บทที่ 1342 วิธีปลุก

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ในชั้นผู้อาวุโสไท่หลิงของเจดีย์สี่เทวะ

การสังหารหมู่ดังก้องทั่วแท่นบูชาขนาดใหญ่ คลื่นหลิงและรัศมีปีศาจปะทะกันเปรี้ยงปร้างทำให้เกิดเสียงเสียดแทงแก้วหู ในเวลาเดียวกันแรงปะทะยังทำให้ชั้นนี้สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

นั่นเป็นเพราะแต่ละฝ่ายพยายามปกป้องและทำลาย ทำให้จอมยุทธ์มหาพันภพและเผ่าปีศาจเริ่มระเบิดสงครามกันที่นี่

มีการรวมกลุ่มกันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ นี่ก็คือลั่วหลี หลิงซี เวินชิงเฉวียนและพรรคพวกที่ยืนล้อมกรอบอยู่รอบตัวพวกนาง

การรวมตัวของพวกนางไม่โดดเด่น เพราะตอนนี้ทั้งสนามรบ แค่จำนวนจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอย่างเดียวก็สามารถนับได้ด้วยสองมือ นี่ยังไม่รวมถึงพวกเผ่าปีศาจ

แต่โชคดีที่ไม่มีตัวฉกาจเหมือนซือเทียนโยวในชั้นนี้ ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงรุนแรง แต่ไม่มีใครถือไพ่เหนือกว่า

“ลั่วหลี ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะทำอะไร?”

เวินชิงเฉวียนสะกิดลั่วหลี สายตามองไปในระยะไกลที่มีหญิงสาวชุดสีขาวทรงเสน่ห์ยืนอยู่ตรงกลางแท่นบูชา

ตอนนี้เวินชิงเฉวียนและทุกคนรู้แล้วว่าหญิงสาวคนนั้นชื่อว่าไป๋ซินเอ๋อ มิหนำซ้ำยังเป็นคู่แข่งของลั่วหลีในครั้งนี้ เนื่องจากเป้าหมายของนางคือมรดกของผู้อาวุโสไท่หลิง

ทักษะของไป๋ซินเอ๋อยอดเยี่ยมมาก เนื่องจากรอบตัวนางรายล้อมไปด้วยจอมยุทธ์น่าเกรงขาม มีกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม การรวมกลุ่มของพวกเขาถือว่าหรูหราที่สุดเลย

ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นกลุ่มคนที่เข้าใกล้แท่นบูชาได้มากที่สุดและต่อต้านเผ่าปีศาจได้

ไป๋ซินเอ๋อที่ได้รับการปกป้องในวงกลมมองไปที่ลั่วหลีที่อยู่ไกล ก่อนที่ริมฝีปากสีกุหลาบจะยกขึ้น จากนั้นนางก็นั่งลง

มือของนางวาดตราประทับเร็วรี่ วงแสงรวมตัวกันเหนือศีรษะก่อนที่จะกระจายออกไปในรูปวงกลม

“นางพยายามปลุกเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงน่ะ” ลั่วหลีหดตาลงเมื่อเห็นภาพนี้

ที่ชั้นนี้ไม่มีใครมาปลดปล่อยเศษวิญญาณของจอมปีศาจระดับเทียนที่ถูกปิดผนึก ดังนั้นเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงจึงยังคงหลับใหลอยู่

ถ้าไป่ซินเอ๋อสามารถสื่อสารกับเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงได้ นางก็จะสามารถยืมพลังกวาดล้างเผ่าปีศาจทั้งหมดออกไปจากที่นี่ ในเวลานั้นนางก็จะเป็นผู้มีส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยและวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานก็จะตกอยู่ในมือนางแน่แท้

“เราต้องหยุดนาง!” หลิงซีขมวดคิ้ว ถ้าไป๋ซินเอ๋อได้รับวิชาช่องแสงวิญญาณ ภารกิจครั้งนี้ของลั่วหลีก็จะล้มเหลว

เหตุผลที่มู่เฉินให้ทุกคนมากับลั่วหลี ก็เพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยนางทำงานให้สำเร็จลุลล่วง แต่ถ้าพวกเขาล้มเหลว ก็ไม่รู้ว่าจะตอบมู่เฉินว่าอย่างไร

“ข้าจะไปขัดขวางนางเอง!” หลงเซี่ยงกระแทกหมัดเข้าด้วยกันกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม แม้ว่าจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอยู่รอบตัวไป๋ซินอ๋อ คนอย่างเขาก็ไม่กลัว

