บทที่ 1164 ย้อนกลับ!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

“ทำไมไม่พูดล่ะ” ขณะที่หวังเป่าเล่อพึมพำในใจ กึ่งบุตรแห่งความมืดผู้นั้นก็ใช้มือขวาผลักประตูห้องเข้ามา เผยยิ้มหยัน ก่อนจะส่งวาจายั่วยุ

เขาสังเกตเห็นแล้วว่าผู้อาวุโสในสำนักจำนวนมากกำลังพุ่งความสนใจมายังที่แห่งนี้ อีกทั้งการมาของเขาครั้งนี้ก็ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อศิษย์พี่ใหญ่คนที่เขาเคารพและชื่นชม

ในการรับรู้ของเขาและเหล่ากึ่งบุตรแห่งความมืด มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่ของตระกูลเท่านั้นที่คู่ควรจะเป็นบุตรแห่งความมืด และในอนาคตก็จะนำพาสำนักแห่งความมืดของพวกเขาหวนคืนสู่โลกที่มีชีวิต ทำให้สำนักแห่งความมืดรุ่งโรจน์อีกครั้ง

ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธคนนอกอย่างหวังเป่าเล่อ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นบุตรแห่งความมืดที่เต๋าสวรรค์ยอมรับ และยังเป็นศิษย์ในนิมิตมืดของอดีตผู้อาวุโสเก้า นั่นทำให้เขายิ่งไม่ชอบใจ

แน่นอนว่าที่นี่ย่อมมีความเกลียดชังผู้ฝึกตนจากโลกที่มีชีวิต ในความคิดของเขาและกึ่งบุตรแห่งความมืดคนอื่น หรือแม้กระทั่งของผู้ฝึกตนในสำนักเกือบทุกคน หวังเป่าเล่อ…มาจากโลกที่มีชีวิต และยังเป็นผู้ฝึกตนภายใต้คำสั่งของตระกูลไม่รู้สิ้น บุคคลเช่นนี้จะมาเป็นบุตรแห่งความมืดได้อย่างไรกัน

นี่เป็นที่มาให้เกิดการยั่วยุและทดสอบครั้งนี้ จุดประสงค์ของเขาคือต้องการยั่วโทสะหวังเป่าเล่อ ทำให้หวังเป่าเล่อลงมือ และทันทีที่อีกฝ่ายลงมือ ไม่ว่าจะมีความชอบธรรมหรือเหตุผลก็ไร้ความหมาย

อย่างไรที่นี่ก็คือสำนักแห่งความมืด และหวังเป่าเล่อเป็นคนนอก

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ความชอบธรรมใด กฎเกณฑ์ใดล้วนไร้ประโยชน์ ตราบใดที่หวังเป่าเล่อลงมือ เหล่าผู้อาวุโสที่เพ่งเล็งมาที่นี่จะต้องเข้าขัดขวางอย่างแน่นอน

“ข้าแค่จะทำให้เขาเสียหน้าจนไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อ แล้วกลิ้งกลับโลกที่มีชีวิตไปซะ!” เด็กหนุ่มกึ่งบุตรแห่งความมืดเผยดวงตามืดมน มองไปยังหวังเป่าเล่อที่กำลังขมวดคิ้ว

หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ทำท่าทางหยิ่งผยอง ก่อนจะมองไปยังด้านนอก แม้ตาเปล่าจะเห็นว่าตรงนั้นไม่มีอะไรแปลกประหลาด แต่จิตใต้สำนึกของเขากลับสัมผัสได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนที่กำลังมองมา จึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

แท้จริงแล้วเขาสามารถจัดการสำนักแห่งความมืดได้ อีกทั้งระหว่างทางมาที่นี่เขายังมีความคาดหวังบางอย่างอยู่ในใจ สิ่งที่เขาตั้งตารอไม่ใช่ฐานะและตำแหน่ง แต่เป็นความรู้สึกคุ้นเคยต่อสำนักแห่งความมืดเหมือนในนิมิต

แต่…นิมิตก็เป็นเพียงแค่นิมิตเท่านั้น

การล่มสลายของสำนักแห่งความมืดอาจเป็นสาเหตุหลักที่ตระกูลไม่รู้สิ้นได้เปรียบ แต่ในสำนักแห่งความมืดก็มีปัญหามากมายซึ่งนำพาไปสู่จุดจบและถูกแทนที่ด้วยไม่รู้สิ้น

เช่นเดียวกับในตอนนี้ สำนักแห่งความมืดที่ซ่อนตัวอยู่ในนพภูมิทั้งความคิดและการกระทำล้วนเต็มไปด้วยความใจแคบ ไม่ได้สนใจฐานะบุตรแห่งความมืด แต่ในสายตาพวกเขาเองกลับสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

