เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1366
เมืองหลวง
การคัดเลือกสิ้นสุดลงแล้ว แต่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
ประชาชนเมืองหลวงที่พูดคุยเรื่องการแข่งขันทุกรอบอย่างเพลิดเพลิน ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเรื่อง ก็มีเรื่องใหม่ให้พูดอีกแล้ว
ธิดาเทพที่มาจากประเทศเป่ยเสินเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
วันต่อมาหลังจากการคัดเลือกสิ้นสุดลง ธิดาเทพเริ่มการประลองบู๊ขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ธิดาเทพจัดเวทีประลองให้ใหญ่ขึ้นอีก จัดขึ้นที่นอกประตูอู่เซิ่งที่เมืองหลวง
เวทีประลองหินบลูสโตนยกสูง ด้านบนวางแท่นศิลาสองแท่น มีตัวอักษรขนาดใหญ่อยู่ทั้งสองแท่น
“พลังปราณอ่อนแอไม่ต้องขึ้นเวทีนี้!”
“วิทยายุทธต่ำเชิญทางอื่น!”
คำพูดสั้นกะทัดรัดแต่กินความครอบคลุม เข้าใจได้อย่างง่ายดาย
วันแรกที่เวทีประลองสร้างเสร็จ ธิดาเทพนั่งอยู่บนเวทีประลองตลอดช่วงกลางวัน รอนักบู๊ในเมืองหลวงมาท้าประลอง
วันนั้นคึกคักสุดๆ จากสถิติภายในหนึ่งวันมีคนไม่กลัวตาย 300 กว่าคนขึ้นเวทีมาท้าประลองธิดาเทพ ซึ่งจินตนาการผลได้อยู่แล้ว ไม่มีใครต้านทานได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว สู้จนสุดท้ายไม่มีใครขึ้นมาบนเวที ธิดาเทพเอาหินมาสองก้อนแล้วใช้นิ้วหักเป็นแท่นศิลา สลักตัวอักษรเอาไว้ด้านบนและวางตระหง่านบนเวทีประลอง
วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำให้นักบู๊ประเทศอู่อานจำนวนมากอายจนหน้าแดงถึงหู เธอวางแท่นศิลาเอาไว้แล้ว นักบู๊ที่วิทยายุทธต่ำ ไม่มีหน้าขึ้นไปบนเวทีประลองจริงๆ
แต่พวกวิทยายุทธสูงก็ใช่ว่าจะเอาชนะธิดาเทพได้ ดูผลการต่อสู้ของธิดาเทพ คนแข็งแกร่งอย่างเช่นเฟิงเสี่ยวชี่ สือเฉิน แล้วยังไงล่ะ ก็ยังแพ้ราบคาบอยู่ดี
จนถึงตอนนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว
ตั้งแต่อาทิตย์ขึ้นจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครกล้าขึ้นไปท้าประลองสักคน
ข้างเวทีประลอง มีผู้อาวุโสคนหนึ่งยืนอยู่อย่างเงียบๆ
นี่คือคนที่ธิดาเทพส่งมารอที่นี่โดยเฉพาะ แค่มีคนกล้าขึ้นไปท้าประลอง ผู้อาวุโสจะแจ้งธิดาเทพทันที
มองผู้คนขวักไขว่ไปมาในเมืองหลวง มองพวกนักบู๊ที่ตื่นเต้นแต่ไม่กล้าขึ้นมาบนเวทีประลอง ผู้อาวุโสหัวเราะเบาๆ
“อู่อานที่ยิ่งใหญ่ ก็ไม่เท่าไรนิ!”
ผู้อาวุโสยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น
เพิ่งพูดจบ มีใครบางคนเดินเข้ามา
คนคนนี้มีหนังสัตว์ทั้งตัว ร่างกายกำยำ ผิวหนังสีน้ำตาล บนตัวเต็มไปด้วยรอยแผล ดูอายุประมาณ 20 กว่าปี ยิ้มอย่างสดใส แบกดาบใหญ่อยู่บนไหล่หนึ่งเล่ม
ดาบเหมือนบานประตู เทียบกับกระบี่หนักไร้คมของลู่ฝาน ดาบนี้ใหญ่กว่าหลายเท่า แค่สันมีดที่อยู่บนไหล่ก็ปกคลุมครึ่งไหล่เขาแล้ว
ดาบยาวหลายเมตร ตรงคมมีดมีแสงสีแดงก่ำ ไม่รู้ว่าประดับเอาไว้หรือเป็นรอยเลือด
ผู้ชายเงยหน้ามองเวทีประลองแล้วถามเสียงดังว่า “ที่นี่มีเวทีประลองด้วย ไม่ทราบว่าที่นี่คือเมืองหลวงประเทศอู่อานใช่ไหม”
คนรอบๆ มองผู้ชายคนนี้ด้วยสายตาประหลาด
มาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว ยังไม่รู้อีกว่าที่นี่ใช่เมืองหลวงหรือเปล่า คนคนนี้เป็นไอ้บ้านนอกจากที่ไหนกัน
คงเป็นนักบู๊ที่มาจากเขตห่างไกล ดูจากการแต่งตัวของเขา น่าจะมาจากพื้นที่แห้งแล้ง มันยากสำหรับเขาที่จะมาถึงเมืองหลวง
ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างเวทีประลองตอบว่า “ใช่ ที่นี่คือเมืองหลวงประเทศอู่อาน!”
