ตอนที่ 786 วิชาอ่านใจ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ได้ฟังที่เหลยหู่ว่าแล้วเหมียวจื่อหลงรู้สึกแปลกใจจึงถามขึ้น “พ่อมดวิชาคาถาอาคม? ศิษย์พี่เหลย เชื่อได้จริงหรือ?”

ตามโลกเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย นอกจากเรื่องพวกนี้ ผู้คนจำนวนมากพยายามใช้วิทยาศาสตร์มาอธิบายปรากฎการณ์ประหลาดในธรรมชาติ ไม่เหมือนเมื่อร้อยกว่าปีก่อนที่ผู้คนเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อให้เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกวิชาในจีนหรือผู้ที่เล่นเรื่องคุณไสยเวทมนต์ในต่างประเทศ ต่างก็ลดบทบาทความสำคัญลง ผู้ที่มีความสามารถชนิดนี้อย่างแท้จริงมีจำนวนเพียงหยิบมือ ส่วนใหญ่จะปิดบังตัวตน แล้วสืบทอดวิชาต่อกันมา ซึ่งน้อยคนนักจะได้ล่วงรู้ความจริง

เหมียวจื่อหลงเป็นคนผ่านโลกมาโชกโชน แต่เขาไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับพวกนี้ เขาไม่เคยรู้จักสำนักวิชาคาถาอาคมในจีนหรือทั้งศาสตร์เวทมนต์คุณไสยของต่างประเทศ ไม่แปลกที่จะไม่เชื่อในคำพูดของเหลยหู่

“ศิษย์น้องเหลย ฉันเห็นมากับตาของฉันเอง จะปลอมได้อย่างไร?”

เหลยหู่ชักสีหน้าแล้วพูดต่อว่า “เยี่ยเทียคนนี้น่ะยังหนุ่มแน่น แต่การฝึกวิชาบรรลุขั้นสูงแล้ว ทั้งยังเป็นพวกสำนักวิชานอกรีต ถ้านายยังใช้วิธีธรรมดาทั่วไปกับเขาละก็ ฉันคงไม่เอาด้วย”

ต่อให้เกลียดเยี่ยเทียนมากแค่ไหน แต่เหลยหู่ยังรู้ถึงความสามารถของตัวเองว่าไม่เพียงพอจะไปต่อกรกับเยี่ยเทียนที่เป็นผู้ใหญ่ตำแหน่งระดับสูงลิ่วในสมาคมหงเหมิน ถ้าเขาลงมือต้องให้แน่ใจว่าต้องเอาเยี่ยเทียนให้อยู่หมัด ไม่เช่นนั้นแล้วเขาไม่อาจรับผลที่จะตามมาไหว

“ศิษย์พี่เหลย ฉันไม่เชื่อเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าคนที่พี่บอกนั้นอยู่ที่ไหน?”

เหมียวจื่อหลงมีความฉลาดอันลึกล้ำ เขาไม่ได้โกรธเคืองเหลยหู่ แต่กลับยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า “ศิษย์พี่เหลย เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าจะอยู่ในเคปทาวน์อีกนานเท่าไหร่ ถ้าเกิดเขาจากไปแล้ว พวกเราก็เสียโอกาสเปล่าๆ”

ซ่งเสี่ยวหลงเสียฐานอำนาจจากซ่งเวยหลันไปทำให้เหมียวจื่อหลงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าสามารถร่วมมือกับซ่งเสี่ยวหลงอยู่ในเคปทาวน์ได้ เขาอยากจะกำจัดเยี่ยเทียนเพื่อความสะใจเหมือนกัน แม้ตอนนี้ยังต้องอาศัยแรงจากเหลยหู่ก่อน แต่หากเหลยหู่ไม่ให้ความร่วมมือ เหมียวจื่อหลงก็ยังยืนยันจะจัดการเยี่ยเทียนให้ได้

เหลยหู่โบกมือ “ตอนนี้เธออยู่ที่อียิปต์ ห่างจากเคปทาวน์ไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงบิน ตอนนี้ฉันจะติดต่อกับเธอ คิดว่าคืนนี้เธอก็น่าจะมาถึงได้!”

