ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นยิ้มอย่างเคอะเขิน เขามัวแต่สนใจยาลูกกลอนของหมอปีศาจจนลืมหน้าที่ของตนเองไปเสียแล้ว

โชคดีที่นักปรุงยาท่านอื่นไม่ได้โกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็ได้ทำการตรวจสอบยาลูกกลอนแต่ละเม็ดจนเสร็จสิ้น

เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ พวกเขาจึงลดระดับของยาลงมา

ดังนั้น คะแนนของนักปรุงยาเหล่านี้จึงออกมาอย่างน่าสังเวชมาก

อันดับหนึ่งแน่นอนว่าเป็นของหมอปีศาจ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใดเลย

จากนั้นก็เริ่มมอบของรางวัล นั่นก็คือสมุนไพรที่มู่เฉียนซีเสาะแสวงหามายาวนาน

ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นหรี่ตายิ้มพลางเอากล่องไม้สีดำกล่องหนึ่งออกมา กล่องไม้สีดำกล่องนี้สามารถต้านทานพิษได้

มิเช่นนั้นพิษที่หญ้าจิ่วอินหยวนแผ่ซ่านออกมานี้ก็คงจะคร่าชีวิตคนทั้งลานประลองไปแล้ว

“นี่คือรางวัลของท่าน!” ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นกล่าว

มู่เฉียนซีรับกล่องไม้นั้นมา ขณะที่กำลังจะเปิดออกมาตรวจสอบดู ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นก็รีบกล่าวเตือนทันที “ท่านหมอปีศาจ ระวัง! หญ้าจิ่วอินหยวนไม่ใช่สมุนไพรธรรมดา!”

มู่เฉียนซีตอบ “พิษของหญ้าจิ่วอินหยวนทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

ครั้นแล้วนางจึงเปิดกล่องไม้สีดำนี้อย่างทะนุถนอม ในกล่องมีหญ้าต้นเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อนวางอยู่ต้นหนึ่ง

มันดูเหมือนจะไร้พิษภัย แต่กลับมีพลังการทำลายชีวิตอย่างรุนแรงมาก

ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นเองก็ร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ต่อให้กล่องไม้สีดำนี้จะสามารถยับยั้งพิษได้ แต่เขาก็รู้สึกถึงอันตรายของหญ้าจิ่วอินหยวนนี้ได้อย่างชัดเจน

เขาคิดในใจว่า ‘สมกับเป็นหมอปีศาจจริง ๆ แม้แต่พิษของหญ้าจิ่วอินหยวนก็ทำอะไรเขาไม่ได้!’

มู่เฉียนซีกล่าว “เป็นหญ้าจิ่วอินหยวนจริง ๆ รางวัลในการประลองครั้งนี้ ข้ารับเอาไว้แล้ว”

ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นยิ้มพลางกล่าว “นี่เป็นสิ่งที่ท่านสมควรได้รับแล้ว!”

“เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน หากพวกท่านต้องการทำการค้าก็ไปที่หอหมอปีศาจได้!”

นางต้องรีบกลับไปเตรียมตัวสักหน่อย ตัวตนของนางที่คว้าอันดับหนึ่งในการประลองการปรุงยาอายุไม่เกินร้อยปีนั้น นางได้กลายเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออกไปแล้ว

และตัวตนของหมอปีศาจมู่ซีที่ยืมฝีมือของนิรันดร์มานั้น ยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้น

การประลองสองครั้งเท่ากับเป็นการโฆษณาครั้งใหญ่ในแดนตะวันออก หลังจากนี้หอหมอปีศาจจะอยู่อย่างเงียบ ๆ ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว

หลังจากการประลองนี้สิ้นสุดลง ข่าวนี้ก็ได้แพร่งพรายไปทั่วทั้งแดนตะวันออก

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าอัจฉริยะนักปรุงยาของหอหมอปีศาจผู้นั้น นางคว้าอันดับหนึ่งในการประลองการปรุงยาอายุไม่เกินร้อยปีมาได้ด้วยวัยเพียงสิบเจ็ดปีเองนะ!”

