บทที่ 1166 ถ่ายทอดพลังเต๋าสวรรค์!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

“สำนักแห่งความมืด…” หวังเป่าเล่อก้าวออกมาจากห้องข้างและเงยหน้ามองร่างแต่ละร่างบนท้องฟ้า จากนั้นจึงมองใบหน้ามายาของศิษย์พี่ ก่อนจะลอบถอนใจเบาๆ สีหน้าค่อยๆ สงบลง

ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องไม่ลังเล

ครั้งนี้ไม่มีเหตุและผล ถึงจะกลายเป็นบ่อน้ำเก่าไม่สร้างคลื่น[1]อีก

หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์ที่ค่อยๆ สงบลงยิ่งสงบเข้าไปอีก เขาเข้าใจดีว่าชีวิตคนเราไม่เที่ยง ย่อมมีเรื่องเสียใจและยากที่จะสมบูรณ์แบบ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงดีที่จะเปลี่ยนความเสียใจให้เป็นความทรงจำที่ดี

“คราวนี้…เป้าหมายแรกคือทุ่มกำลังนำซากจักรพรรดิแห่งความมืดมาให้ศิษย์พี่ เป้าหมายที่สองคือแผ่นเลื่อนระดับโลกาและการฝึกฝน!” หวังเป่าเล่อยืนยันความคิดในใจ ขณะเดียวกันท่ามกลางเสียงคำรามของผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดบนท้องฟ้า เสียงคลื่นจากแม่น้ำแห่งความมืดด้านนอกก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

เสียงคลื่นกลบทับเสียงคำรามของเหล่าผู้ฝึกตนราวกับเสียงเพรียกหาครอบคลุมผู้ฝึกตนทุกคนในที่แห่งนี้เอาไว้ รวมถึงหวังเป่าเล่อด้วย เขาสัมผัสได้ถึงเสียงเพรียกร้องของแม่น้ำแห่งความมืด

กล่าวให้กระจ่างคือเสียงเพรียกนี้สะท้อนกับเปลวไฟสีดำในร่างกาย

ราวกับเต๋าทั้งหมดของสำนักแห่งความมืดล้วนมาจากแม่น้ำแห่งความมืดสายนี้

ขณะที่หวังเป่าเล่อครุ่นคิด ใบหน้าศิษย์พี่บนท้องฟ้าก็กำลังกวาดสายตามองผู้ฝึกตนทุกคนที่อยู่ด้านล่าง หลังจากนั้นก็หยุดชะงักที่หวังเป่าเล่อเล็กน้อย ก่อนถอนสายตากลับไปแล้วเอ่ยเสียงต่ำ

“แม่น้ำแห่งความมืดเปิดแล้ว!”

ทันทีที่กล่าวขึ้น แม่น้ำแห่งความมืดด้านนอกก็ยิ่งปะทุรุนแรง ขณะเดียวกันผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดต่างทะยานข้ามท้องฟ้าออกจากดวงดาวแห่งความมืดไป

สีหน้าหวังเป่าเล่อสงบนิ่ง เขาก้าวไปข้างหน้า ก้าวหนึ่งลอยขึ้นไปในอากาศ ก้าวหนึ่งออกจากดวงดาวแห่งความมืด และเมื่อก้าวครั้งที่สามก็มาอยู่บนแม่น้ำแห่งความมืดข้างนอกดวงดาวแห่งความมืดแล้ว

เพียงแต่ตรงที่เขายืนอยู่มีเพียงเขาคนเดียว และตรงหน้าเขาคือผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดที่เตรียมจะลงแม่น้ำ ในจำนวนนั้นมีพลังปราณผันผวนมากกว่าสิบดวงที่เป็นผู้อาวุโสที่แข็งแกร่ง

คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จักรพิภพในสำนักแห่งความมืดในปัจจุบัน มีคนหนึ่งที่ทั่วร่างแฝงไปด้วยเต๋า ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกราวกับว่าเขาเหนือกว่าปรมาจารย์แห่งไฟยามที่ไม่ได้ใช้คำสาปอยู่เล็กน้อย คล้ายกับว่าพลังของเขาเพียงคนเดียวก็สามารถสยบได้ทุกสารทิศ ทำให้แม่น้ำแห่งความมืดด้านล่างมีคลื่นมารวมตัวกันอยู่ใต้ร่างของเขาได้

นอกจากนี้ในบรรดาผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดยังมีผู้หนึ่งที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าทำให้คนรอบข้างไม่รู้ว่าเป็นใคร สรุปได้เพียงว่าคนผู้นี้เป็นชาย และความผันผวนบนร่างก็แผ่พลังแห่งจักรพิภพออกมาครึ่งก้าว

แต่ที่เด่นชัดที่สุดบนร่างของเขาคือเปลวไฟสีดำ มันลุกโชติช่วงจนน่าขนลุก เพราะตอนนี้ไม่มีการปิดบังใดๆ จึงปลดปล่อยออกมาเต็มกำลัง ทำให้ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดโดยรอบต่างถูกดึงดูดปราณกังวาน เมื่อมองสายตาของคนผู้นี้จึงเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