กำลังรบของเยี่ยเทียนที่แสดงออกในการต่อสู้ครั้งนั้น ทำให้เหลยหู่เข้าใจและรู้ว่าต้องวางแผนรับมือกับเยี่ยเทียนอย่างไร การได้พบคนๆนี้ถือเป็นโอกาสดี แต่เหลยหู่ก็ได้เสียกำลังทรัพย์ไปมากให้กับเธอคนนี้

“ถ้าอย่างนั้นรบกวนศิษย์พี่เหลยด้วย มีท่านที่ศิษย์พี่เชิญมา เจ้าหนุ่มเยี่ยเทียนน่าจะรอดยาก!”

ความสูญเสียของกลุ่มทหารเทียนหลงทำให้เหมียวจื่อหลงหวั่นใจไม่หาย ถึงเขาไม่เชื่อในเวทมนต์ไสยศาสตร์ แต่เขาเป็นคนระมัดระวังรอบคอบ ในเมื่อเหลยหู่ออกปากขนาดนี้ เขาก็ต้องเชื่ออย่างสนิทใจ

เหลยหู่เดินกลับเข้าห้องเพื่อโทรศัพท์ แล้วก็เดินหน้าตาเบิกบานออกมา บอกว่า “เรียบร้อย คืนนี้เธอจะมาถึงที่นี่ ศิษย์น้องเหมียว เดี๋ยวเราไปสนามบินเพื่อรับเธอกัน”

เหมียวจื่อหลงได้ยินแล้วก็ยิ้ม “ไม่มีปัญหา ศิษย์พี่เหลยวางใจเถอะ คนที่พี่เชิญมา ฉันต้องดูแลต้อนรับอย่างดี ใช่แล้ว ฉันยังมีปัญหาอีกหลายข้อจะขอปรึกษากับศิษย์พี่…..”

ท่าทางของเหมียวจื่อหลงทำให้เหลยหู่พึงพอใจมาก ตั้งแต่บิดาของเขาถอนตัวออกจากสมาคมหงเหมิน ก็ไม่มีใครให้ความเคารพนบนอบเขาเท่านี้อีกเลย เขาจึงยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเหมียวจื่อหลงขอคำปรึกษาเรื่องวิชาหมัดมวยจากเหลยหู่

คืนนั้นหนึ่งทุ่มตรง เหลยหู่กับเหมียวจื่อหลงทั้งสองคนนั่งมาในรถเบนซ์กันกระสุนสีดำ มาถึงสนามบินนานาชาติแห่งเคปทาวน์

เที่ยวบินที่มาจากอียิปต์มาถึงจะลงจอดในอีกสิบนาทีข้างหน้า เหลยหู่ยืนรออยู่หน้าพื้นที่ ที่จัดให้รับผู้โดยสาร จู่ๆก็ก้าวไปข้างหน้า หยุดอยู่ตรงหน้าคนๆหนึ่ง “เมเดียน่า ดีใจที่ได้พบเธอ ขอบคุณมากที่เธอยอมมาช่วย!”

“ลุงเหลย ได้โปรดเรียกหนูว่าเจียงซาน ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเขียนว่า “หญิงงามดุจหยก ทิวทัศน์ดุจภาพวาด ฉันไม่ใช่หญิงงามหรอกหรือ?”

คนที่อยู่ต่อหน้าเหลยหู่คนนี้พูดภาษาจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เหมียวจื่อหลงที่ยืนอยู่ด้านหลังเหลยหู่กลับทำหน้าเหมือนเพิ่งเหยียบขี้หมามา เขายื่นมือไปรั้งตัวเหลยหู่เข้ามากระซิบถาม “ศิษย์พี่เหลย พี่…พี่บอกว่า…อาจารย์….อาจารย์ที่ว่า ….คือเธอคนนี้หรือ?”

