ตอนที่ 797 เหมืองทองโจฮันเนสเบิร์ก

หมอดูยอดอัจฉริยะ

“คุณเยี่ย ผมเองมาลาไกย์!”

หมายเลขโทรศัพท์นี้ของเยี่ยเทียน มีน้อยคนนักที่จะรู้ เป็นตามที่คาด พอรับโทรศัพท์ เสียงของมาลาไกย์ก็ดังตามสายมา

“เหล่าหม่า มีอะไรเหรอ? ช่วงนี้คุณมีเรื่องกวนใจเยอะแยะนี่นา? ทำไมถึงนึกอยากโทรศัพท์หาผมล่ะ?”

พอได้ยินเสียงมาลาไกย์ เยี่ยเทียนก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เขามีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์ที่ทำในรัสเซียนั้นอย่างมาก ถึงแม้จะผ่านมาสามสี่เดือนแล้ว แต่ว่ามาลาไกย์ก็ยังสลัดข้อสงสัยไม่พ้น เขาถูกหน่วยลับของรัสเซียไล่บี้จนแทบจะเป็นบ้าแล้ว

มาลาไกย์ตอบอย่างขุ่นเคือง “คุณเยี่ย คุณนี่ไม่ใจกว้างเลย ผมเอาเงินมาจากคุณแค่ยี่สิบล้านเท่านั้น แต่กลับมีเรื่องไม่หยุดหย่อนจนถึงวันนี้…”

“เอาน่า เหล่าหม่า มีธุระก็พูดมาเลย ผมยุ่งอยู่” เยี่ยเทียนออกปากตัดบทคำพูดของมาลาไกย์ เขายังทำนายดวงชะตาไม่เสร็จ จึงไม่มีเวลามาคุยไร้สาระกับมาลาไกย์

“ก็ได้ คุณเยี่ย คุณไปทำให้ใครไม่พอใจในแอฟริก้าใต้หรือเปล่า?” น้ำเสียงของมาลาไกย์ตึงเครียดขึ้นมาทันใด

“หืม? เหล่าหม่า ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? คุณไปได้ยินอะไรมาหรือไง?” ใบหน้าของเยี่ยเทียนมีแววประหลาดใจออกมาเล็กน้อย สิ่งที่เขาระแคะระคายจากการทำนายเมื่อครู่ มาลาไกย์กลับล่วงรู้เสียแล้วหรือ

“บอสส์ คราวนี้คุณเล่นของสูงอีกแล้วนะ”

มาลาไกย์เปลี่ยนคำเรียกชื่ออันสนิทสนมเป็นบอสส์ หัวเราะเจื่อนๆ ตอบ “สามวันก่อน กองทหารรับจ้างหกกลุ่มถูกจ้างวานในอเมริกาและแอฟริกา พื้นที่เป้าหมายคือแอฟริกาใต้ บอสส์ นอกจากเอาไปรับมือคุณ ผมก็นึกไม่ออกว่าใครที่จำเป็นต้องใช้กองกำลังใหญ่ขนาดนี้…”

กองกำลังของคนอย่างมาลาไกย์ แม้ว่าต่อหน้าเยี่ยเทียนจะดูไม่ค่อยมีฝีมือมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่ากองทหารรับจ้างเล็กๆ ของเขา ก็เป็นที่เลื่องลือในวงการทหารรับจ้าง จริงอยู่ที่ศัตรูมีไม่น้อย แต่มิตรสหายก็อยู่ทั่วทุกพื้นที่เช่นกัน จึงไม่เคยขาดแคลนแหล่งข่าว

เพิ่งเมื่อวานนี้เอง ที่มาลาไกย์ได้รับโทรศัพท์จากนายหน้าวงการทหารรับจ้าง สอบถามว่าช่วงนี้เขามีเวลาหรือเปล่า อยากรับภารกิจจ้างวานที่แอฟริกาใต้งานหนึ่งไหม ทั้งยังอธิบายว่างานนี้เป็นหนึ่งในบัญชีดำ

ที่เรียกว่าทหารรับจ้าง ก็แค่ใช้คำให้ดูสวยหรูเท่านั้น ความจริงขอแค่มีเงินให้ จะงานคุ้มกันสถานที่หรือสังหารคนล้วนทำทุกอย่าง และเพื่อแยกแยะคุณสมบัติของงาน เหล่านายหน้ามักจะใช้คำว่างานขาวและงานดำสองคำมาแทนที่ แค่ฟังมาลาไกย์ก็เข้าใจได้ในทันที

ช่วงนี้มาลาไกย์ยังต้องรับมือกับหน่วยงานลับของรัสเซียไม่เลิก ไหนเลยจะมีเวลาไปรับภารกิจนี้ จึงปฏิเสธไปในทันที ทว่าก่อนวางสายเขาพลันนึกได้ว่าเยี่ยเทียนอยู่แอฟริกาใต้ จึงไต่ถามข้อมูลเพิ่มเติม

