ราชันเร้นลับ 1046 : การ ‘ทดสอบ’

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

น้ำเสียงอันแสนอ่อนโยนคล้ายกับกำลังสะท้อนกับความคิดภายในใจออเดรย์ เธอต่อต้านได้เพียงเล็กน้อยก่อนจะพบว่าเสียงดังกล่าวดังก้องออกมาจากจิตใจตัวเอง เป็นความคิดที่แท้จริงของเธอเอง

เฮอร์วิน·แรมบิสมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกตของหญิงสาว กล่าวต่อไปด้วยความเร็วปรกติ

“เรื่องที่สอง… ในงานเลี้ยงครั้งถัดไป ห้ามต่อต้านความปรารถนาดีของเหล่าเจ้าชาย และต่อหน้าเอิร์ลฮอลล์กับคุณหญิงฮอลล์ กล่าวคำเยินยอเจ้าชายให้พวกเขาได้ยิน… ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกของคุณ จงลืมไปว่าผมเคยมาที่นี่และกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ จงลืมไปว่าพฤติกรรมนี้ข้างต้นขัดแย้งกับธรรมชาติของคุณ อย่าพยายามแสวงหาพร และเลี่ยงการเข้าร่วมพิธีมิสซาของโบสถ์รัตติกาล”

กล่าวจบ เฮอร์วิน·แรมบิสถอนสายตาออกจากดวงตาออเดรย์ ตามด้วยการชี้นำทางจิตกับสาวใช้แอนนี่และคนที่เหลือ ไม่ให้พวกเธอประหลาดใจกับพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของนายหญิง

จัดการทั้งหมดเสร็จ ร่างของมันหายไปจากรถม้าโดยไม่สร้างความวุ่นวาย

กรี๊ง!

จักรยานคันหนึ่งขับผ่านหน้าต่าง ดวงตาของออเดรย์ที่เหม่อลอยเล็กน้อยกลับมาเป็นปรกติ

เธอเฝ้ามองผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนถนนสักพัก ทันใดนั้นก็ส่งเสียง ‘อ๊ะ’ ในลำคอ

จากนั้น เธอหันกลับมา กล่าวกับแอนนี่และคนอื่นๆ ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย:

“ฉันลืมเรื่องสำคัญไปเลย… ต้องแวะไปหากายลินก่อน”

ปัจจุบัน รถม้ายังไม่ได้แล่นออกจากเขตราชินี และที่นี่ก็อยู่ไม่ห่างจากบ้านของไวเคาต์กายลิน แอนนี่และคนรับใช้จึงไม่มองว่าเป็นเรื่องแปลก เพียงรีบสั่งคนรับรถม้าให้มันเลี้ยวไปยังถนนอีกเส้น

จนกระทั่งเป็นเวลาเก้าโมงสี่สิบในตอนเช้า ออเดรย์มาถึงถนนเฟลป์ เดินขึ้นไปยังชั้นสองของอาคาร ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็น’ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง

เฝ้ามองแอนนี่ สาวใช้คนสนิทและคนอื่นๆ จัดเรียงชั้นวางเอกสาร บ้างนำน้ำแร่ภูเขาที่พกมาด้วยไปเตรียมชงชาดำ ออเดรย์พาซูซี่ สุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ มายังห้องพักเล็กๆ ภายในห้องทำงาน ยืนมองกระจกภายในห้องราวกับกำลังชั่งใจว่า จะให้สาวใช้ช่วยแต่งหน้าดีหรือไม่

ระหว่างนี้ ออเดรย์เหลือบมองรูกุญแจ ถามซูซี่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย:

“พฤติกรรมของฉันมีจุดผิดปรกติไหม?”

นี่เป็นนิสัยที่เธอสร้างขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่การหายตัวไปของเฮอร์วิน·แรมบิส!

เธอทราบว่าพรเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลจะไม่สร้างอิทธิพลแบบถาวร อยู่ได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น และเธอไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเฮอร์วิน·แรมบิสจะมาหาเธอหรือไม่และตอนไหน ไม่มีทางสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลล่วงหน้าและขอพรได้ทุกวัน ดังนั้น เนื่องจากเชี่ยวชาญศาสตร์ด้านจิตวิทยา และยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับ ออเดรย์ไม่เพียงจะตรวจสอบพฤติกรรมของตนสามครั้งต่อวันเพื่อหาความผิดปรกติ แต่ยังตรวจสอบหาความบังเอิญที่มากเกินไปด้วย ขณะเดียวกันก็กำชับให้ซูซี่คอยจับตามองพฤติกรรมของตน ทำตัวเป็นกระจกเงาชั้นดี

นี่คือมาตรการป้องกันไม่ให้ถูกเฮอร์วิน·แรมบิสแอบสะกดจิต!

