ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 762 เขตแดนของฟ้าดินไม่อาจขวางก้าวย่างของข้า!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในเจ็ดหอกสัตปักษาของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง มีหอกเผิงยักษ์กับหอกกระเรียนกายสิทธิ์

หอกแรกรวดเร็ว หอกหลังปราดเปรียว

เสวียนมู่อ๋องปกติเวลาสู้กับคน ส่วนใหญ่แล้วไม่เคยเสียเปรียบในด้านความเร็ว

แต่การเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นในตอนนี้ ขณะที่พุ่งทะยาน กลับไม่อาจไล่ตามได้ทัน

ได้แต่ฝืนรักษาระยะห่างไม่ให้ถูกสลัดไปไกลกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ไม่อาจร่นระยะห่างได้อยู่ดี

เสวียนมู่อ๋องยอมรับว่า อาการบาดเจ็บของตนสาหัสยิ่ง ขณะส่งผลกระทบต่อพลัง ย่อมส่งผลต่อความเร็วด้วย

แต่ว่าพลังฝึกปรือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกของตน ความเร็วไม่ใช่จุดอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร แต่กลับไล่ไม่ทันคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ อีกฝ่ายมีความเร็วสูงเกินไปแล้ว!

พูดถึงความเร็วเพียงอย่างเดียว หากอยู่ในระดับเดียวกัน ต่อให้จะเป็นพวกคังผิงที่ฝึกฝนกระบี่กาลเคลื่อนคล้อย ก็เกรงว่าจะไล่ตามร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ทันเช่นกัน

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถนัดในเรื่องความเร็วอยู่แล้ว เทียบเคียงได้กับจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่ฝึกฝนวิชาธารแสงพันมายา ซึ่งกลายเป็นลำแสงได้ตั้งแต่แรก

มาถึงตอนนี้ ค่อยๆ มีผลสำเร็จในการฝึกฝนวิชาคุนเผิงบรรพกาล ความเร็วเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ สามารถเย้ยจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมดบนทะเลหวงเจียได้แล้ว!

แม้แต่เสวียนมู่อ๋องในตอนนี้ก็ได้แต่เสวยฝุ่นอยู่ด้านหลัง คนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่เหลือยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ความคิดจะไล่ตามก็ยังไม่ทันได้เกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ

เฉินจื้อเหลียงกับไป๋จื่อหมิงมองภาพนี้ สีหน้าซับซ้อนขึ้นมา “ความเร็วเช่นนี้หายากยิ่ง มีจิตของคุนเผิงจริงๆ เสียด้วย”

เสวียนมู่อ๋องขณะกระวนกระวายใจ ก็ค่อยๆ ใจเย็นลง

แม้ว่าจะรู้สึกคับข้องใจ แต่พระองค์ก็ตามติดอยู่ด้านหลังเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย

มาตรว่าความเร็วของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจะน่าทึ่ง แต่พระองค์ไม่เชื่อว่าจอมยุทธ์ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่จะมีความอดทนมากกว่าเขา

เสวียนมู่อ๋องตัดสินพระทัย ไล่ตามไม่ลดละ ไม่มอบโอกาสพักหายใจให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ ต้องการเผาผลาญพลังกายของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกให้หมดสิ้น

พลังกายหากลดลง ความเร็วย่อมช้าลงไปด้วย

ขอแค่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกช้าลง พระองค์ก็จะพุ่งเข้าไปบดขยี้มันเป็นผุยผงได้ทันที!

ตนประมาทมากเกินไป แยกจากหอกราชาลี้ลับ ลงไปยังโลกเบื้องล่าง ทิ้งหอกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่โลกซ้อนโลก อีกทั้งไม่ได้ทิ้งเอาไว้ในสถานที่ที่มียอดฝีมือคอยเฝ้าคุ้มครองอย่างหนาแน่นดุจหมู่เมฆเช่นที่นครหลวง

สุดท้ายสูญเสียของวิเศษที่สืบทอดต่อกันในราชวงศ์ไป เสวียนมู่อ๋องรู้สึกว่านี่น่าขายน้ายิ่งกว่าการพ่ายแพ้กลับมาจากโลกแปดพิภพเสียอีก

หอกราชาลี้ลับ พระองค์ต้องทวงกลับมาให้ได้!

