ตอนที่ 979: การรวมตัวกันของเซียนระดับจักรพรรดิทั้งสาม

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 979: การรวมตัวกันของเซียนระดับจักรพรรดิทั้งสาม

การที่หลุดไปในสภาวะระดับจิตใจในการต่อสู้เป็นอันตรายที่เสี่ยงถึงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธด้วยกัน การโจมตีเพียงครั้งเดียวอาจจะกำหนดผลลัพธ์ได้เลย ดังนั้นการละความสนใจไปแม้แต่นิดเดียวก็ส่งผลให้ถึงแก่ความตายได้

ความโลภที่ฝังลึกอยู่ในรุยจินและเฮยยู่ได้ถูกจุดขึ้นมาโดยการโจมตีของมารราคะ มันมีผลกระทบกับทั้งคู่ และเกือบทำให้พวกเขาหลุดตัวเองไปความความโลภที่มากมายที่พุ่งพวยขึ้นมา

รุยจินและเฮยยู่สงบจิตใจได้ในทันทีและกดความโลภเอาไว้ พวกเขาฟื้นตัวได้ไวมาก

“ความโลภของเจ้ายังไม่แรงมากพอทำให้เจ้าสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว มันคงจะไม่ง่ายนักถ้าใช้กับคนที่มีความโลภมาก” มารราคะพูด หลังจากนั้น เขาก็โจมตีครั้งที่ 2 ออกมา “นี่คือฝ่ามือแห่งกามราคะ!”

การฝึกฝนของมารราคะมุ่งเน้นไปที่การโจมตีให้วิญญาณบาดเจ็บ การโจมตีของเขามีผลกระทบต่อมันโดยตรง มันจะเพิ่มความปรารถนาต่าง ๆ และทำให้มันพวยพุ่งออกมาจากใจของผู้คนเหล่านั้น ทำให้พวกเขาไม่ทันระวังตัว

เมื่อถูกโจมตีด้วยฝ่ามือแห่งกามราคะ ท่าทางของทั้งรุยจินและเฮยยู่ก็เปลี่ยนไป เรื่องกามตัณหาลอยเข้ามาในหัวของพวกเขาด้วยภาพลามกจำนวนมากที่ผสมอยู่ในนั้น มันมีผลกระทบกับวิญญาณของพวกเขา ทำให้ยากที่พวกเขาจะสงบอยู่ได้

ด้วยระดับการฝึกฝนของพวกเขา พวกเขาไม่ติดอยู่ในอารมณ์และความปรารถนามากนัก เช่นนั้น พวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากอารมณ์และความปรารถนามาก อย่างไรก็ตาม มารราคะก็ทำให้อารมณ์และความปรารถนาเข้มข้นขึ้นได้หลายเท่า อย่าว่าแต่เซียนราชาในระดับสูงสุดเลย แม้แต่เซียนระดับจักรพรรดิก็ยังสามารถได้รับผลกระทบได้

“เซียนจักรพรรดิมนุษย์ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเจ้าถึงได้เป็นมารราคะ เจ้าสามารถควบคุมอารมณ์ทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหกของคนอื่นได้ การโจมตีแบบนั้นหาได้ยากมาก แม้แต่ในครั้งโบราณกาล เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะทำจิตใจของเจ้าให้บริสุทธิ์และปราศจากอารมณ์เช่นเดียวกับปราศจากความปรารถนาด้วย ใครก็ตามที่เผชิญหน้ากับเจ้าก็จะได้รับผลกระทบทั้งนั้น พวกเขาจมอยู่ในอารมณ์ต่าง ๆ ” รุยจินคำราม

มารราคะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “เจ้าสองคนมีพลังพอที่จะสู้กับเซียนจักรพรรดิได้จริง ๆ ด้วยอาวุธและเกราะพลังงานดั้งเดิมของพวกเจ้า หนึ่งอันใช้เพื่อป้องกัน หนึ่งอันใช้เพื่อโจมตี อย่างไรก็ตาม มันก็น่าเสียดาย เจ้าไม่สามารถแตะต้องข้าได้และต้องแพ้ไป ชิมฝ่ามือที่สามของข้าหน่อย ฝ่ามือแห่งความกลัว”