แต่เขาก็ถูกลั่วหลีหยุด นางส่ายหัว “ทักษะที่นางฝึกฝนน่าจะเป็นคัมภีร์ต้าหลิงของเผ่าไท่หลิง ว่ากันว่านี่เป็นทักษะที่คล้ายคลึงกับผู้อาวุโสไท่หลิง นางจึงพยายามใช้ทักษะนี้เพื่อปลุกเจตจำนงของเขา”

“นี่เป็นความคิดที่ดีนะ แต่จะง่ายอย่างที่นางคิดได้อย่างไร”

จากข้อมูลที่ลั่วหลีได้รับ ผู้อาวุโสไท่หลิงเป็นคนแรกที่สิ้นชีพในหมู่บรรพชนทั้งสี่ ดังนั้นเจตจำนงของเขาจึงเข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปลุก ลั่วหลีไม่คิดว่าไป๋ซินเอ๋อจะสามารถทำให้สำเร็จได้

เมื่อเห็นว่าลั่วหลีสงบแค่ไหน ทุกคนก็ระงับความวิตกกังวลในใจและเฝ้าดู

ขณะที่พวกเขาไม่พลุ่งพล่าน ไป๋ซินเอ๋อก็เหลือบมาเห็นหลังจากไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ นางก็ยิ้มจาง ก่อนที่จะโบกมือไปให้จอมยุทธ์ที่อยู่รอบตัว

จอมยุทธ์เหล่านั้นดึงความสนใจออกจากตัวลั่วหลี กลับไปล้อมไป๋ซินเอ๋อเพื่อปกป้อง

“ผู้หญิงคนนั้นระวังตัวแจ คุมเชิงพวกเราตลอดเวลา” เวินชิงเฉวียนพูดพร้อมกับยกคิ้ว

“คนที่สามารถขึ้นเป็นเสมือนธิดาเทพของเผ่าไท่หลิงได้จะไม่ฉลาดได้อย่างไร?” ลั่วหลียิ้มบาง ไป๋ซินเอ๋อมาคนเดียว แต่จอมยุทธ์จำนวนมากเต็มใจจะช่วยเหลือ วิธีการของนางไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้

ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน แสงลึกลับเหนือศีรษะของไป๋ซินเอ๋อก็ราวกับดวงจันทร์สาดส่องแสงไปทั่วบริเวณ

ประกายแสงกระจายออกไปรอบแท่นบูชา ศิลาโบราณเริ่มสั่นสะเทือน

ไป๋ซินเอ๋อจ้องมองไปด้วยความสุข ทว่าความสุขบนใบหน้านางก็อยู่ไม่นาน เพราะศิลากลับสู่ความเงียบไม่ขยับเขยื้อนดังเดิม

ไป๋ซินเอ๋อกัดฟันแน่นปลดปล่อยคลื่นหลิงในร่างกายอย่างบ้าคลั่ง แสงซ่านเซ็นออกไปห่อหุ้มไปที่ศิลานั้นอย่างต่อเนื่อง

ตู้ม ตู้ม!

ไม่ช้าเผ่าปีศาจก็สังเกตเห็นความวุ่นวายนั้น พวกมันมุ่งการโจมตีไปที่นาง แต่ก็ถูกสกัดไว้โดยจอมยุทธ์ที่อยู่รอบกายนาง

“ตื่นเร็วสิ!”

ไป๋ซินเอ๋อกัดริมฝีปากขณะที่หมุนเวียนวิชาอย่างต่อเนื่อง พยายามติดต่อกับเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิง ทว่านางก็ยังคงล้มเหลวเนื่องจากไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น

หลังจากพยายามอยู่นานไป๋ซินเอ๋อก็ลืมตาขึ้น ความไม่พอใจอัดแน่นในนัยน์ตา ก่อนที่นางจะมองไปที่แท่นบูชาพลางพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าการขึ้นไปบนแท่นบูชาเป็นวิธีเดียวที่จะปลุกเจตจำนงของบรรพบุรุษ?”

แต่นางจะต้องถูกขัดขวางโดยเผ่าปีศาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และถ้าเผ่าปีศาจสามารถขึ้นไปบนแท่นบูชาปลุกวิญญาณจอมปีศาจได้ละก็ พวกนางลำบากแน่

“แม่นางซินเอ๋อล้มเหลวเหรอ?” ชายรูปร่างแกร่งพุ่งเข้ามาถามด้วยความห่วงใย

ไป๋ซินเอ๋อพยักหน้าเบาๆ “ลำบากพวกเจ้าแล้ว”

เมื่อชายคนนั้นเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของไป๋ซินเอ๋อ ดวงตาเขาก็กระตุก “แม่นางซินเอ๋อไม่ต้องกังวล รอให้เราส่งเจ้าขึ้นไปที่แท่นบูชาได้ เจ้าก็จะสามารถปลุกเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงได้อย่างแน่นอน”