เยี่ยนจ้าวเกอย่อมมองทะลุความคิดของเสวียนมู่อ๋อง

เขาหัวเราะเหอะๆ พลางโคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์นภาหยินหยาง ปราณหยินปราณหยางผสมผสานกัน ให้กับเนิดซึ่งกันและกันอย่างไม่ขาดสาย

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกนอกจากความเร็วแล้ว ยังขึ้นชื่อในด้านพลัง ในตอนนี้ร่างหลักยังมอบญาณจริงแท้ให้อย่างต่อเนื่อง พลังกายจึงเพิ่มมากขึ้น

เสวียนมู่อ๋องคิดจะผลาญพลังของมัน ยังไม่แน่ว่าฝ่ายไหนจะผลาญฝ่ายไหน

แต่ว่าในตอนนั้นเอง บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไปพลันสั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่ง

พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เสวียนมู่อ๋อง เฉินจื้อเหลียง และไป๋จื่อหมิง ใบหน้าต่างปรากฏแววประหลาดใจ

สายตาของทุกคนมุ่งไปที่บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์

จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมองหน้ากันเอง คนของพวกเขาที่สามารถกลับมาได้ล้วนกลับมาหมดแล้ว

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยังคงพุ่งทะยาน คอยหลบหลีกเสวียนมู่อ๋อง ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่บนหลังเงาแสงคุนเผิงที่เกิดจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ทอดสายตามองบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์

ไป๋จื่อหมิงมองบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ กล่าวอย่างตกตะลึงว่า “โลกแปดพิภพมีคนที่มีพลังเหนือกว่าขีดจำกัดการบรรจุของเขตแดน กำลังจะลอยขึ้นมาโลกซ้อนโลกหรือ?”

การลอยจากโลกเบื้องล่างมายังโลกซ้อนโลกของจอมยุทธ์ ไม่ใช่ว่าต้องผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เสมอไป

หากไม่ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ หลังจากลอยขึ้นมาแล้ว ตำแหน่งที่มาถึงบนโลกซ้อนโลกย่อมมีความเป็นไปได้มากมาย

แต่ถ้าหากว่าอยู่ใกล้ๆ บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์พอดี เช่นนั้นก็จะผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์มายังโลกซ้อนโลก โดยตำแหน่งจะอยู่ที่ร่องแยกของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

มีคนลอยขึ้นมา หรือว่าพลังฝึกปรือไม่ถึงแต่อาศัยของวิเศษขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์จะไม่เหมือนกัน

ไป๋จื่อหมิงตนเองลอยจากโลกยมทะยานขึ้นมา เมื่อเห็นดังนั้นก็แยกแยะออกทันทีว่า โลกแปดพิภพมีใครสักคนที่มีพลังฝึกปรือถึงเกณฑ์แล้ว

เฉินจื้อเหลียงกลับมองออกมากกว่า “พลังแห่งเขตแดนของมิติกำลังบีบอัดอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เสถียร คนผู้นั้นกลับไม่ขึ้นมา เหมือนกำลังยื้อยันกับพลังแห่งเขตแดนอยู่!”

“นั่นไม่ใช่หมายความว่า คนผู้นี้ไม่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง ไม่เคยหลอมจุดลมปราณกลายเป็นเทวะ ไม่อาจต้านทานพลังแห่งเขตแดนได้หรอกหรือ? แต่ว่าพลังของเขากลับเหนือกว่าขีดจำกัดในการบรรจุของโลกปดพิภพแล้ว!” ไป๋จื่อหมิงงงงัน

ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างนิ่งอึ้ง

ถึงขั้นที่แม้แต่เสวียนมู่อ๋องยังชะงัก คล้ายนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

เฉินจื้อเหลียงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างตกตะลึง “สหายน้อยเยี่ยน ข้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าในโลกใบนี้นอกจากท่านแล้ว ยังมีใครที่ไม่ถึงขั้นเทวะสำแดง แต่กลับอยู่เหนือขีดจำกัดในการบรรจุของเขตแดนแห่งฟ้าดินอีก!

“คนผู้นี้เป็นใครกันแน่”

ในวังฝูงมังกร เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่มองหน้ากัน พูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

“ท่านอาจารย์อาเจ้าสำนัก!”

“ท่านประมุขตระกูล!”