“ผู้นำตระกูลมู่มีพรสวรรค์สูงมาก แต่พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าหมอปีศาจต่างหากที่ยอดเยี่ยมฝีมือเก่งกาจที่สุด พวกเจ้าไม่เห็นภาพในตอนที่ประลอง มันเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนะ”

“……”

ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน หอหมอปีศาจก็กลายเป็นหอโอสถที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งแดนตะวันออก

ด้วยอิทธิพลของหอหมอปีศาจในตอนนี้ ต่อให้ตำหนักตงจี๋ต้องการปราบปรามพวกเขามากเพียงใดก็ไม่อาจทำได้

และหัวหน้าหอหมอปีศาจอย่างมู่เฉียนซีในตอนนี้กลับลากหัวหน้านักปรุงยาของหอหมอปีศาจอย่างจวินโม่ซีเข้าไปในห้องปรุงยาแล้ว และเริ่มหลอมยาต่อชะตาชีวิตในทันที

ในตอนนี้เหล่าบรรดานักปรุงยาที่เข้าร่วมการประลองการปรุงยายังไม่ได้กลับไป เพราะพวกเขารอซื้อยาลูกกลอนกันอยู่

มู่เฉียนซีไม่ยอมพลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้แน่นอน และนางก็เริ่มหลอมยาอย่างแข็งขัน

ถึงแม้ว่าจะมีหม้อชีชิงซวนคอยสนับสนุนอยู่ แต่จวินโม่ซีก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอยู่ดี

เขาเห็นมู่เฉียนซีท่าทางกระปรี้กระเปร่า จวินโม่ซีจึงกล่าวว่า “เจ้ามันช่างวิปริตจริง ๆ!”

ยาก็หลอมออกมาได้มากพอประมาณแล้ว มู่เฉียนซีเปิดขายยาต่อชะตาชีวิตในหอหมอปีศาจ คนกลุ่มหนึ่งก็มาเพราะได้ยินชื่อเสียงอันลือเลื่องนี้

มู่เฉียนซีกล่าว “ยาต่อชะตาชีวิตนี้จะซื้อได้อย่างไรทุกท่านก็คงจะทราบกันดี ผู้อาวุโสทุก ๆ ท่านที่ต้องการซื้อ ก็เอาสมุนไพรออกมาเถอะ! สมุนไพรของท่านใดทำให้ข้าพอใจได้ ก็เอามาแลกกับยาหนึ่งเม็ด รอบต่อไปก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน…”

จากนั้นนักปรุงยาผู้หนึ่งก็ได้เอ่ยปากกล่าวว่า “ข้าขอแลกด้วยผลว่านถัวหลัวสมุนไพรขั้นปฐพีหนึ่งผล”

“ข้าขอแลกด้วยหัวใจดอกไม้ทะเล สมุนไพรขั้นปฐพีระดับสูง”

“ข้าขอแลกด้วย…”

สมุนไพรที่นักปรุงยาเหล่านี้เอาออกมาแลกนั้นล้วนแต่ไม่ใช่สมุนไพรธรรมดาเลย แต่ละคนเสนอออกมาเพื่อให้มู่เฉียนซีได้ตัดสินใจ

มู่เฉียนซีกล่าว “รอบนี้ ข้าเลือกหัวใจดอกไม้ทะเล ยาต่อชะตาชีวิตเม็ดนี้เป็นของท่านปรมาจารย์ท่านนี้แล้ว”

“รอบต่อไปเริ่มได้!”

พวกเขาไม่รู้เลยว่ามู่เฉียนซีหลอมยาลูกกลอนออกมาเท่าใด อาจจะหลอมออกมาสองสามเม็ดก็ได้ ดังนั้นจึงต้องลงมืออย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้น ต่อให้มีสมุนไพรที่ยอดเยี่ยมเพียงใดก็ไม่อาจแลกมาได้แล้ว

คนเหล่านี้เอาสมุนไพรมากมายหลายชนิดที่พยายามหามาได้อย่างยากเย็นออกมา จวินโม่ซียืนมองเหตุการณ์นี้อยู่ชั้นบน

จวินโม่ซีพึมพำเสียงเบาว่า “สาวน้อยผู้นี้ช่างเป็นแม่ค้าหน้าเลือดจริง ๆ หากำไรด้วยวิธีที่ดีกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือยังไง ฝีมือการปรุงยายอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ยังจะมาแย่งงานข้าอีก”

มู่เฉียนซีขายยาอย่างมีความสุขจนนางสังเกตไม่เห็นถึงอันตรายที่ซ่อนตัวอยู่

ในขณะที่อันตรายนั้นเข้ามาใกล้ตัวนาง เงาร่างร่างหนึ่งก็กระโจนออกไปอย่างไร้ซึ่งสุ้มเสียงจนไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลย

คนผู้นั้นก็คือชิงอิ่ง!