เสียงกระซิบของเหมียวจื่อหลงถึงจะไม่ดัง แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ได้ยิน ทำให้เหลยหู่รู้สึกขายหน้า เขาชักสีหน้าแล้วตอบกลับ “ศิษย์น้องเหมียว โบราณว่าไว้ อย่าตัดสินคนที่ภายนอก ความลึกของมหาสมุทรนั้นไม่อาจวัดได้ เมเดียน่าแม้จะไม่ได้เป็นระดับปรมาจารย์ แต่เธอได้รับการสืบทอดวิชาสายตรงจากอาจารย์”

“ยังมีอาจารย์ด้วยเหรอ? ถ้างั้นถือว่าผมล่วงเกินไปแล้ว”

ฟังคำบอกเล่าของเหลยหู่แล้ว เหมียวจื่อหลงสีหน้าดูใจชื้นขึ้น สายตาที่เขามองเธอก็อ่อนโยนลง

จะโทษเหมียวจื่อหลงก็ไม่ได้ ความจริงแล้วการมาของเธอค่อนข้างเป็นที่น่าประหลาดใจ เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหลยหู่นี้เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง

ถ้ามีผู้หญิงสักสิบคนเหมียวจื่อหลงคงไม่เสียกิริยาขนาดนี้ ในยุทธภพนั้นสิ่งที่ไม่ควรเข้าใกล้มีสามสิ่ง นอกจากคนชราและเด็กแล้วอีกสิ่งหนึ่งก็คือผู้หญิงนี่เอง

หญิงคนนี้ดูจะอ่อนเยาว์ไปหน่อย เพราะใบหน้าของเธอแสดงว่ามีเชื้อสายจีน ผมบนศีรษะถักเป็นเปียสองข้าง ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ดูอายุไม่น่าเกินสิบหกปี เมื่อยืนอยู่ข้างเหลยหู่แล้วดูเหมือนเป็นคู่พ่อลูกมากกว่า เหมียวจื่อหลงพิจารณาดูแล้วอดหวั่นใจไม่ได้

“เผ่ายิปซีของเราไม่สนใจว่าคนอย่างพวกคุณจะมองเราว่าอย่างไร แต่ลุงเหลยคะ ถ้าเชิญฉันมาให้มาช่วยเขาละก็ อย่าดีกว่าค่ะ”

เด็กสาวถึงจะดูยังไม่เป็นสาวเต็มตัว ความสูงเพียงร้อยหกสิบเซ็นติเมตร แต่พูดจาฉะฉานไม่เกรงใจใคร ทั้งยังแสดงออกชัดว่าไม่ค่อยพอใจในตัวเหมียวจื่อหลงนัก

“เผ่ายิปซี? เธอ…เธอไม่ใช่คนจีนหรือ?”

เหมียวจื่อหลงได้ยินก็อึ้งไป เด็กสาวตรงหน้าดูเค้าโครงรูปร่างเป็นคนจีน ทำไมถึงกลายเป็นคนเผ่ายิปซีไปได้?

สำหรับพวกยิปซี เหมียวจื่อหลงไม่ถึงกับไม่คุ้นเคย ชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มนี้ ก่อนยุคศตวรรษที่ห้า พวกเขาอพยพมาจากอินเดียตอนเหนือ แล้วเร่ร่อนไปตามท้องทุ่ง อาศัยขายฝีมือทำนายดวงชะตาเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น พักอาศัยอยู่ในกระโจมตามทุ่งรกร้างในประเทศแถบยุโรป

พวกเขาเป็นกลุ่มคนเร่ร่อนไม่อยู่เป็นหลักแหล่ง ทั้งยังมีธรรมเนียมห้ามแต่งงานกับคนนอกเผ่า จึงยากที่จะเข้าร่วมอยู่อาศัยในสังคมทั่วไปได้ ทำให้พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับ คนในเผ่ายิปซีส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก

จำนวนคนในชนเผ่ามีมาก แต่ที่อยู่ของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่ว คล้ายคลึงกับประวัติศาสตร์คนยิวที่มีชีวิตที่ข้นแค้น

สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์สั่งให้ส่งตัวชาวยิปซีเกือบห้าแสนคนเข้าสู่ค่ายกักกันและสังหารทิ้ง จนกระทั่งปี 1979 กลุ่มประเทศสัมพันธมิตรได้ยอมรับให้เผ่ายิปซีเป็นชนชาติอิสระกลุ่มหนึ่ง แต่เมื่อจบสงครามเย็น ชาวยิปซีในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกถูกรุกรานอย่างร้ายแรงอีกครั้ง ด้วยสถานภาพของพวกเขาไม่ถูกยอมรับและถูกคุกคามตลอดเวลา

คนจีนในต่างประเทศก็ถูกดูถูกอยู่เสมอ แต่กับชาวยิปซีแล้วยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นเหมียวจื่อหลงมองเด็กสาวด้วยสายตาแปลกประหลาด ในสายตาของเขา การทำนายของเผ่ายิปซีกับหมอดูในเมืองจีนนั้นไม่ต่างกัน  คือต่างเป็นพวกหลอกลวงต้มตุ๋น

“ฉันเป็นคนที่ไหน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?” เด็กสาวเบ้ปาก ตอนนี้เธอแสดงอารมณ์เอาแต่ใจเหมือนเด็กๆออกมา

“คุณเห็นว่าฉันอายุยังน้อยเลยดูถูกฉันใช่ไหม?”