ในขณะที่มารราคะดันมืออกไปอย่างนุ่มนวล พลังงานมหาศาลก็รวมในฝ่ามือของเขาและพุ่งออกไปเหมือนน้ำท่วมไปที่รุยจินและเฮยยู่

“เซียนจักรพรรดิมนุษย์ อย่าเพิ่งคิดว่าเจ้าจะชนะแค่เพราะว่าเจ้าสามารถควบคุมอารมณ์ทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหกได้นะ ดูพวกเราต่อต้านการโจมตีของเจ้าซะ” เฮยยู่ตะโกนออกมา ไข่มุกโปร่งแสงปรากฏขึ้นมาเหนือเขา และหุ้มร่างของเขาเอาไว้ด้วยแสงที่แวววาว

ในเวลาเดียวกัน ไข่มุกแบบเดียวกันก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของรุยจิน และหุ้มเขาไว้ด้วยแสงแบบเดียวกัน หลังจากนั้น เขาก็แทงออกไปด้วยดาบของเขา

ดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์และมีดพร้าของเฮยยู่ปะทะกับการโจมตีของมารราคะและทำให้เกิดเสียงระเบิดขึ้นมาทันที การโจมตีหักล้างกันไป และตอนที่การโจมตีวิญญาณจากฝ่ามือโจมตีเข้าใกล้รุยจินและเฮยยู่ มันก็ถูกป้องกันได้ทันทีจากแสงของไข่มุก

ในครั้งนี้ มารราคะไม่สามารทำอะไรพวกเขาได้

ท่าทางของมารราคะเปลี่ยนไปเล็กน้อยในขณะที่เขาจ้องไปที่ทั้งสองด้วยความตกใจ เขาพูดขึ้นมา “เป็นไปได้ยังไงกัน ? เจ้ามีสมบัติอะไรถึงป้องกันการโจมตีของข้าได้ ? “

“มันไม่เป็นไรถึงข้าจะบอกเจ้าไป สมบัติป้องกันชิ้นนี้มีความพิเศษในการป้องกันการโจมตีวิญญาณได้ ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะทำอะไรพวกเราได้ด้วยการโจมตีด้วยฝ่ามือของเจ้าในตอนนี้ เซียนจักรพรรดิมนุษย์” เฮยยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จากนั้น เขาก็พุ่งไปที่มารราคะในขณะที่เขาเหวี่ยงมีดพร้าออกมา

ใบหน้าของมารราคะเย็นชา การโจมตีของเฮยยู่ด้วยมีดพร้า พลังงานดั้งเดิมทรงพลังมากพอที่จะทำให้เซียนจักรพรรดิบาดเจ็บได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะประมาท เขาป้องกันทันทีและคำรามออกมา “พวกเจ้าทั้งสองมีสมบัติดีดีอยู่บ้างนี่ แล้วเจ้ายังมีสมบัติที่สามารถป้องการการโจมตีวิญญาณของข้าได้จริง ๆ เช่นกัน แต่ข้าสงสัยจริง ๆ ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันจะสามารถป้องกันฝ่ามือแห่งอารมณ์ที่เป็นผลรวมระหว่างอารมณ์ทั้งเจ็ดได้หรือไม่ ฝ่ามือแห่งความปรารถนาที่เป็นการรวมราคะทั้งหก และการโจมตีสุดท้ายของข้า ฝ่ามือแห่งความปรารถนาและอารมณ์ ?”

“ถ้างั้นก็มาลองกัน ข้าอยากจะรู้ว่าการโจมตีจะทะลุสมบัติป้องกันของพวกเราได้หรือเปล่า” ครั้งนี้ คนพูดเป็นรุยจิน เขามั่นใจมาก

มารราคะเหยียดออกมา “ฝ่ามือแห่งความปรารถนาและอารมณ์เป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ็ดอารมณ์และหกความปรารถนา มันเหนือกว่าที่เจ้าจินตนาการมาก ตอนที่ข้าสู้กับจักรพรรดิเสือจากทวีปสัตว์เทวะ ข้ายังไม่จำเป็นแม้แต่ต้องใช้ฝ่ามือแห่งความปรารถนาและอารมณ์ แค่ฝ่ามือแห่งอารมณ์ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว จินตนาการถึงพลังของฝ่ามือแห่งความปรารถนาและอารมณ์ดูซิถ้างั้น ตอนนี้ข้าจะทำลายสมบัติป้องกันของเจ้าด้วยท่านี้”