จากการสอบถาม ทำให้มาลาไกย์ถึงกับตกตะลึง เพราะกองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำที่แยกย้ายกันไปแล้วกลับรับภารกิจนี้ และกองกำลังอื่นๆ นอกจากนั้น ก็ล้วนเป็นกองกำลังอันแข็งแกร่งระดับต้นๆ ในวงการทหารรับจ้าง มาลาไกย์รู้พลังทำลายล้างของพวกเขาดี ถ้าหากหกกองทัพนี้มารวมตัวกัน ก็เพียงพอจะล้มล้างรัฐบาลของประเทศเล็กๆ แห่งหนึ่งได้เลยทีเดียว

โดยเฉพาะกองทหารแม่ม่ายดำ เป็นกองทัพระดับนักล่าในวงการทหารรับจ้าง ถึงมาลาไกย์จะเชื่อมั่นในตนเอง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณสมบัติกองทัพหรือการทำงานเป็นทีม กองทหารของเขาก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำได้

“บอสส์ครับ พวกเขาจะไปจัดการคุณหรือเปล่า?”

พออธิบายสถานการณ์ที่ตัวเองเข้าใจแล้ว มาลาไกย์ก็พูดว่า “บอสส์ ผมรู้ว่าคุณมีฝีมือ แต่กองทหารรับจ้างพวกนี้น่ะเก่งกาจจริงๆ ผู้นำกองกำลังแม่ม่ายดำไม่เคยแพ้ในการสู้รบมาก่อนเลย คุณต้องระวังตัวนะ!”

คร่ำหวอดอยู่ในวงการทหารรับจ้างมาสิบกว่าปี มาลาไกย์ย่อมรู้ดี ว่าจิตวิญญาณแห่งกองทัพไม่ได้อยู่ที่คนมีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดในกองทัพ แต่เป็นผู้นำกองกำลัง และฝ่ายวางแผน

และผู้นำกองกำลังที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถคิดคำนวนหาหนทางที่ดีที่สุดตามระดับความยากง่ายของภารกิจ เพื่อสะสางภารกิจโดยจ่ายราคาให้น้อยที่สุด หากพูดถึงจุดนี้ มาลาไกย์ยังรู้ว่าตัวเองยังห่างชั้นจากผู้นำกองกำลังแม่ม่ายดำเยอะนัก

“เหล่าหม่า ขอบใจมาก ผมรู้แล้ว”

หลังจากฟังเหล่าหม่าอธิบายจนจบแล้ว เยี่ยเทียนก็พยักหน้า ตอบว่า “ถ้าช่วงนี้คุณอยู่ไม่เป็นสุขล่ะก็ ไปปักกิ่งก็แล้วกัน ผมจะให้คุณรับงานคุ้มครองครอบครัวผมก็ได้”

เยี่ยเทียนรู้สึกประทับใจต่อการติดต่อมาของมาลาไกย์ครั้งนี้มาก แม้เขาจะคาดเดาได้ว่าพรุ่งนี้จะมีภัยใหญ่ แต่เยี่ยเทียนก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฝ่ายศัตรูเลย ข่าวสารของมาลาไกย์ทำให้เขาพอจะเตรียมตัวล่วงหน้าได้บ้าง

“บอสส์ รับทราบครับ ถ้าผมไปไหนไม่รอดแล้วจริง ก็จะไปหาที่พักพิงกับคุณ คุณอยู่ลำพังระวังตัวด้วยล่ะ!”

  ในใจของมาลาไกย์เกิดระทึกขึ้นมานิดหน่อย เขาไม่รู้ว่าเมื่อกองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำมาพบกับเยี่ยเทียน แล้วใครจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะ แน่นอนว่า มาลาไกย์เข้าข้างเยี่ยเทียนที่บุกสังหารฝ่ากองทัพรัสเซียกว่าหมื่นนายออกมาได้มากกว่า

“เฉียนสามเชื่อมต่อ คุนหกตัดขาด หนึ่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หนึ่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เราคว้าตรงกลางแล้วกัน”

หลังวางสายแล้ว สายตาของเยี่ยเทียนก็จับจ้องไปที่สัญลักษณ์กว้าอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังทำนายสถานที่ที่จะเกิดเรื่องขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยเปิดแผนที่ซึ่งหวาจวินทิ้งไว้ให้ เยี่ยเทียนเห็นตัวอักษรคำว่าเหมืองทองโจฮันเนสเบิร์กอย่างชัดเจนตรงตำแหน่งทางตะวันตกของเมือง

