่อยก็แล้วกัน ตอนหลังจะได้ไม่ถูกคนนำมากล่าวหา เจ้าใหญ่ รายงานความเคลื่อนไหวของอิ๋งหยางให้ทางตลาดผีรู้เถอะ”

โค่วเจิงกับถังเฮ่อเหนียนหนังตากระตุกพร้อมกัน สบตากันอย่างเงียบๆ ต่างก็รู้ว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร

“รับทราบ!” โค่วเจิงกุมหมัดเอ่ยรับ น้ำเสียงค่อนข้างกดดัน

แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง บนตึกศาลาเล็กในลานบ้าน สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทะเลกว้าง

ตึกศาลาเล็กนี้จินม่านสั่งให้คนปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ นางเห็นว่าหยางชิ่งชอบมองทะเลตอนที่ครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ ถึงได้สั่งให้คนสร้างตึกศาลาที่สามารถบังลมบังฝนบังแดดเอาไว้ให้หยางชิ่งใช้งาน

สิ่งนี้ตรงใจหยางชิ่งเช่นกัน หยางชิ่งมักจะอยู่ในนี้บ่อยๆ ส่วนจินม่านก็มักจะมาคุยงานกับหยางชิ่งที่นี่ ยกตัวอย่างเช่นวันนี้

หลังจากได้รู้ความเคลื่อนไหวของอิ๋งหยาง หยางชิ่งก็ขมวดคิ้วถามว่า “ออกล่าที่น้ำพุวังเวง?”

เขารู้ว่าเหมียวอี้อยากจะลงมือกับคนพวกนี้ที่ฐานในตลาดผี จุดแรกที่จะลงดาบก็คือบนตัวอิ๋งหยาง ดังนั้นเขาจึงจับตาดูความเคลื่อนไหวของอิ๋งหยางเช่นเดียวกัน ถึงแม้หกลัทธิที่อยู่ในอาณาเขตตำหนักสวรรค์จะไม่เป็นโล้เป็นพายไปแล้ว แต่ถ้าจะบอกว่าไม่มีสายลับเลยสักนิดนั้นเป็นไปไม่ได้ เรื่องที่ปิดบังไว้อาจจะสืบไม่เจอ แต่เรื่องที่อิ๋งหยางจะไปออกล่าที่น้ำพุวังเวงครั้งนี้เหมือนจะไม่ใช่ความลับอะไร กำลังเชิญชวนสหาย ถ้าฝั่งหกลัทธิตั้งใจจะสืบ ก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่รู้

“ใช่แล้ว!” จินม่านที่นั่งอยู่ตรงข้ามพยักหน้าตอบ

หยางชิ่งลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ แล้วเดินไปทอดสายตามองทะเลกว้างตรงริมหน้าต่าง

จินม่านที่นั่งเงียบอยู่ที่เดิมมองตาม มองดูเงาหลังของเขา เห็นเขาหยิบระฆังดาราออกมาอันหนึ่ง ไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน

หยางชิ่งกำลังติดต่อกลับเหมียวอี้ หลังจากสัญญาณติดแล้ว ก็ถามไปตรงๆ เลยว่า : นายท่านรู้เรื่องที่อิ๋งหยางจะไปออกล่าที่น้ำพุวังเวงหรือเปล่า?

เหมียวอี้ : เจ้านี้ข่าวไวมากเลยนะ ข้าเองก็เพิ่งรู้ได้ไม่นาน ตระกูลโค่วเพิ่งจะบอกข้า นี่คือโอกาสดีที่จะกำจัดอิ๋งหยาง

หยางชิ่งตกใจมาก รีบถามผ่านระฆังดารา : นายท่านไม่รู้สึกว่าการออกล่าที่น้ำพุวังเวงครั้งนี้มาได้เวลาเกินไปเหรอ? ข้อตกลงระหว่างตระกูลโค่วกับตึกศาลาสัตยพรตเพิ่งจะจบลง ก็ไม่รู้เรื่องออกล่าโผล่มาทันที ถ้าจะบอกว่าตระกูลโค่วไม่สงสัยเลยว่านี่คือกับดัก ข้าไม่เชื่อหรอก! รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดัก แต่ก็ยังบอกนายท่าน ตระกูลโค่วเปิดเผยเจตนาที่จะทิ้งในท่านชัดเจนแล้ว ท่านยังจะกระโจนเข้าหาอันตรายอีกหรอ?