เด็กสาวหรี่ตาจ้องเหมียวจื่อหลง เอ่ยต่อว่า “คุณต้องการจะทำเรื่องที่เลวร้ายมากๆเรื่องหนึ่ง แล้วก็เริ่มวางแผนแล้วด้วย คุณไม่ต้องหันไปมองคุณเหลยหรอก เขาไม่เคยบอกฉันมาก่อน นี่เป็นความสามารถในการหยั่งรู้ของฉันเอง!”

คำพูดของเด็กสาวทำให้เหมียวจื่อหลงอ้าปากค้าง “ความสามารถของเธอ? เธอรู้เหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่?”

เหมียวจื่อหลงแม้จะยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายอึกทึกในสนามบิน แต่ความรู้สึกภายในใจกลับเย็นเยียบ ความหนาวเหน็บถาโถมเข้าสู่ใจ  ความอบอุ่นในร่างกายหายไป รอยยิ้มของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าแฝงไปด้วยเล่ห์กลบางอย่าง

“ไม่ผิดหรอก นี่คือวิชาอ่านใจ การทำนายตัวเลขและการดูลูกแก้วที่พวกคุณรู้จักน่ะเป็นวิชาอ่านใจ แต่เป็นระดับพื้นฐานเท่านั้น เป็นแค่เกมหลอกเด็กทั่วไป!”

รอยยิ้มของเด็กสาวเต็มไปด้วยความมั่นใจ เอ่ยต่อว่า “ฉันจะยกโทษให้ที่คุณเสียมารยาทกับฉัน คนไม่ดีในโลกนี้มีมากเกินไปแล้ว คุณรู้ว่าตัวเองยังมีข้อบกพร่อง ยังไม่ถึงกับไม่มีทางเยียวยา”

เด็กสาวมองเค้าโครงหน้าของเหมียวจื่อหลง แล้วพูดเจื้อยแจ้ว ราวกับกำลังอบรมผู้ใหญ่คนนี้อยู่ บรรยากาศโดยรอบรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด

คนที่ถูกต่อว่าอย่างเหมียวจื่อหลงนอกจากอึ้งแล้วยังไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ด้วยวาจาเชือดเฉือน เพราะสิ่งที่เด็กสาวพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในใจ ราวกับว่าได้เปิดเผยความในใจออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น

“น่ากลัวจริงๆ บนโลกนี้มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ?” ความจริงเอาชนะคารมคมคาย คำสั้นๆของเด็กสาวทำให้สายตาของเหมียวจื่อหลงที่มองเธอเปลี่ยนไปเป็นความเกรงขาม

“ฉันไม่ได้น่ากลัวหรอก ผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งมากมายต่างฆ่าฉันได้ไม่ยากเย็น”

เด็กสาวพูดอย่างเรียบเฉย “แต่การสังหารผู้ทำนายอนาคตจะเป็นเหตุให้พบกับความหายนะ ฉันว่า….คุณคงไม่อยากจะเป็นแบบนั้นใช่ไหม?”

“ไม่หรอก ไม่แน่นอน เมเดียน่า…ไม่สิ คุณหนูเจียงซาน ยินดีต้อนรับสู่เคปทาวน์นะครับ รถจอดรออยู่ข้างนอกแล้ว”

ได้ยินดังนั้นแล้ว เหมียวจื่อหลงก้มหัวให้อย่างสดุดี เขาไม่อยากให้ทั้งเด็กสาวและเหลยหู่มองเห็นสีหน้าที่ตื่นตระหนกของเขา

เมื่อครู่นี้เองที่เขาแอบคิดอยู่ในใจว่าอยากจะกำจัดเด็กสาวคนนี้ไปเสีย แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกเธอจับได้เสียก่อน

………………………………………..