“บัดซบเอ๊ย ที่แท้คิดจะลงมือตรงนี้เองหรือ?” ดวงตาของเยี่ยเทียนเปล่งประกายเยือกเย็น ถ้าหากไม่ล่วงรู้จากคำทำนายเสียก่อน การเดินทางวันพรุ่งนี้คงจะกลายเป็นหายนะจริงๆ

แม้แหล่งทองคำในแอฟริกาใต้จะมีเหลือเฟือ แต่เหมืองทองคำอันอุดมสมบูรณ์ที่เปิดโล่งนั้นมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ถ้ำเหมืองทองคำล้วนอยู่ลึกลงไปใต้ดินร้อยเมตร หากว่าอีกฝ่ายรอให้เยี่ยเทียนเข้าไปแล้ว ใช้สารเคมีระเบิดถล่มทำลายเหมือง ต่อให้เยี่ยเทียนมีเก้าชีวิตก็คงจะตายอยู่ใต้ดินนั่นเอง

“คิดคำนวณมาดีตามคาด…”

เยี่ยเทียนหัวเราะเสียงเยียบเย็น เผยจิตสังหารอันอำมหิตจากแววตา หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็หยิบเอาเสื้อผ้าสีดำ มาเปลี่ยนแทนเสื้อฝึกวิชาสีขาว

สุภาษิตว่ามาถึงแต่ไม่เยี่ยมเยียนนับว่าไร้มารยาท เยี่ยตงผิงผู้เป็นพ่อเล่าตำนานของเหลยเฟิงให้เยี่ยเทียนฟังตั้งแต่เด็ก แต่เยี่ยเทียนไม่จดจำอะไรเลย คำพูดเดียวที่นำมาใส่ใจก็คือ “จงไร้เมตตาต่อศัตรู ราวกับสายลมปลิดใบในฤดูสารท”

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่รีบร้อนออกจากประตู แต่นั่งลงทำสมาธิภายในห้อง หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้ง จิตใจก็เริ่มสงบกระจ่างขึ้นมา แล้วพื้นที่ครอบคลุมหลายตารางกิโลเมตรของโรงแรม ก็ถูกห่อหุ้มโดยญาณสัมผัสของเยี่ยเทียน

“ว่าแล้วเชียวว่ามีคนจับตาดูเราอยู่…”

ในสภาวะเช่นนี้ สติสัมปชัญญะของเยี่ยเทียนกลับกลายว่องไวขึ้นมาก เพียงมีความคิดที่มุ่งมายังเขา ก็จะถูกเขาจับได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยการตรวจสอบอย่างละเอียด เยี่ยเทียนจึงพบได้ในทันที ว่าดูเหมือนตึกของคลับที่อยู่ตรงข้ามโรงแรม มีกล้องส่องทางไกลอยู่สามจุด ซึ่งปลายทางนั้นก็คือห้องของเขานั่นเอง

ต้องบอกว่าพวกคนที่จับตามองเยี่ยเทียนอยู่เหล่านี้ฉลาดเฉลียวมากเช่นกัน พวกเขาไม่ได้ใช้ดวงตาสอดส่องในกล้องส่องทางไกล แต่ติดตั้งกล้องถ่ายรูปลงบนกล้องส่องทางไกล แล้วฉายภาพจากในนั้นลงบนหน้าจอโดยผ่านคอมพิวเตอร์

คนเหล่านี้ไม่ได้จับตาดูเยี่ยเทียนโดยตรง นั่นจึงทำให้เยี่ยเทียนไม่เกิดความรู้สึกว่าถูกจับตาดูอยู่ ดังนั้นตอนที่เข้ามาในโรงแรมหนแรก เขาจึงไม่ทันรู้สึก หากว่าเมื่อครู่ไม่ได้ทุ่มพลังจิตทั้งหมดสัมผัส เยี่ยเทียนก็คงไม่พบเล่ห์กลที่ซ่อนอยู่ในนั้นจริงๆ

“เหล่าหม่าพูดไว้ไม่ผิด คนพวกนี้ฝีมือสูงส่งจริงๆ!”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า เมื่อวิทยายุทธของเขาเข้าสู่ระดับหลอมปราณสู่จิตแล้ว ก็สามารถสัมผัสภยันตรายและจิตอาฆาตจากลมปราณ ที่เยี่ยเทียนสามารถค้นพบตัวนักฆ่าหนึ่งในสามอันดับแรกของโลกที่เกาะฮ่องกง ก็มาจากการประเมินปราณชั่วร้ายบนร่างกายของเขา

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว ความสามารถนี้ของเยี่ยเทียนก็ถูกพัฒนาขึ้นเป็นร้อยเท่า ถึงขนาดที่ว่าหากมีคนเหลือบมองเยี่ยเทียนเพียงแวบเดียวจากในฝูงชน ก็จะสะท้อนออกมาในจิตใจของเขาหมด แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับสามารถวางกล้องส่องทางไกลถึงสามจุดอย่างเปิดเผยโดยไม่ถูกตนเองค้นพบ  จึงเห็นได้ว่าความคิดของพวกเขาละเอียดรอบคอบ จนถึงขั้นคิดถึงจุดนี้ไว้แล้วล่วงหน้า

“เราประมาทไปจริงๆ!”