เหมียวอี้ช้อนสายตาขึ้นมองแสงโคมไฟของตลาดผีนอกหน้าต่าง สายตาเงียบขรึม เขาเริ่มคุ้นชินกับการถูกทรยศแล้ว ไม่โมโหง่ายๆ อีก หลังจากได้รู้เรื่องแล้วก็มีแต่ยิ่งสงบใจกว่าเดิม ตอบกลับว่า : ข้าเดาเจตนาของตระกูลโค่วออกแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก คำมั่นใจว่าจะซ้อนแผนกำจัดอิ๋งหยางได้

หยางชิ่งร้อนใจแล้ว : ผู้มีเงินทองยอมไม่เฉียดเข้าใกล้ชายคาบ้าน! นายท่านเดินมาถึงทุกวันนี้แล้ว ถ้าพุ่งออกหน้าไปเสี่ยงต่อสู้เข่นฆ่าอีกนั้นไม่เหมาะสมเลย ในเมื่ออำนาจของตระกูลอิ๋งตั้งใจจะวางกับดัก ก็จะต้องไม่ปรานีแน่นอน นายท่านได้โปรดใคร่ครวญ อย่ารีบร้อนลงมือตอนนี้!

เหมียวอี้ : ครั้งนี้ข้าต้องการใช้กำลังปะทะเพื่อทำลายพวกเขา เจ้าวางใจเถอะ อาจจะไม่ต้องลงมือเองก็ได้!

สรุปก็คือพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ เหมียวอี้ดูเหมือนมีความมั่นใจมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาความมั่นใจมากขนาดนี้มาจากไหน หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว หยางชิ่งก็หลับตาเอามือนวดหน้าผาก แล้วหันตัวช้าๆ เอาหลังพิงขอบหน้าต่าง สีหน้ากลัดกลุ้มกังวลใจ ถึงขั้นดูขื่นขมทรมานอยู่หลายส่วน

“ผู้ช่วยใหญ่ เจ้าเป็นอะไรไป?” จินม่านตกใจ รีบเข้ามาประคองแขนเขา

หยางชิ่งพยายามออกแรงส่ายหน้า หลังจากลืมตาแล้วก็ผลักแขนจินม่านออก “ข้าไม่เป็นอะไร!”

นี่ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกหรอ? จินม่านเบิกตากว้างมองใบหน้าซีดขาวของเขา สงสัยนิดหน่อยว่าเขาป่วยแล้วหรือเปล่า แต่ปกติแล้วนักพรตป่วยได้ด้วยหรอ?

หยางชิ่งที่ใช้มือประคองหน้าต่างยืนหลับตาใช้สมาธิครุ่นคิดอีกพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ลืมตาแล้วหันกลับมาถาม “ข้าจำได้ว่าครั้งก่อน เหมือนเจ้าจะบอกว่ามีของอะไรสักอย่างที่สามารถป้องกันการยั่วยวนจากระบำมารสวรรค์ได้?”

จินม่านไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเอ่ยเรื่องนี้ นางพยักหน้าตอบว่า “กล้วยไม้สำรวมใจ ถ้ากินไว้ล่วงหน้าจะสามารถต้านทานการยั่วยวนของระบำมารสวรรค์ได้ ต้องกินก่อนเท่านั้น ถ้ากินทีหลังไม่มีประโยชน์”

“หาที่ตลาดผีได้หรือเปล่า?” หยางชิ่งซักไซ้

จินม่านลองนึกดู แล้วตอบอย่างลังเลว่า “น่าจะหาได้นะ ถึงแม้จะพบเห็นสิ่งนี้ได้น้อย แต่ก็ไม่ใช่ของที่หายากอะไรมาก”

หยางชิ่งบอกทันทีว่า “ดี! บอกให้คนของหกลัทธิที่ตลาดผีรีบหาทางนำของสิ่งนี้มาให้เร็วที่สุด ข้ารีบใช้!”

หลังจากนั้นไม่กี่วัน หยางเจาชิงที่อยู่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีก็เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูห้องเหมียวอี้ เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างลังเล แต่สุดท้ายก็แข็งใจเคาะประตู

เหมียวอี้กำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องลืมตาขึ้น พอเห็นหยางเจาชิงเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก็ถามว่า “มีเรื่องอะไร?”

หยางเจาชิงตอบอย่างลังเลว่า “เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ หยางชิ่งเพิ่งจะติดต่อกับข้าน้อย บอกว่าจวนแม่ทัพภาคป้องกันเข้มงวดเกินไป ต้องการให้ค่าเปิดช่องโหว่สักหน่อย ให้ค่ะข้าส่งสวีถังหรานไปหาความสำราญที่หอนางโลมทุกๆ สามวัน”

เหมียวอี้งงทันที แล้วถามด้วยความสงสัย “ให้สวีถังหรานไปหาความสำราญที่หอนางโลมเหรอ?”

หยางเจาชิงพยักหน้า “ขอรับ ไปหอนางโลม หยางชิ่งเน้นย้ำมาด้วย ว่าเวลากระชั้นชิดเกินไป ถ้าไปที่อื่นอาจจะได้ผลช้า จะต้องให้สวีถังหรานไปที่หอนางโลมให้ได้ ข้าถามเขาว่าหมายความว่าอะไร เขาบอกว่าตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ มีแต่ต้องให้สวีถังหรานไปหยั่งเชิงเท่านั้น ให้ข้าอย่าเพิ่งบอกนายท่าน รอให้ได้ข้อสรุปก่อนแล้วค่อยบอก”

…………………………