เขากำลังจะโจมตีออกมาในตอนที่เขาพูด แต่ตาของเขาก็หรี่เล็กลงทันทีและหันกลับไปที่อีกข้างหนึ่ง

ประตูมิติ 3 อันก็ถูกเปิดออกในเวลาพร้อมกันในทิศทางที่มารราคะมองไป ชายวัยกลางคน 2 คนและชายชราผิวสีเลือดฝาดออกมา พวกเขาเป็นเซียนจักรพรรดิ 3 คนของทวีปสัตว์เทวะ

แรงกดดันของเซียนจักรพรรดิเริ่มที่จะเปล่งประกายออกมาทันทีที่พวกเขาปรากฎตัวขึ้นทำให้ท่าทางของเซียนราชาที่ดูอยู่ไกลไกลเปลี่ยนไป พวกเขาเคยเห็นแลงคีรอสมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาไม่รู้จักเซียนจักรพรรดิอีก 2 คนที่เหลือ

มารราคะมองผ่านทั้งสามอย่างค่อนข้างเคร่งเครียด เขาพูดออกมา “ข้าไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิทั้งสามของทวีปสัตว์เทวะจะมาเยือน”

ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินว่าพวกนี้เป็นเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะ เขาเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ทันทีแล้วเอาวัตถุเซียนออกมา ก่อนที่จะเอาเสือขาวเก็บเข้าไปไว้ในนั้นโดยไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้น เขาก็ออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง การซ่อนอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีประโยชน์อะไรต่อหน้าเซียนจักรพรรดิ

เซียนจักรพรรดิทั้งสามมองไปที่อาวุธและเกราะของรุยจินและเฮยยู่ สายตาของพวกเขาเป็นประกายและพวกเขาทั้งหมดก็ตะโกนออกมา “มันเป็นพลังงานดั้งเดิมจริง ๆ…”

“เจ้าสองคนก็เป็นสัตว์อสูรเหมือนกัน เจ้าไปได้อาวุธและเกราะที่มีพลังงานดั้งเดิมมาจากไหน ? เจ้าเจอสถานที่ซึ่งมีพลังงานดั้งเดิมงั้นหรือ ? ” แลงคีรอสถามรุยจินและเฮยยู่ เขาค่อนข้างที่จะตื่นเต้น

รุยจินและเฮยยู่มองหน้ากันและกัน และเฮยยู่ก็พูดออกมา “พลังงานดั้งเดิมหายจากโลกนี้ไปนานแล้ว”

“ถ้างั้นอาวุธและเกราะของพวกเจ้ามาจากไหนกันล่ะ ? ทำไมถึงมีพลังงานดั้งเดิมอยู่ในนั้น” เสียงหนักแน่นระเบิดออกมา ผู้คุมกฎของทวีปสัตว์เทวะพูดออกมา น้ำเสียงของเขามีความตื่นเต้นรวมอยู่

“เกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์และดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามังกร ดังนั้นมันจึงมาจากเผ่าของข้าอยู่แล้ว” รุยจินพูด

“อะไรนะ ! เกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์และดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ ! ” เซียนจักรพรรดิทั้งสามคนตกใจในขณะที่พวกเขาจ้องไปที่อาวุธและชุดเกราะของรุยจิน หลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็ยืนยันได้ว่าพวกนั้นคือเกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์และดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์จริงและพวกเขาทั้งหมดก็ตกตะลึง

“พวกมันเป็นเกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์และดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์จากตระกูลมังกรโบราณจริงจริง แต่ไม่ใช่ว่ามันหายไปพร้อมกับตระกูลมังกรแล้วอย่างนั้นหรือ? ทำไมพวกมันถึงมาอยู่กับเจ้าในตอนนี้ล่ะ ? แล้วเกราะกับดาบก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่านี้ในอดีต เจ้าได้ของสองชิ้นนี้มาจากไหน ? ” ไคเซอร์คำรามออกมาในขณะที่เขาจ้องเขม็งไปที่รุยจิน

รุยจินโกรธเล็กน้อยและพูดออกไปอย่างเย็นชา “ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเจ้าเรื่องนี้ ระวังน้ำเสียงของเจ้าด้วย เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดกับข้าแบบนั้น”