ส่วนตัวตน…หวังเป่าเล่อไม่จำเป็นต้องเดาอีกแล้ว ในพริบตาที่เขาเห็นคนผู้นี้ สายตาของอีกฝ่ายก็ตกอยู่ที่เขาเช่นกัน สายตาทั้งคู่สัมผัสกันเล็กน้อย มีความเกลียดชังซ่อนอยู่ในนั้น นั่นทำให้หวังเป่าเล่อเข้าใจกระจ่างแล้วว่า…แท้จริงแล้วคนผู้นี้ก็คือคนที่คอยจ้องมองเขามาโดยตลอด ตั้งแต่าก้าวเข้ามาในสำนักแห่งความมืดและเป็นกึ่งบุตรแห่งความมืดที่ฝึกฝนอยู่ในส่วนลึกของสำนักคนนั้น

บางทีหากไม่มีหวังเป่าเล่า เขา…ก็คงเป็นบุตรแห่งความมืดที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในสำนัก

เมื่อคิดเช่นนี้ ความเกลียดชังที่มีให้หวังเป่าเล่อก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้

หากเป็นนิสัยของหวังเป่าเล่อเมื่อก่อน ความเกลียดชังดังกล่าวจะกลายเป็นแรงกระตุ้นในการทำให้คนผู้นี้เรียกเขาว่าท่านพ่อ แต่สำหรับหวังเป่าเล่อในตอนนี้เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญอีกแล้ว

สิ่งที่เขาคิดตอนนี้คือต้องช่วยศิษย์พี่นำซากจักรพรรดิแห่งความมืดกลับมา และทำข้อตกลงของตนให้สำเร็จ

ดังนั้นไม่ว่าความเกลียดชังก็ดี การยั่วยุก็ช่าง หวังเป่าเล่อไม่สนใจทั้งสิ้น เขายืนอยู่ตรงนั้นก้มมองไปยังแม่น้ำแห่งความมืดที่กำลังบ้าคลั่งด้านล่าง

เขาเห็นว่าในแม่น้ำแห่งความมืดมีใบหน้าเลือนรางนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ ใบหน้าเหล่านี้ต่างแสดงความโกรธแค้นและเกลียดชังยามที่มองมาทางพวกเขา

ความเกลียดชังมาจากการถูกสยบ ส่วนความโกรธแค้นมาจากภารกิจของสำนักแห่งความมืดที่ไม่อนุญาตให้พวกเขาฟื้นคืนชีพ

ขณะเดียวกันเปลวไฟสีดำในร่างกายหวังเป่าเล่อก็ไหลเวียน ดวงตาของเขาเผยลำแสงสลัว มองเห็นลางๆ ว่าวิญญาณที่ตายแล้วนับไม่ถ้วนในแม่น้ำแห่งความมืดคล้ายมีเส้นด้ายที่ต่อขยายไปยังส่วนลึกของแม่น้ำ

ดูเหมือนว่าต่อให้พวกมันจะดุร้ายเพียงใดก็ยังเหมือนกับหุ่นเชิดที่ถูกร้อยด้ายเอาไว้ หากผู้ที่ร้อยด้ายอยู่เบื้องหลังไม่ขยับก็ไม่เป็นอะไร หากแต่ทันทีที่ขยับก็ย่อมส่งอิทธิพลต่อการกระทำทั้งหมดของพวกมัน

“ด้ายพวกนี้…” หวังเป่าเล่อหรี่ตาและจ้องลึกเข้าไปในแม่น้ำแห่งความมืด แต่น่าเสียดายที่เขามองไม่เห็น ทว่าในใจก็มีการคาดเดาและข้อสรุปไว้บ้างแล้ว

“บางทีนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ศิษย์พี่ต้องการซากของจักรพรรดิแห่งความมืด เพราะผู้ที่ร้อยด้ายอยู่เบื้องหลังวิญญาณอาจมีโอกาสที่จะเป็น…จักรพรรดิแห่งความมืดที่ตายไปแล้วผู้นั้น”

“ทว่าการตายของเขา เหตุและผลยังอยู่ ดังนั้นแม้วิญญาณพวกนี้จะไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่พวกเขาล้วนติดอยู่ที่นี่และไม่สามารถจากไปได้” ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังครุ่นคิด ร่างของเฉินชิงจื่อก็ได้ปรากฏตัวอยู่ในความว่างเปล่าเหนือแม่น้ำแห่งความมืดและเหนือทุกคน ไม่มีคำพูดใดๆ ในพริบตาที่เขายกมือขวาขึ้นโบก ตราประทับปลาสีดำตรงหว่างคิ้วพลันเปลี่ยนไป จากนั้นพลังแห่งเต๋าสวรรค์ก็ระเบิดออกมาทันที