ซูซี่ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่นั่งยองๆ ด้านข้าง ครุ่นคิดอย่างจริงจังและตอบ:

“มี”

“…” ออเดรย์ยืนตัวแข็งทื่อด้วยรอยยิ้มแห้งๆ บนใบหน้า จ้องหน้าซูซี่และรอคำอธิบาย

ซูซี่ขยับจมูก มองไปรอบๆ และเล่าต่อไป

“ในตอนแรก เธอไม่ได้วางแผนจะแวะบ้านไวเคาต์กายลิน แต่เกิดเปลี่ยนใจกลางคัน… เธอเป็นคนบอกเองว่าจะแจ้งกำหนดการให้ฉันทราบล่วงหน้า และยังบอกอีกว่า ถ้ามีการเพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยน เธอจะปรึกษาฉันก่อน”

ได้ยินคำตอบจากซูซี่ สีหน้าออเดรย์เริ่มเคร่งขรึม

เธอยังคงคิดว่าเรื่องดังกล่าวไม่ผิดปรกติ แต่นี่แหละคือสถานการณ์ที่ผิดปรกติที่สุด!

และนั่นทำให้หญิงสาวมั่นใจบางเรื่อง

เฮอร์วิน·แรมบิสแวะมาหาทันทีที่ออกจากบ้าน จากนั้นก็ดลใจเธอให้ไปคฤหาสน์ของกายลิน!

หลังจากฝังการชี้นำทางจิต อีกฝ่ายได้ลบร่องรอยทั้งหมดทิ้ง!

ทว่า เขาไม่ได้ ‘ล้างสมอง’ สุนัขเพื่อให้คิดว่าทุกสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องปรกติ… ใจจริง ออเดรย์อยากจะบอกให้ซูซี่ออกไปข้างนอก ตนจะได้สวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูล แต่สุดท้ายกลับเกิดความลังเล

พฤติกรรมในตอนนี้ของเราจะถูกเฮอร์วิน·แรมบิสตรวจสอบหรือไม่? เขาอาจนั่งกำลังอยู่ที่ใดสักภายในห้องและมองมาทางเราอย่างเงียบงัน… ไม่สิ ถ้าเป็นความจริง ในตอนที่เราถามซูซี่ เขาก็ต้องรู้แล้วว่ามีเรื่องผิดปรกติเกิดขึ้น การสวดวิงวอนจะไม่ทำให้สถานการณ์แย่ลง… ต่อให้เขาอยู่ที่นี่จริงๆ มิสเตอร์ฟูลจะต้องมองเห็นอย่างแน่นอน และเราจะร้องขอให้พระองค์ช่วยลงทัณฑ์เขา แลกกับการตอบแทนคืนในอนาคต… แต่ทำไมเราถึงไม่อยากสวดวิงวอน ไม่อยากขอความช่วยเหลือ… ออเดรย์ยืนนิ่งเป็นเวลานาน สมองเต็มไปด้วยความคิดอันหลากหลาย สัญชาตญาณต้องการหลบหนี

และนั่นทำให้เธอตระหนักถึงความขัดแย้ง ช่วยให้พบการต่อต้านเล็กๆ ภายในหัวใจ

จากมุมมองทางด้านจิตวิทยาและศาสตร์เร้นลับ เธอคาดเดาบางสิ่งอย่างคลุมเครือ ในท้ายที่สุด หญิงสาวขจัดความคิดที่จะขอความช่วยเหลือ ปล่อยตัวเองไปตามธรรมชาติ สวดวิงวอนต่อเทพธิดาในแบบที่ไม่ต้องการคำตอบ

ทันใดนั้น ความขัดแย้งภายในใจพลันลดลงไปกว่าครึ่ง

ออเดรย์ตั้งสติ ส่งสัญญาณบอกให้ซูซี่ออกไปก่อน จากนั้นก็มองเข้าไปในกระจก สะกดจิตตัวเองเงียบงัน:

“เธอไม่ได้ขอความช่วยเหลือ แค่สวดมนต์ตามกิจวัตร…”

“เธอไม่ได้ขอความช่วยเหลือ แค่สวดมนต์ตามกิจวัตร…”