เยี่ยนจ้าวเกออดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

คนในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องรู้สึกขนลุกขนพองเพราะเสียงหัวเราะของเยี่ยนจ้าวเกอ

เสวียนมู่อ๋องยังดีอยู่ แต่จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่เหลือสีหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!

ก่อนหน้านี้ยังรำพึงรำพันอยู่ว่า บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ได้สกัดดาวร้ายจากโลกเบื้องล่างเอาไว้ อีกฝ่ายจึงไล่ตามขึ้นมาไม่ได้อยู่เลย

แต่ดูจากตอนนี้ หรือว่าอีกฝ่ายจะไล่ตามมาแล้ว!

เขตแดนของฟ้าดินไม่อาจขัดขวางคนผู้นั้นได้หรือ?

ขณะมองคนในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ เฉินจื้อเหลียงกับไป๋จื่อหมิงก็เข้าใจ

คนทั้งสองใบหน้าเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน ต่างพุ่งเข้าไปใกล้ๆ บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์

เฉินจื้่อเหลียงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ยกมือขึ้นโยนตราประทับเล็กๆ อันหนึ่งเข้าไปในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ หลังจากนั้นแสงสว่างของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นมายา

แสงสว่างมายากระจ่างใส ด้านในมิติที่ปั่นป่วนดูเหมือนมีแบบแผนขึ้นมาชั่วขณะ

ในสถานะการณ์เช่นนี้ ทางเชื่อมมิติคล้ายกับถูกยึดเอาไว้ เหมือนกับอุโมงค์มีรูปร่างสายหนึ่งที่ทอดตัวตรง ทำให้ผู้คนเห็นภาพตรงปลายทางเชื่อม

เมื่อไม่มีการรบกวนจากมิติเวลา ด้วยพลังสายตาของพวกเฉินจื้อเหลียง จึงเห็นประตูที่อยู่ปลายอีกด้านหนึ่งของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์อย่างชัดเจน

ที่นั่นคือโลกแปดพิภพ

ณ โลกแปดพิภพในตอนนี้ บนซากยอดเขาเรืองรองที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เคยตั้งอยู่ มีเงาคนสองเงาลอยอยู่กลางอากาศ

มีบุรุษที่หน้าตาหล่อเหลา จอนผมสองข้างเป็นสีขาว นั่งตัวตรงอยู่ตรงประตูทางเข้าบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์

แสงสว่างที่กะพริบอยู่ตรงร่องแยกมิติม้วนเขาเอาไว้ เหมือนจะลากเขาเข้ามาด้านใน

โลกแปดพิภพในตอนนี้กำลังสั่นสะเทือน ภูเขาและทะเลล้วนสั่นไหว

พลังมหาศาลไร้รูปร่างที่ยิ่งใหญ่กีดกันบุรุษผู้นี้ หมายจะไล่เขาออกไปจากโลกแปดพิภพ!

คนที่อยู่ในโลกซ้อนโลกขณะมองใบหน้าที่เหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอหกเจ็ดส่วน ต่างกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

บุรุษผู้นี้ย่อมเป็นเยี่ยนตี๋!

เยี่ยนตี๋ในตอนนี้แม้จะอยู่ในแปดพิภพไม่ได้อีก แต่สีหน้ายังคงมั่นคง

จุดลมปราณทั่วร่างต่างสั่นไหวเล็กน้อย กระแสปราณสายแล้วสายเล่าซัดกระหน่ำออกมาจากด้านใน

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะร่า เป็นบิดาของตนจริงๆ ด้วย

บิดาของเขาในตอนนี้ ร่าง รูป วิญญาณรวมเป็นหนึ่ง ไม่แบ่งแยกกันและกัน อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย

คิดว่าหลังจากต่อสู้กับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเสร็จ ในที่สุดเขาก็ก้าวเท้าก้าวนี้ออกมาได้สำเร็จ

การก้าวเท้าก้าวนี้สำหรับคนอื่นๆ ในโลกแปดพิภพ เป็นการเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ

แต่ว่าสำหรับเยี่ยนตี๋ที่เดิมทีก็ไร้เทียมทานในโลกใบนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ใช่แค่ไร้เทียมทานในหมู่คนเท่านั้น แม้แต่โลกแปดพิภพก็ไม่อาจกังขังหน่วงเหนี่ยวเขาได้อีก!