หน้าผากของเยี่ยเทียนผุดหยาดเหงื่อเม็ดละเอียดเป็นชั้น หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนเทียน โดยเฉพาะหลังจากผ่านการสู้รบที่รัสเซีย นอกจากคนประเภทเดียวกับตนเองแล้ว ก็เกิดความจองหองขึ้นอย่างแท้จริง ไม่เคยเอาคนธรรมดาขึ้นมาเทียบชั้นกับตนเองเลย

“วอนหาที่ตายเอง ก็อย่ามาโทษคนแซ่เยี่ยล่ะ!”

เยี่ยเทียนลืมตา ยืดตัวลุกขึ้น หลังจากมองไปรอบๆ แล้วก็เลิกม่านเปิด ขณะเดียวกันก็ปิดดวงไฟใหญ่ในห้องทั้งหมด หลังจากผ่านไปประมาณสี่ถึงห้านาที ดวงไฟหม่นตรงหัวเตียงก็ดับลงเช่นเดียวกัน

 ผู้คนที่จับตาดูเยี่ยเทียนเฝ้ารอสักพัก หลังจากนั้นค่อยส่งข่าวออกไป หน้าที่ของพวกเขาคือทำให้แน่ใจว่าเยี่ยเทียนไม่ได้ออกจากห้องโรงแรม ไม่อย่างนั้นแผนที่วางไว้สำหรับรับมือเยี่ยเทียนจะต้องปรับเปลี่ยนวางกันใหม่

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ในเวลาเดียวกันที่ดวงไฟหม่นดับลง เยี่ยเทียนก็ออกจากห้องโรงแรมโดยไร้สุ้มเสียง เขาไม่ได้ขึ้นลิฟท์ แต่ลงไปยังชั้นหนึ่งโดยทางหนีไฟ จากนั้นออกจากโรงแรมโดยทางออกของพนักงาน

แตกต่างจากภายในโรงแรมที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจของผู้คน ทางเท้าในเมืองโจฮันเนสเบิร์กกลับเปลี่ยวเหงาอย่างน่าประหลาด ภายใต้แสงไฟส่องสว่างบนท้องถนนกลับเห็นเงาร่างไม่กี่คน ได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาจากซอยลึกเป็นระยะ

 ร่างของเยี่ยเทียนถูกห่อหุ้มอยู่ใจกลางม่านหมอกสีเทา ลอดผ่านตรอกซอยเล็กใหญ่ในเมืองโจฮันเนสเบิร์กราวกับภูตผี เนื่องจากวันนี้บนท้องฟ้าไม่ปรากฏเมฆแม้แต่นิดเดียว เยี่ยเทียนจึงไม่ได้ดึงวิชาเหินเวหาออกมาใช้

แต่ถึงแม้อย่างนั้น ความเร็วของเยี่ยเทียนก็ยังว่องไวหาใดเปรียบ ขณะที่ผ่านซอกซอย เขายังบดขยี้ลูกกระเดือกของใครบางคนที่ถอดกางเกงเตรียมกระทำการอนาจารไปหลายคน ถนนเส้นนั้นที่เยี่ยเทียนผ่าน เกิดสถิติอาชญากรรมต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

 “เหมืองทองโจฮันเนสเบิร์ก!”

หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เยี่ยเทียนก็ออกห่างจากใจกลางเมืองโจฮันเนสเบิร์ก มายังตำแหน่งสี่ถึงห้าสิบกิโลเมตรทางตะวันตกของเมือง หลังจากเลี้ยวขวาเข้าไปยังถนนใหญ่มีดวงไฟส่องสว่างแล้ว ประตูโค้งขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเยี่ยเทียน

กำแพงเก่ารายล้อมและลวดตาข่ายไฟฟ้าสูงห้าเมตรด้านข้างประตูใหญ่ ล้วนแสดงให้เห็นว่าที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันอย่างหนาแน่น

“นี่หรือคือเหมืองทองแห่งแรกของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก?”

เยี่ยเทียนรู้ว่า นี่คือเหมืองทองที่ตัวเองจะต้องมาเยี่ยมชมในวันพรุ่งนี้ เหมืองทองแห่งนี้ดูราวจะอัดแน่นไปด้วยตำนานการขุดทองแห่งเมืองโจฮันเนสเบิร์ก นักท่องเที่ยวทั่วไปที่มายังโจฮันเนสเบิร์ก ล้วนต้องมาเยี่ยมชมที่นี่เป็นแห่งแรก

……………………………………..