สุดท้ายก็มารวมตัวที่มือขวาและกดไปยังแม่น้ำแห่งความมืดด้านล่าง รอยมือขนาดมหึมาแหวกอากาศพุ่งไปยังแม่น้ำแห่งความมืด

จักรวาลแผดเสียงคำราม ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน พลังแห่งเต๋าสวรรค์ได้ถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุดแล้วในตอนนี้ อานุภาพแห่งมหาเต๋าทำให้หวังเป่าเล่อและคนอื่นๆ คำราม วิญญาณในแม่น้ำแห่งความมืดเผยความหวาดกลัวและส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะจมดิ่งลงสู่ส่วนลึกของแม่น้ำแห่งความมืดอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน…เมื่อรอยมือตกลงไป น้ำในแม่น้ำก็บ้าคลั่งและปรากฏเป็นรอยกดรูปฝ่ามือ รอยกดนี้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันขยายใหญ่ถึงหลายหมื่นจั้งในตอนสุดท้าย จากนั้นจึงไม่ขยายต่อ แต่คลื่นที่ซัดสาดซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่รอยมือยังคงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ดูแล้วช่างกว้างใหญ่นัก

ทว่า ทุกอย่างยังไม่จบแค่นั้น แม้ขอบเขตจะไม่ได้ขยายต่อไป แต่ความลึก…ยังคงดำเนิน รอยมือนี้จมดิ่งลงไปและในไม่ช้าก็ถึงหลายพันจั้ง หลายหมื่นจั้ง หลายแสนจั้ง…

จนสุดท้ายรอยมือที่ลึกประมาณครึ่งล้านจั้งก็ปรากฏแก่สายตาทุกคน นั่นทำให้ทุกคนตะลึงงัน สิ่งที่พวกเขาเห็นไม่นับเป็นรอยมืออีกแล้ว เพราะมันคือทางผ่าน คือกระแสน้ำวน!

ส่วนปลายของทางผ่านกระแสน้ำวนนี้…ไม่มีอะไรเลย ราวกับก้นแม่น้ำแห่งความมืดยังห่างจากจุดนั้นอีกไกลแสนไกล

“เต๋าสวรรค์มีความแน่นอน แต่มีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ต่อจากนี้…ต้องพึ่งบุตรแห่งความมืดอย่างพวกเจ้าแบกรับพลังแห่งเต๋าสวรรค์มุ่งไปตามทางผ่านนี้ให้ถึงหนึ่งล้านจั้ง!” เฉินชิงจื่อเก็บมือ กล่าวอย่างนุ่มนวล

“รับบัญชา!” ผู้ฝึกตนและกึ่งบุตรแห่งความมืดคนอื่นรวมถึงเด็กหนุ่มกึ่งบุตรแห่งความมืดที่ยั่วยุหวังเป่าเล่อก่อนหน้าตอบรับเสียงดัง ยังมีผู้ฝึกตนสวมหน้ากากคนนั้นที่ก้มศีรษะให้คำมั่นด้วยความเคารพอยู่ตอนนี้ด้วย

หลังจากนั้นเด็กหนุ่มกึ่งบุตรแห่งความมืดผู้นั้นที่เคยยั่วยุหวังเป่าเล่อและถูกเขาจัดการด้วยจันทร์ข้างแรมก็ก้าวออกมาจากฝูงชน คำนับเฉินชิงจื่อเป็นคนแรก

“โปรดถ่ายทอดพลังเต๋าสวรรค์ด้วยขอรับ!”

เฉินชิงจื่อพยักหน้า ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นตราประทับก็ปรากฏบนหว่างคิ้วเด็กหนุ่ม ทำให้ทั่วร่างของเขาสั่นเทิ้ม เปลวไฟสีดำพลันปะทุรุนแรงราวกับถูกกระตุ้น สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเหมือนจะระเบิดออก

แต่เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ขณะนี้เขากำลังฝืนทนความเจ็บปวดรุนแรง ยกสองมือขึ้นกระตุ้นเปลวไฟสีดำในร่างกายและกดมันลงกับรอยมือที่อยู่ลึกกว่าครึ่งล้านจั้งอย่างแรง

ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง เปลวไฟสีดำในร่างถูกเสริมพลังจนระเบิดออกกลายเป็นรอยมือขนาดเล็กจมลึกเข้าไปในทางผ่าน ทำให้ทางผ่านนี้ยิ่งลึกลงไปอีก!

คราวนี้ลึกลงไปอีกสองหมื่นกว่าจั้ง!

ถึงตอนนี้เด็กหนุ่มกึ่งบุตรแห่งความมืดก็กระอักเลือด ร่างกายอ่อนแอลง แต่กลับยังฝืนทน ก่อนจะเหลือบมองหวังเป่าเล่ออย่างยั่วยุแวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว กึ่งบุตรแห่งความมืดคนที่สองรีบพุ่งออกมาและคำนับไปยังเฉินชิงจื่อ

“โปรดถ่ายทอดพลังเต๋าสวรรค์ด้วยขอรับ!”

…………………………………