“สำหรับพวกเขาไม่ต้องกังวล นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้ายังทำไม่สำเร็จ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย”

ที่พูดนี้หมายถึงกลุ่มของลั่วหลี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าลั่วหลีเป็นภัยคุกคามใหญ่สำหรับไป๋ซินเอ๋อ

ไป๋ซินเอ๋อยิ้มอ่อนโยน “พูดอย่างนี้ไม่ได้นะ เราควรระวังลั่วหลีให้มากขึ้น”

ขณะที่พูดสายตานางก็มองไปยังทิศของกลุ่มลั่วหลี ก่อนที่ดวงตาจะหดลงทันทีเมื่อเห็นว่าลั่วหลีนั่งลงอย่างกะทันหัน

เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของไป๋ซินเอ๋อ ลั่วหลีก็เงยศีรษะขึ้นช้าสายตาประสานกับไป๋ซินเอ๋อ ก่อนที่จะละสายตาออกอย่างรวดเร็ว

ไป๋ซินเอ๋อก็เบนสายตากลับ ดวงตากลับหรี่ลง “ลั่วหลีตั้งใจที่จะสื่อสารกับเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงด้วยหรือ?”

แต่รอยยิ้มลึกก็ปรากฏบนใบหน้าของนางเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น นางรู้ว่าลั่วหลีเพิ่งได้รับตำแหน่งเสมือนธิดาเทพจากเซียนชื่อเหยียนมาไม่กี่เดือน ลั่วหลีไม่เคยได้รับการฝึกฝนในเผ่า ดังนั้นในฐานะคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการฝึกฝน ก็เป็นเพียงความคิดปรารถนาที่จะสื่อสารกับวิญญาณบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่

“ลั่วหลี เจ้าทำได้ไหม?” เวินชิงเฉวียนถามอย่างเป็นห่วงจากด้านข้าง เมื่อนางเห็นว่าขนาดไป๋ซินเอ๋อยัง ล้มเหลว นางรู้ว่าการสื่อสารกับเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงยากเพียงใด

ถึงยังไงไป๋ซินเอ๋อก็ได้รับการฝึกฝนคัมภีร์มานาน ขณะที่ลั่วหลีไม่เคยเรียนรู้วิทยายุทธหรือทักษะการเพาะบ่มของเผ่าไท่หลิงเลย

ลั่วหลียิ้ม “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเซียนชื่อเหยียนจึงมั่นใจในตัวข้ามากและรู้สึกว่าข้าจะได้รับวิชาช่องแสงวิญญาณ?”

เวินชิงเฉวียนส่ายหน้า

ลั่วหลีหัวเราะเบาๆ ขณะที่ตอบว่า “เป็นเพราะข้าฝึกฝนร่างเทพวารียังไงล่ะ”

เวินชิงเฉวียนยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ ‘ร่างเทพวารีเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าไท่หลิงกัน?’

ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองไปที่แท่นบูชาโบราณ “เซียนชื่อเหยียนเคยบอกว่าในสมัยโบราณท่านไท่หลิงคนนี้เป็นคนที่หลงใหลในความรัก”

“แล้วเขาหลงเสน่ห์ใครล่ะ?” หลิงซีดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

ลั่วหลียิ้มเจ้าเล่ห์ตอบว่า “เขาหลงใหลเจ้าของคนสุดท้ายของร่างเทพวารี บรรพบุรุษของข้า—ท่านลั่วเสิน!”

“ข้าเข้าใจล่ะ! เจ้าคิดจะใช้แผนสาวงามหลอกล่อใช่ไหม ใช้ร่างเทห์สวรรค์ที่งดงามเพื่อปลุกเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิง!” เวินชิงเฉวียนปรบมือพร้อมกับร้องลั่นด้วยความชอบใจ

ลั่วหลีกะพริบตาพูดอย่างสนุกสนาน “เพื่อวิชาช่องแสงวิญญาณ ข้าคิดว่าจะต้องเสียสละความงามของบรรพบุรุษสักหน่อย”

เวินชิงเฉวียนกับคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน ‘แบบนี้ก็ได้เหรอ?’

ลั่วหลีไม่พูดอะไรอีก แต่ประสานมือเข้าด้วยกัน โดยมีแสงไร้ขอบเขตส่องออกมาจากด้านหลัง แสงหลิงพวยพุ่งปกคลุมสวรรค์และโลก เกิดภาพเงาที่งดงามก่อตัวขึ้นที่เบื้องหลัง

ร่างเทพวารีแห่งลั่วเสิน ร่างเทห์สวรรค์ที่งดงามแห่งมหาพันภพ!