แท้จริงแล้วด้วยสติปัญญาและเคล็ดวิชาของหวังเป่าเล่อ ให้เวลาเขาสักหน่อยย่อมสามารถสยบสำนักแห่งความมืดและครอบครองที่นี่ได้เป็นแน่ แต่สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว หากไม่มีวิกฤตในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ไม่มีตะขาบสีโลหิตที่จะปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอนในทศวรรษนี้

เขาคงมีเวลามากพอที่จะจัดการกับสำนักแห่งความมืด นี่อาจเป็นเหตุผลที่ศิษย์พี่เฉินชิงจื่อพาเขามา ให้เขาแข่งขันกับบุตรแห่งความมืดที่ถูกยอมรับมาก่อนผู้นั้น ใครชนะคนนั้นก็คือเจ้าสำนักรุ่นต่อไป และใช้การสนับสนุนจากเขาเริ่มสงคราม

แต่หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาแล้ว สิ่งนี้ต้องใช้พลังงานไม่น้อย และถึงแม้ว่าจะสำเร็จจริงๆ แต่ก็ไม่ใช้เส้นทางที่เขาต้องการ

สิ่งที่หวังเป่าเล่อคิดคือทำอย่างไรให้ฝึกฝนได้เร็วขึ้น ทำอย่างไรให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ความแข็งแกร่งนี้ไม่ใช่อำนาจ แต่เป็นตัวเขาเอง ทว่า…เขาก็ต้องยอมรับว่าเพราะเหตุและผลในนิมิตมืด จึงทำให้เขาเกิดความรู้สึกพิเศษต่อสำนักแห่งนี้

ดังนั้นในใจเขาจึงยังลังเล

ลังเลว่าจะละทิ้งฐานะบุตรแห่งความมืด หรือ…เข้าสำนักอย่างแท้จริงตามที่ศิษย์พี่คิด

ทว่า การเปลี่ยนแปลงหลังจากศิษย์พี่ผนึกกายเข้ากับเต๋าสวรรค์ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่กลับฉับพลันและรวดเร็วมาก นั่นทำให้หวังเป่าเล่อปรับตัวได้ยากในช่วงหนึ่ง

และเป็นสาเหตุที่เขาเอาแต่พึมพำให้ลองดูอีกทีอยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมา

เขากำลังรอ รอคอยคำตอบของศิษย์พี่

ในความเงียบงัน หวังเป่าเล่อส่ายหน้าแล้วยกมือขวาโบกไปข้างหน้า พลังแห่งกายเนื้อและวิญญาณเทพผสานกัน อีกทั้งฐานการฝึกฝนก็ปะทุขึ้น ไม่ได้แฝงเจตนาสังหารแต่อย่างใด เพียงแค่ใช้เคล็ดวิชาจันทร์ข้างแรม

ทันใดนั้นกระแสเต๋าบางเบาพลันแทรกซึม ช่วงเวลาพลันหมุนย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น 20 ลมหายใจ ประตูห้องที่เปิดออกปิดลงอีกครั้ง เด็กหนุ่มกึ่งบุตรแห่งความมืดที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องกลับไปปรากฏตัวอยู่นอกห้องเช่นเดิม

ราวกับทุกอย่างก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น และมีกฎแห่งเวลาอยู่แปดทิศโดยรอบ ทำให้ในความทรงจำของเด็กหนุ่มไม่มีเรื่องผลักประตู ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ด้านนอกห้องด้วยแววตามึนงง ก่อนที่พริบตาต่อมาจะยิ้มเย้ยหยันและกล่าวเสียงดัง

“ไม่สนหรือไม่กล้ากันแน่ นิสัยเช่นนี้เจ้าคงไม่คู่ควรจะเป็นบุตรแห่งความมืดของสำนักแห่งความมืดในรุ่นนี้หรอก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็อยากจะลองดูสักหน่อยว่าเจ้ามีดีอะไร” เด็กหนุ่มกล่าวคำเดิมซ้ำ และกำลังจะผลักประตู แต่ในตอนนั้นเอง ดวงจิตเทพและสายตารอบด้านที่กำลังมองมากลับทยอยเกิดคลื่นพายุในใจพวกเขา

ผู้เฒ่าคนหนึ่งแผ่ดวงจิตเทพออกมาขัดขวางการกระทำของเด็กหนุ่มกึ่งบุตรแห่งความมืดผู้นั้นทันที แท้จริงแล้ว…เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าทุกคนที่จ้องมองมายังที่แห่งนี้กลับเห็นอย่างชัดเจน

ในหมู่พวกเขา ไม่ว่าจะมองเห็นหรือไม่ล้วนตกตะลึงกันทั้งสิ้น คนที่มองไม่เห็นพลันรู้สึกประหลาด ส่วนคนที่มองเห็นพลันส่งเสียงคำรามอยู่ในหัว

“เวลา?”