ผู้ชายหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ในที่สุดก็ถึงสักที นี่คือเวทีประลองที่นายจัดไว้เหรอ มาสู้กันสักสองกระบวนท่าสิ ไม่มีคนประลองบู๊กับฉันนานแล้ว!”
ผู้ชายก้าวขึ้นไปบนเวทีประลอง ผู้อาวุโสยิ้มแล้วตอบว่า “ขอโทษด้วย เวทีประลองนี้ ใช่ว่าคนทั่วไปจะขึ้นมาได้ นี่คือเวทีประลองที่ธิดาเทพประเทศเป่ยเสินจัดไว้ เห็นตัวอักษรบนแท่นศิลาไหม”
ผู้ชายพยักหน้าพูดว่า “เห็นแล้ว ฝีมือทางด้านวรรณกรรมไม่เลวนะ!”
ผู้อาวุโสเกือบสำลัก นี่เรียกว่าฝีมือทางด้านวรรณกรรมไม่เลวได้ด้วยเหรอ แล้วฝีมือทางด้านวรรณกรรมของไอ้หมอนี่ต่ำขนาดไหนกันนะ!
ผู้อาวุโสพูดด้วยความอดทนว่า “นายดูให้ดีๆ ถ้าวิทยายุทธไม่พอ ขึ้นมาก็จะบาดเจ็บเปล่าๆ”
ผู้ชายหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ไม่กลัวเจ็บหรอก แค่สู้ได้ก็พอแล้ว ธิดาเทพประเทศเป่ยเสิน เหมือนฉันเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ทำไมธิดาเทพของประเทศเป่ยเสินถึงอยู่ที่นี่ล่ะ”
เหมือนผู้ชายกำลังครุ่นคิด ทำไมคนของประเทศเป่ยเสินถึงอยู่ที่นี่ แต่คิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาสะบัดมือใหญ่แล้วพูดว่า “ไม่สนแล้ว มีเวทีประลองก็ต้องสู้ ให้เธอออกมาสิ”
ผู้อาวุโสมองผู้ชายอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “บอกวิทยายุทธกับชื่อของนายมาให้ฉันก่อน!”
ผู้ชายพูดเสียงดังว่า “จ้าวหมิงหยู่ มาจากอาณาจักรอสูรซีเหลียง! ตอนนี้พอถูไถเกือบเข้าสู่แดนปราณฟ้า!”
ระหว่างพูด ผู้ชายแสดงวิทยายุทธออกมาบนตัว
พลังปราณบนตัวเขากลายเป็นเงาอสูรขนาดใหญ่ ปรากฏอยู่ด้านหลังเขา มืดฟ้ามัวดิน เสียงคำรามสะเทือนไปทั่ว
ผู้อาวุโสเห็นแล้วถึงกับช็อก จากนั้นร้องเสียงหลงว่า “เงาอสูรกลืนพิภพ! นายคือศิษย์ของอสูรศักดิ์สิทธิ์กลืนพิภพ!”
จ้าวหมิงหยู่หัวเราะร่า “ตาเฒ่าช่างมีความรู้ ตอนนี้ในอาณาจักรอสูรซีเหลียงไม่ค่อยมีคนเรียกตัวตนของฉันแล้ว รีบไปเรียกคนมาสิ ฉันคันไม้คันมือแล้ว!”
ประชาชนประเทศอู่อานที่อยู่รอบๆ พากันตกตะลึง
ศิษย์ของอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรอสูรซีเหลียง ท้าสู้กับธิดาเทพแห่งประเทศเป่ยเสิน!
ผู้อาวุโสสีหน้าประหลาด พูดเสียงดังว่า “ทำไมนายถึงอยู่ที่อู่อาน! นายตามเรามาเหรอ”
จ้าวหมิงหยู่เกาหัวแกรกๆ แล้วพูดว่า “ตามพวกนายเหรอ พวกนายเป็นใครไม่ทราบ”
จู่ๆ ผู้อาวุโสพูดอะไรไม่ออก
ข่าวแพร่ไปในเมืองหลวงเร็วดั่งสายลม
หลังจากเวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว ฉินซางต้าตี้ที่อยู่ในวังรู้ข่าวนี้แล้ว
“อะไรนะ ศิษย์ของอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรอสูรซีเหลียงก็มาอู่อานด้วยเหรอ เขามาทำไม ไม่ใช่มาหาคนสู้เหมือนธิดาเทพคนนั้นใช่ไหม คิดว่านักบู๊ประเทศอู่อานรังแกง่ายหรือไง!”
ฉินซางต้าตี้พูดเสียงดัง ปาหนังสือในมือลงพื้น