ตอนที่ 974: ต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์ (4)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 974: ต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์ (4)

เสียงอื้ออึงดังขึ้น โถงศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อย ๆ ยกตัวขึ้นจากพื้นดินและลอยขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง เสียงของเจี้ยนเฉินดังออกมาเหมือนเสียงฟ้าร้อง และดังระเบิดไปรอบ ๆ

“ถ้าเจ้าต้องการที่จะฆ่าข้า ! ข้าอยากจะเห็นว่าใครกันจะฆ่าข้าได้ในวันนี้”

เจี้ยนเฉินไม่ยอมหยุด เมื่อเขามีโถงศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องเขา เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องระวังตระกูลผู้พิทักษ์ เขายังคงใช้โถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อบี้พวกเขาไปที่พื้นดินเหมือนก่อนหน้านี้

ทั้งหมดหน้าซีดมากในขณะที่พวกเขาสั่นไปด้วยโทสะ พวกเขาโกรธมากจนพวกเขาเงียบไป พวกเขาเป็นที่เคารพและศรัทธาจากทุกคนในทวีปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยถูกทำให้อยู่ในสภาพย่ำแย่แบบนี้มาก่อน

ยิหยางซียากที่จะสงบใจไว้ได้และคำรามออกมา “เจี้ยนเฉิน อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่มีโถงศักดิ์สิทธิ์ของเซียนจักรพรรดินะ ผู้อาวุโสสูงสุด เอาโถงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราออกมา” ในขณะที่พูด ยิหยางซีก็เหวี่ยงมือออกไปและรอยแยกมิติก็ปรากฎขึ้นมาทันที มันเปิดประตูมิติไปที่ส่วนหนึ่งของนิกายยิหยวน หลังจากนั้นไม่นาน แรงดูดก็ปรากฏจากมือของเขาและโถงศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่บนแท่นบูชาก็บินออกมาทันที

มันมาหยุดอยู่บนมือของยิหยางซีและขยายออกอย่างรวดเร็ว และยาวเป็น 3,000 เมตรในพริบตา จากนั้นยิหยางซีก็บินเข้าไปในนั้นและเริ่มที่จะบังคับมันอย่างโกรธเกรี้ยว มันกระแทกไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของเจี้ยนเฉิน

ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นเปิดมิติออกและสร้างประตูมิติขึ้นมา และหายไปเพื่อกลับไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์ พวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่ายิหยางซี ดังนั้นพวกเขาจงไม่สามารถบังคับโถงศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนยิหยางซี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องกลับไปอย่างเดียวเท่านั้น

เนื่องด้วยกฎบางอย่างของตระกูลผู้พิทักษ์ พวกเขาไม่สามารถเป็นนายของโถงศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนเจี้ยนเฉิน แทนที่กัน โถงศักดิ์จะถูกบูชาไว้ในตระกูลผู้พิทักษ์และไม่ได้อยู่กับตัวพวกเขา พวกเขาสามารถเอาออกมาในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น และมันจะถูกควบคุมโดยใช้ทักษะลับ

บู้ม !

ยิหยางซีใช้โถงศักดิ์สิทธิ์ของเขาปะทะไปอย่างรุนแรงที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด มันเกิดเสียงระเบิดดังเสียดหูขึ้นมาทันที คลื่นพลังงานที่น่ากลัวขยายไปทุกทิศทาง ทำให้ภูเขาด้านล่างถล่มทลาย หินหลายก้อนกลายเป็นผุยผง

แม้ว่าโถงศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้มีพลังโจมตีที่มากมายภายนอก แต่มันก็ยังคงมีพลังของเซียนจักรพรรดิ การปะทะกันระหว่างโถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองกลางอากาศก็เหมือนกับการปะทะกันระหว่างเซียนจักรพรรดิ 2 คน แค่เสียงการปะทะก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าเซียนสวรรค์และฉีกวิญญาณของพวกเขาให้เป็นชิ้น ๆ