“ที่แท้ก็เป็นหุ่นเชิดผู้จงรักภักดีนี่เอง ข้าคิดว่าเจ้าไม่เหมือนกับหุ่นเชิดทั่ว ๆ ไป เหตุใดเจ้าถึงยอมให้สาวน้อยผู้มีพลังอ่อนแอผู้นั้นควบคุมเจ้าอยู่ได้ล่ะ?”

คนผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีดำ และได้ปิดหน้าเอาไว้ เขากล่าวกับชิงอิ่งด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและแหบแห้ง

ตูม! ชิงอิ่งตอบคำถามนี้ของเขาไปคราหนึ่ง นั่นก็คือการโจมตี!

คนชุดดำรีบหลบ “ข้าสามารถทำให้เจ้าคืนสู่อิสระได้ ไม่จำเป็นต้องกลายเป็นของเล่นของพวกมนุษย์พวกนี้ เจ้าจะได้ไม่ต้องอยู่แบบทุกข์ทรมานเช่นนี้อย่างไรล่ะ!”

ปัง ปัง ปัง!

ดูเหมือนว่าคำพูดของเขานั้นจะไม่เข้าหูชิงอิ่งเลยแม้แต่น้อย ชิงอิ่งโจมตีอย่างต่อเนื่อง!

ทว่า พลังของคนผู้นี้ก็ไม่ได้อ่อนแอเลย เขารับมือกับการโจมตีของชิงอิ่งด้วยความระมัดระวัง

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

มีคนลงมือต่อสู้กันในเมืองตงจี๋เช่นนี้ แน่นอนว่าทำให้ไป๋อู๋ห่ายสังเกตเห็นแล้ว

มู่เฉียนซีตกใจขึ้น และรับรู้ได้ว่ามีกลิ่นอายอันคุ้นเคยอยู่ไม่ไกล

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านปรมาจารย์ทุกท่านเชิญกลับไปเถอะ! ยาลูกกลอนในวันนี้ได้ขายหมดแล้ว”

ถึงแม้ว่านางจะชื่นชอบในสมุนไพรมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำการค้า

จวินโม่ซีก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ยังมียาลูกกลอนอยู่อีกมากไม่ใช่เหรอ ขายดีถึงเพียงนี้เหตุใดถึงหยุดขายเสียล่ะ”

ชั้นบนของหอหมอปีศาจไม่มีคนนอก มู่เฉียนซีกระโจนขึ้นไป และตะโกนว่า “ชิงอิ่ง!”

“ชิงอิ่ง!”

“……”

หากชิงอิ่งอยู่ข้างกายนาง นางแค่เรียกเบา ๆ เขาก็จะปรากฏตัวขึ้น แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น…

เขาไม่ได้อยู่ตรงนี้!

จวินโม่ซีกล่าว “เจ้าท่อนไม้ไปเล่นอยู่แถวไหนแล้วล่ะ ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ ปกติเขาไม่เคยอยู่ห่างสาวน้อยนี่ หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้น?”

ตูม!

เสียงการต่อสู้ดังขึ้นมาจากทางด้านหน้า มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าตะกละจวิน ไปกับข้า เร็วเข้า!”

ถึงแม้ว่านางจะเชื่อในพลังความแข็งแกร่งของชิงอิ่งว่าไม่มีผู้ใดในแดนตะวันออกจะทำอะไรเขาได้ แต่นางก็รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“ได้!”

ไป๋อู๋ห่ายกับเฟิงอวิ๋นซิวได้นำกำลังคนมาจำนวนมาก

คนชุดดำรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่กำลังเข้ามา เขาก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “มีคนขวางทางเยอะเช่นนี้ ข้าก็จะไม่เสียเวลากับเจ้าอีกต่อไป วันนี้ข้าจะต้องเอาตัวเจ้าไปให้ได้!”

ทันทีที่เขาโบกมือ หนามสีดำอันแหลมคมก็ปรากฏขึ้น

เขากล่าว “ไป!”

หนามสีดำนี้ราวกับมีชีวิตก็มิปาน มันพุ่งไปที่ร่างของชิงอิ่ง! ชิงอิ่งจะหลบ แต่หนามนี้ได้แผ่ออกเป็นตาข่ายรวดเร็วและรุนแรงเป็นอย่างยิ่งกักขังร่างของชิงอิ่งเอาไว้