หลังจากท่องหลายจบ วังวนสีเขียวอ่อนและลุ่มลึกภายในดวงตาออเดรย์ค่อยๆ สลายไป

หญิงสาวยกมือขึ้น จับระหว่างปากและจมูก ท่องเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณด้วยเสียงต่ำ:

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย… ดิฉันอาจจะได้พบกับเฮอร์วิน·แรมบิสมาแล้ว”

ขณะกล่าว เธอมิได้ร้องขอความช่วยเหลือ เพียงอธิบายการค้นพบเมื่อครู่

ผ่านไปสักพัก แสงสีแดงเข้มพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าออเดรย์ ท่วมท้นร่างกายเธอประหนึ่งกระแสน้ำ

เพียงพริบตา หญิงสาวได้สติกลับคืนมาโดยสมบูรณ์ ฉากแล้วฉากเล่าแล่นเข้ามาในสมอง

เป็นภาพขณะที่เธอนั่งอยู่ในรถม้า ฝั่งตรงข้ามเป็นเฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งสวมสูทสามชิ้นสีดำ

ชายชรากล่าวแนะนำเธอด้วยเสียงอ่อนโยน

มันคือครึ่งเทพของเส้นทางผู้ชม เจ้าของดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ดูราวกับเก็บซ่อนความรู้อันไร้ขอบเขต

ขณะเดียวกัน ประโยคดังกล่าวดังก้องในหัวออเดรย์อีกครั้ง ช่วยให้เธอจำทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

รอจนกระทั่งแสงสีแดงจางหาย ภาพตรงหน้าหญิงสาวคือโต๊ะทองแดงลวดลายโบราณ บุคคลลึกลับที่ปกคลุมด้วยสายหมอกสีเทากำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน

ท่ามกลางอารมณ์ที่ท่วมท้นอันประกอบไปด้วย หวาดกลัว สยดสยอง ตื่นตระหนก และอื่นๆ ออเดรย์ยืนตัวตรง ยกชายกระโปรงมายาคำนับและกล่าว

“ขอบคุณสำหรับความคุ้มครอง มิสเตอร์ฟูลที่เคารพ”

ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา ปรบมือและยิ้ม:

“เจ้าทำได้ดีมาก”

ได้ยินประโยคดังกล่าว ออเดรย์โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ขจัดความกลัวเป็นปลิดทิ้ง จึงนั่งลงและเล่าประสบการณ์อย่างใจเย็น

ในฐานะเดอะฟูล ไคลน์มิอาจปรึกษาหารือกับมิสจัสติสตรงๆ มิอาจช่วยวิเคราะห์หรือแสดงความเห็น ทำได้เพียงยิ้มและตอบกลับไป:

“นี่คือบททดสอบแห่งโชคชะตา”

บททดสอบ? มีเพียงต้องผ่านมันไปให้ได้ เราจึงจะมีคุณสมบัติกลายเป็นครึ่งเทพ? หากผ่านไปได้ เราจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปกป้องคนสำคัญท่ามกลางความวุ่นวายในเบ็คลันด์? ออเดรย์ตีความคำแนะนำของมิสเตอร์ฟูล พยักหน้าอย่างขึงขังและกล่าว:

“ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

ไคลน์ไม่ได้กล่าวเพิ่มเติม กึ่งถอนหายใจกึ่งยิ้ม:

“กลับไปได้แล้ว… ไปเผชิญหน้ากับมัน”

ขณะออเดรย์เตรียมขอบคุณ สีแดงเข้มพลันระเบิดท่วมท้นการมองเห็น

เพียงชั่วพริบตา เธอถูกส่งกลับมายังโลกความจริง แต่คราวนี้ไม่หลงลืมหรือเพิกเฉยสิ่งใดอีกต่อไป

บททดสอบสินะ… ความหมายคือ เราต้องไม่ทำให้ความลับของตัวเองถูกเปิดเผย ต้องแก้ไขภัยอันตรายจากเฮอร์วิน·แรมบิสด้วยตัวเอง? แต่ถ้าเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้เฮอร์วิน·แรมบิสตาย สมาคมแปรจิตจะไม่สงสัยเอาหรือ? เราควรทำยังไงดี… ออเดรย์จ้องมองสาวผมทองหน้าตาสะสวยในกระจก หมุนตัวไปด้านข้างเล็กน้อยพร้อมกับชำเลืองในแนวเฉียง

สุดปลายสายตาคือห้องพักขนาดใหญ่ เป็นห้องของกรรมการกิตติมศักดิ์ และเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ขณะเดินขึ้นบันได ออเดรย์มั่นใจว่ามิสเตอร์ดอน·ดันเตสนั่งอยู่ด้านใน

เหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์ใช้นิ้วเคาะขอบโต๊ะยาวที่มีลวดลายโบราณ วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นกับมิสจัสติสและมิสจัดจ์เมนต์เมื่อคืนและเมื่อครู่:

มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง… อาดัมมอบไม้กางเขนเจิดจรัสให้เราผ่านมิสจัดจ์เมนต์และมิสเมจิกเชี่ยน… ไม่มีทางที่ท่านจะไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลังพวกเธอ… แล้วยังต้องการทดสอบอะไรเรา?