โชคดีที่สนามการต่อสู้ได้ย้ายออกมาหลายร้อยกิโลเมตรแล้ว ถ้ามันเกิดขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองอัคนี ก็คลื่นเสียงเล็กน้อยจากการปะทะกันก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าคนทั้งเมืองได้

ทั้งสองโถงยังคงปกติดีหลังจากที่ปะทะกัน แต่พลังที่รุนแรงก็ทำให้ทั้งสองถอยกลับไป

ทั้งสองข้างเคร่งเครียด ทันทีที่โถงศักดิ์สิทธิ์ทรงตัวได้ พวกมันก็ปะทะกันอย่างแรงอีกครั้ง มันทำให้แผ่นดินไหวและภูเขานับไม่ถ้วนก็พังทลายลง

ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นกลับมาจากนิกายยิหยวนพร้อมกับโถงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาควบคุมคนละอัน ดังนั้นมันจึงมีรวมกันทั้งหมด 5 อันรวมถึงของยี่หยวนซีด้วย พวกเขาโจมตีไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของเจี้ยนเฉินอย่างมุ่งร้ายเพื่อขจัดโทสะของพวกเขาไป

“อ้าก ! ” เจี้ยนเฉินร้องคำรามออกมายาว เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย และควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์และพุ่งเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าด้วยแรงที่มหาศาล

ในตอนนี้ ความขัดแย้งระหว่างเจี้ยนเฉินและนิกายยิหยวนได้กลายเป็นการปะทะกันระหว่างโถงศักดิ์สิทธิ์แล้ว แม้ว่าจะไม่มีใครทำให้ใครได้รับบาดเจ็บ แต่การต่อสู้ก็ตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

เสียงจากการปะทะกันระหว่างโถงทั้งหกดังออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ เสียงที่น่ากลัวทำลายล้างไปรอบ ๆ จนมิติฉีกเปิดออก ภูเขาด้านล่างพังทลายลูกแล้วลูกเล่า ในขณะที่แม้แต่พลังธรรมชาติยังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง มันเริ่มที่จะปั่นป่วนอย่างรุนแรง

การปั่นป่วนที่รุนแรงจากการปะทะกันอย่างต่อเนื่องของโถงศักดิ์สิทธิ์ 6 โถงทำให้จอมยุทธที่อยู่ในระดับสูงบนทวีปรู้ตัว

เทียนเจี้ยนนั่งหลับตาอยู่กลางอากาศในมิติที่หนึ่ง มิติเป็นส่วนหนึ่งของโถงศักดิ์สิทธิ์ในเมืองทหารรับจ้าง คิ้วของเขาค่อนข้างขาว

ตรงข้ามกับเขามีหมิงตงที่อยู่ในชุดดำนั่งอยู่ และเถี่ยต้าที่เปลือยอกอยู่ พวกเขาได้รับคำแนะนำส่วนตัวจากเทียนเจี้ยนในสองสามปีที่ผ่านมานี้ ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วมาก พลังที่หนักหน่วงเต็มไปทั่วทั้งบริเวณ

ทันใดนั้นเอง ตาของเทียนเจี้ยนก็ลืมขึ้นมา สายตาของเขาเป็นประกาย เขามองไปที่มิติซึ่งอยู่ไกลออกไป สายตาของเขาดูเหมือนจะมองทะลุและเห็นไกลออกไปได้

“มันเป็นการปะทะกันระหว่างโถงศักดดิ์สิทธิ์ทั้งหก ห้าในนั้นเป็นของนิกายยิหยวนของตระกูลผู้พิทักษ์ แล้วใครกันที่กำลังควบคุมอีกอันหนึ่งอยู่ ? เขากล้าที่จะเป็นศัตรูกับนิกายยิหยวน” เทียนเจี้ยนพึมพำ เขาเคลื่อนไหวและหายไป

ชายชราผมสีเทาจุ่มเท้าอยู่ในโคลนที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่าที่ชายป่าเทือกเขาครอส เขากำลังเหวี่ยงจอบของเขาอย่างต่อเนื่องในขณะที่เขากำลังขุดดิน