“เวลาหมุนย้อนกลับ!!”

“พลังเทพเช่นนี้…ไม่ใช่เคล็ดวิชาแล้ว นี่เป็นการสำแดงตนของเต๋า!”

ในส่วนลึกของสำนักแห่งความมืด บุตรแห่งความมืดที่ทุกคนยอมรับผู้นั้น ไม่ได้เผยโฉมออกมา ทว่าก็ไม่ละสายตาไปจากภาพเบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อย รูม่านตาของเขาหดแคบ เผยความเคร่งขรึมจริงจัง

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างชะงักงัน ยามที่จันทร์ข้างแรมของหวังเป่าเล่อทำให้เกิดคลื่นในใจทุกคนนั้น เสียงของเฉินชิงจื่อก็ดังขึ้นมาจากความว่างเปล่า

“ถอยไป!”

ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น สีหน้ากึ่งบุตรแห่งความมืดก็แปรเปลี่ยน เขาก้มศีรษะทำความเคารพและจากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสายตาและดวงจิตเทพรอบด้านก็ทยอยถอนกลับไป ในพริบตาที่แห่งนี้ก็ไม่มีสายตาจ้องมองมาแม้แต่คู่เดียว แม้แต่บุตรแห่งความมืดที่ทุกคนยอมรับผู้นั้นก็ยังไม่กล้ามองมาอีก

ดังนั้นด้านนอกห้องข้างจึงเงียบสงบ มีเพียงสายลมพัดมาจากความว่างเปล่าและรวมตัวกันเป็นร่างคนผู้หนึ่ง ผลักบานประตูห้องข้างของหวังเป่าเล่อแล้วเดินเข้ามา

“ศิษย์พี่” สีหน้าหวังเป่าเล่อเรียบเฉย เขาเอ่ยปากและมองศิษย์พี่ที่เดินเข้ามา

“เป่าเล่อ เจ้าไม่ชอบที่นี่ ใช่หรือไม่” เฉินชิงจื่อมองหวังเป่าเล่อ เอ่ยอย่างสงบ

“ศิษย์พี่ต้องการให้ข้านำอะไรกลับมาจากแม่น้ำแห่งความมืด” หวังเป่าเล่อไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน

“ซากจักรพรรดิแห่งความมืด”

“กายเนื้อของข้าในตอนนี้มีเต๋าสวรรค์สนับสนุนอย่างน่าพอใจ แต่ถึงอย่างไรก็ยังขาดรากฐาน ข้าจึงต้องการซากจักรพรรดิแห่งความมืด เปลี่ยนมันเป็นร่างเต๋าของข้าเพื่อที่ข้าจะได้ควบคุมแม่น้ำแห่งความมืดได้ สร้างความรุ่งโรจน์ให้กับสำนักแห่งความมืดอีกครั้งด้วยพลังวิญญาณอันไร้ที่สิ้นสุด” เฉินชิงจื่อเอ่ยเสียงทุ้ม ขณะมองหวังเป่าเล่อ

“คำถามของข้าก่อนหน้านี้ ศิษย์พี่คิดคำตอบได้หรือยังขอรับ” หวังเป่าเล่อพยักหน้าและจ้องมองเฉินชิงจื่อ คำตอบนี้สำคัญกับเขามาก

เฉินชิงจื่อเงียบไป เขาหันหน้ามองไปยังจักรวาลมืดมิดด้านนอก จากนั้นไม่นานก็เอ่ยช้าๆ

“ในแม่น้ำแห่งความมืด นอกจากโอกาสที่เจ้าจะทำให้ฐานการฝึกฝนแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ยังมีสมบัติล้ำค่าที่เรียกว่า…แผ่นเลื่อนระดับโลกา!”

“เมื่อหมุนแผ่นเลื่อนนี้ จะดึงดูดแหล่งทรัพยากรของจักรพิภพและยกระดับอารยธรรมได้ หากเจ้าได้รับมันก็จะทำให้สหพันธรัฐบ้านเกิดของเจ้าพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ส่วนเจ้า…ก็จะได้รับของขวัญเป็นฐานการฝึกฝน!”

“ขอบพระคุณศิษย์พี่ แต่ข้ายังอยากรู้ว่า ท่าน…มีคำตอบแล้วใช่ไหม” หวังเป่าเล่อถามขึ้นอีกครั้ง

………………………