เหตุการณ์เมื่อคืน เราเชื่อว่าการสอบสวนมิสซิลเป็นเจตนาของฝ่ายกษัตริย์เพียงอย่างเดียว แค่ยืมความช่วยเหลือจากผู้วิเศษลำดับกลางของสมาคมแปรจิต แต่ด้วยเหตุผลบางประการ อาดัมกลับไม่เปิดเผยเรื่องของเดอะฟูลให้ฝ่ายกษัตริย์หรือนิกายแม่มดทราบ แถมท่านยังต้องการให้เราตอบสนองบางอย่างกลับไป…

แต่กลับกลายเป็นว่า อาดัมยังคงต้องการให้มิสจัดจ์เมนต์และมิสเมจิกเชี่ยนถูกสะกดจิต… ไม่อย่างนั้นคงไม่ส่งเฮอร์วิน·แรมบิสมาทำงานด้วยตัวเอง เพราะถึงจะเป็นสภานักสิทธิ์สนธยา แต่ตัวตนระดับนักบุญนั้นค่อนข้างมีความสำคัญ ไม่มีทางส่งมาให้เราเชือดง่ายๆ …

อาดัมกำลังทดสอบอะไร? อยากรู้ว่าพฤติกรรมของมิสจัดจ์เมนต์เกิดจากตัวเธอเอง หรือความจริงแล้วถูกเดอะฟูลชักใยอยู่เบื้องหลัง?

ถ้าการที่เดอะฟูลได้ไม้กางเขนเจิดจรัสและตระหนักว่ากษัตริย์ซุกซ่อนความลับ คือเป้าหมายที่แท้จริงของอาดัม แล้วทำไมถึงยังส่งลูกน้องมาสืบสวนมิสจัดจ์เมนต์กับมิสเมจิกเชี่ยนอีก? สภานักสิทธิ์สนธยามิได้เป็นศัตรูกับเราสักหน่อย อาดัมเองก็เคยร่วมมือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่เป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูล…

แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราไม่เห็นความจำเป็นที่อาดัมต้องทดสอบอะไร แค่ท่านนั่งข้างมิสจัดจ์เมนต์และฟังเสียงจากก้นบึ้งหัวใจของเธอ ความจริงก็จะกระจ่างทันที ไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยาก…

เว้นแต่ว่าท่านจะออกจากเบ็คลันด์ไปแล้ว หรือไม่ก็ติดข้อห้ามบางประการ จนไม่กล้าเข้ามาในมหานครแห่งนี้อีก ทำได้แค่สืบสวนผ่านลูกน้อง…

หรือว่าหลังจากที่เรารายงานให้มาดามอาเรียนน่าทราบจนโบสถ์รัตติกาลเริ่มตื่นตัว อาดัมได้ตระหนักถึงอันตรายจากเทพ?

เป็นไปได้… แม้ท่านจะรู้ว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์เกี่ยวข้องกับกงสุลมรณะ แต่ไม่น่าจะสังเกตเห็นความผิดปรกติของเทพมรณาเทียม เพราะแม้กระทั่งนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียมก็ยังไม่ทราบความจริง ดังนั้น ยิ่งนำไปรวมกับอำนาจในขอบเขตความลับของพระองค์ อาดัมไม่มีทางทราบว่าเทพธิดาจะลงมือไม่ได้ไปอีกพักใหญ่…

ถัดไป… ต้องจัดการกับเฮอร์วิน·แรมบิส… โดยไม่ทำให้ใครรู้ว่ามิสจัสติสเกี่ยวข้องกับเดอะฟูล…

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์อาศัยจุดแสงการสวดวิงวอน ช่วยให้เห็นมิสออเดรย์กำลังเดินเข้ามาในห้องรับรองของคณะกรรมการกิตติมศักดิ์เพื่อตามหาดอน·ดันเตส

หลังจากสลัดความคิด ชายหนุ่มรีบกลับสู่โลกความจริง

……………………….