ทันใดนั้นเอง ตาของชายชราก็แหลมคมขึ้น เขาจ้องออกไปไกลด้วยความสนใจและยังแม้แต่หยุดการขุดดินของเขา

“ช่างเป็นคลื่นพลังที่เหลืออยู่ที่ทรงพลังอะไรแบบนี้ ใครกำลังสู้กันนะ ? จอมยุทธของทวีปสัตว์เทวะมาอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?” ชาวไร่ชราพึมพำ เขาหลับตาและใช้ทักษะลับเพื่อสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น สักพักเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างมีอารมณ์แล้วพูดว่า “มีบางคนกำลังต่อสู้กับนิกายยิหยวนด้วยโถงศักดิ์สิทธิ์ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าใครกันที่ควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่ ความกล้าหาญนั้นช่างน่าชื่นชมจริง ๆ ที่เขากล้าแม้กระทั่งไปยั่วยุหนึ่งในตระกูลผู้พิทักษ์ แต่นี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอยู่ดี ข้าไม่ยุ่งเรื่องของทวีปมานานแล้วและข้าจะไม่ไปยุ่งเรื่องอะไรอีก ตราบใดที่จอมยุทธของทวีปสัตว์เทวะไม่มาบุกรุกและชีวิตของเจ้าอ้วนน้อยไม่เป็นอันตราย ข้าก็จะไม่สนใจ ถึงแม้ฟ้าจะถล่มก็ตาม”

ชายไร่ชราหยุดตอนที่เขาพูดถึงตรงนี้ ความประหลาดใจฉายอยู่ในดวงตาของเขาในขณะที่เขาพูดออกมา “แปลกจริง ทำไมข้าถึงคุ้นกับพลังแห่งการมีอยู่จากโถงศักดิ์สิทธิ์นั่นจัง ? มันดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับวิธีการฝึกฝนของนิกายดาบโลหิตของข้า ใครกันที่กำลังควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์ ? “

ชาวไร่ชราขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาก้มหัวลงคิดและพึมพำกับตัวเอง “ไม่ได้การ ข้าต้องไปดูแล้วล่ะ” เขาเหวี่ยงจอบและเปิดประตูมิติออก จากนั้น เขาถึงเดินทางไปที่นั่นด้วยเท้าเปล่าพร้อมกับจอบที่อยู่ไหล่ของเขา

ในอีกเขตมิติอื่น กระจกน้ำขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ และเผยให้เห็นถึงการต่อสู้กันระหว่างโถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ด้านล่างมีชายชุดขาววัยกลางคนที่ดูชั่วร้ายกำลังนอนอยู่กระจกในขณะที่เขามองออกไปอย่างสนใจ เขาดูเหมือนกำลังดูบางอย่างที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่

“ข้าไม่คิดเลยว่าเจี้ยนเฉินจะทรงพลังขนาดนี้หลังจากที่หายไปแค่ไม่กี่ปี มันค่อนข้างเหลือเชื่อ ในตอนนี้เจี้ยนเฉินมีโถงศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องเขา ข้าอยากจะเห็นว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะเอาพยัคฆ์ปีกเทวะจากเขาไปได้อย่างไรจริง ๆ “

“ฮ่าฮ่า ตระกูลผู้พิทักษ์ทุ่มเทพลังในการต่อสู้เพื่อพยัคฆ์ปีกเทวะ พวกเขาใช้หลากหลายวิธีในการพยายามที่จะตามหาเจี้ยนเฉินและเอาพยัคฆ์ปีกเทวะมา แต่ในตอนนี้เจี้ยนเฉินกลับมาเองและยังมีพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่ด้วยอีก ข้าอยากรู้ว่าท่าทางของพวกนั้นจะเป็นยังไงถ้าพวกนั้นรู้ว่าไม่สามารถเอาเสือไปจากเจี้ยนเฉินได้ ข้ารอคอยให้ถึงตอนนั้นจริง ๆ ข้าต้องเห็นกับตาให้ได้ถึงตอนที่ตระกูลผู้พิทักษ์ถูกบังคับให้ยอมแพ้”