“ช่างอวดดียิ่งนัก ! ” ไคเซอร์บันดาลโทสะออกมาในขณะที่จิตสังหารเปล่งรัศมีออกมาจากเขา

“คนที่อวดดีมันคือเจ้า ! ” รุยจินคำราม ก่อนที่จะคำรามแบบมังกรออกมา ในพริบตา เขาก็กลายเป็นมังกรทองเทวะยาว 300 เมตร และเปล่งประกายไปด้วยพลังที่มหาศาลของมังกร

“สายพันธุ์ของข้าคือราชาของเผ่ามังกร เจ้าไม่รู้กฎของเผ่ามังกรหรือถึงได้หยาบคายกับข้าแบบนี้ในฐานะที่เจ้าเป็นแค่หนอนกลายพันธุ์สายเลือดไม่บริสุทธิ์ ? “

ตระกูลมังกรเคร่งครัดในเรื่องลำดับชั้นมาก พวกเขาให้ความสนใจในสายเลือดมาก มังกรทองเทวะเป็นที่รู้กันทั่วไปในฐานะราชาของตระกูล พวกเขาต้องได้รับการปฏิบัติอย่างนอบน้อมและทุกคนในตระกูลต้องฟังเขาไม่ว่าจะมีอายุหรือความแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ในฐานะที่เป็นราชา รุยจินมีความภาคภูมิใจเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนจากตระกูลเดียวกัน ฐานะของเขาก็จะยิ่งใหญ่เข้าไปอีก ศักดิ์ศรีของเขาในฐานะราชาของมังกรจะไม่หงอต่อหน้าเซียนจักรพรรดิ อย่าว่าแต่กับหนอนกลายพันธุ์สายเลือดไม่บริสุทธิ์เลย

รุยจิตแสดงร่างที่แท้จริงออกมา และทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ตกใจ ยกเว้นเจี้ยนเฉินและเซียนจักรพรรดิ 3 คนจากทวีปสัตว์เทวะเท่านั้น ไม่มีใครคิดว่าคนของตระกูลมังกรจะยังเหลืออยู่ อย่าว่าแต่มังกรทองเทวะเลย

เซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะยังคงสงบนิ่ง เพราเขารู้ร่างดั้งเดิมของรุยจินมานานแล้ว

ไคเซอร์ยิ้มเหยียดที่มุมปากในขณะที่เขาพูดออกมา “เจ้าต้องเป็นมังกรทองเทวะที่หนีมาจากมิติในวัตถุเซียนของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแน่เลยไช่หรือไม่ ? ถูกต้องที่เจ้าเป็นราชาของตระกูลมังกร แต่นี่ไม่ใช่ครั้งโบราณกาลแล้ว ตระกูลมังกรไม่มีอยู่อีกต่อไป ดังนั้นกฎก็ไม่มีอยู่อีกแล้วด้วย”

ท่าทางของรุยจินน่ากลัวมากทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น

ในตอนนี้ ใบหน้าของไคเซอร์ก็เปลี่ยนไปและเขาก็ตะโกนออกมา “พยัคฆ์ปีกเทวะ นี่เป็นพลังแห่งการมีอยู่ของพยัคฆ์ปีกเทวะ ข้าสัมผัสได้ถึงพยัคฆ์ปีกเทวะจริง ๆ มันอยู่ใกล้ ๆ นี่แหละ” ไคเซอร์ดมและตามกลิ่นในอากาศไป ตาของเขาจับจ้องไปที่เจี้ยนเฉินและจ้องมองเขา ไคเซอร์คำรามออกมา “พลังแห่งการมีอยู่ของพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่บนตัวเจ้า มันอยู่กับเจ้าใช่หรือไม่ ? “

แลงคีรอสมองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาเคยเห็นภาพของเจี้ยนเฉินมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงจำเจี้ยนเฉินได้ทันที เขาตะโกนออกมา “เขาคือเจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับมาจากอาณาจักรทะเลแล้ว”

“เจี้ยนเฉิน ส่งพยัคฆ์ปีกเทวะมา” หน้าของไคเซอร์อึมครึม เขาก้าวออกไปก้าวเดียวแล้วไปถึงตรงหน้าของเจี้ยนเฉินทันที