ชายคนนี้หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย

ในตอนนี้เอง หญิงที่ดูดึงดูดมากที่เหมือนจะมีอายุยี่สิบกว่าปีได้เดินเข้ามาแต่ไกลช้า ๆ นางถอนหายใจแล้วพูด “ท่านพี่ ดูเหมือนว่าข้าจะท้อง ทำไมท่านไม่ให้เวลากับข้ามากกว่านี้หน่อย ? ” หญิงคนนี้บ่น

ชายคนนี้โบกมือและกระจกก็แตกกระจายทันที เขายืนขึ้นและหัวเราะไปที่หญิงคนนี้ “ฮาฮาฮา ลูกของมารราคะคนที่ 88 จะถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว”

บนเกาะมังกรที่เต็มไปด้วยหมอก หลุมดาราก็เปล่งแสงไปด้วยดวงดาวเหมือนก่อนหน้านี้ มันดูเหมือนจะเต็มไปด้วยท้องฟ้าทำให้มันดูน่าหลงไหลมาก

ในตอนนี้ มิติที่สงบที่ก้นหลุมได้สั่นไวเล็กน้อย ร่างสองร่างได้ปรากฏขึ้นมาช้า ๆ และรูปร่างของพวกเขาก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

มันเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะอายุสี่สิบกว่ากว่าและชายชราอีกคนที่จะมีอายุเจ็ดสิบกว่า พวกเขาคือมังกรทองเทวะรุยจินและจระเข้เทวะเฮยยู่ที่ได้แยกจากเจี้ยนเฉินเมื่อหลายปีก่อน

หลังจากที่หายไปเกือบศตวรรษ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งสองเลย พวกเขายังคงปกติและไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวในตอนนี้คือพวกเขาดูเหมือนคนธรรมดามาก

รุยจินมองไปรอบ ๆ และพึมพำออกมา “พวกเรากลับมาแล้ว พวกเราต้องตามหาเจี้ยนเฉิน พวกเราจะให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่สามารถเจอเพื่อนร่วมตระกูลของข้าได้อีก”

เฮยยู่พยักหน้าและตอบกลับ “เจี้ยนเฉินเป็นมนุษย์จากทวีปเทียนหยวน ดังนั้นเขาน่าจะอยู่ที่นั่น พวกเราไปกันเถอะ”

..

เจี้ยนเฉินยังคงต่อสู้อยู่กับโถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าในขณะที่เขากำลังควบคุมโถงของเขาอยู่ พวกเขาติดอยู่ในการต่อสู้และไม่มีฝ่ายใดต้องการที่จะยอมแพ้

มิติรอบ ๆ เปิดออกอย่างเงียบเงียบในขณะที่พวกเขาสู้ ในไม่กี่วินาที เซียนราชาหลายคนก็ได้มารวมอยู่ตรงนั้น

ในตอนนี้ ตระกูลผู้พิทักษ์อื่นก็ได้มารวมกันอีกครั้งในที่สุด ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยนและหัวหน้านิกายดาบโลหิต ฮูสตันก็มาด้วย

ทันทีที่พวกเขาออกมาจากประตูมิติ พวกเขาก็พุ่งความสนใจไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกที่กำลังปะทะกันอย่างรุนแรงกลางอากาศ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

ฮูสตันถือจอบอยู่บนไหล่ของเขาและไม่ได้มองไปแม้แต่ที่โถงทั้งห้าของนิกายยิหยวน แทนที่กัน เขาจ้องตาไม่กระพริบไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและในเวลาเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน เขาคิด “ไม่ผิดแน่ มันไม่ผิดแน่ โถงศักดิ์สิทธิ์นี้เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนของนิกายของข้า ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานจากแหล่งเดียวกันจากมันได้ แต่โถงศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังของเซียนจักรพรรดิ ไม่เคยมีเซียนจักรพรรดิปรากฏอยู่ในนิกายของข้าเลย ถ้างั้นใครกันที่ควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่ ? และโถงศักดิ์สิทธิ์นี้มาจากไหน ? ใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมากัน ? “