ตอนที่ 2,223 : แมวสุนัข
“เป็นข้าดูเบาเจ้าเกินไปแล้ว…”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างตามมาติดๆอย่างไม่ยากเย็น หวงฉี่หลิงได้แต่คลี่ยิ้มเจื่อนๆ พูดกับต้วนหลิงเทียนออกมาเสียงอ่อน “ตอนนี้เป็นข้ากำลังเหาะด้วยความเร็วสูงสุดแท้ๆ แต่น้องหลิงเทียนเจ้ายังตามมาได้สบายๆ…นี่มากพอจะบอกให้ข้าทราบแล้วว่าพลังฝึกปรือน้องหลิงเทียนเจ้าสูงส่งกว่าข้านัก…”
“ข้าสัมผัสได้ว่าน้องหลิงเทียนยังเยาว์นัก มิมีทางมีอายุใกล้เคียงกับข้าแน่ แต่พลังฝึกปรือของเจ้ากลับสูงส่งกว่าข้ายิ่ง ทำให้ข้ารู้สึกละอายใจนัก…ข้าที่เกิดและเติบโตในวังเซียนสัญจรอันเพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากรบ่มเพาะ กลับมิอาจสู้น้องหลิงเทียนที่เป็นผู้ฝึกมารอิสระได้…”
หลังกล่าววาจาจากใจจบคำ รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงฉี่หลิงก็เหยเกจนแทบจะเปลี่ยนเป็นร่ำไห้
ถึงแม้ว่ามันจะได้รับสืบทอดมรดกจากเคล็ดฝึกมารของปีศาจดั้งเดิม จนสามารถใช้แก่นแท้ ปราณโลหิต และพลังชีวิตของปีศาจตนอื่นๆในการบ่มเพาะได้ หากทว่าอย่างไรก็ยังมีจุดรอคอยอยู่บ้าง
และสิ่งที่ส่งผลโดยตรงกับจุดรอคอยก็คือ ศักยภาพของตัวผู้ฝึกฝนเอง
ยิ่งมากล้นไปด้วยศักยภาพพรสวรรค์ การกลืนกินแก่นแท้และปราณโลหิตของปีศาจตนอื่น พลังฝึกปรือก็จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลในครั้งเดียว
แน่นอนว่าถ้าอ่อนด้อยก็กลับกัน
“ข้าโชคดีพบวาสนาโดยบังเอิญน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“น้องหลิงเทียนช่างถ่อมตัวยิ่ง”
หวงฉี่หลิงรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนนั้นช่างถ่อมตัวไม่โอ้อวดนัก
หลังจากเร่งความเร็วในการเดินทางไปสักพัก ไม่นานทั้งคู่ก็ไล่ตามปีศาจกลุ่มใหญ่ได้ทัน
“พวกเรามาถึงแล้ว…ที่นี่ล่ะ”
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นกลุ่มปีศาจมากมายเบื้องหน้าหยุดร่างลง เสียงของหวงฉี่หลิงก็ดังขึ้นพอดี ทำให้เขามองจ้องไปยังด้านหน้าทันที
เบื้องหน้าตอนนี้เป็นป่าศิลา
ในป่าศิลาดังกล่าวมีหินรูปทรงแปลกประหลาดเรียงรายระเกะระกะมากมาย บ้างก็สูงไม่กี่หมี่ บ้างก็สูงใหญ่หลายสิบหลายร้อยหมี่
กระทั่งยังมีหินสูงนับพันหมี่ตั้งตระหง่านปานไม้ใหญ่
และตอนนี้เหล่าปีศาจมากมายที่หยุดร่างลง ก็เริ่มทยอยกันหายเข้าไปในป่าศิลา ทั้งหมดดั่งหินร่วงหล่นทะเล จมหายไปในพริบตา ยังคล้ายระลอกคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าที่สลายหายไปยามซัดถึงริมหาดอยู่บ้าง
“มันอยู่ด้านในป่าศิลาหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามหวงฉี่หลิง
“น่าจะ…ข้าได้ยินมาเช่นนั้น”
หวงฉี่หลิงพยักหน้า ค่อยกล่าวด้วยสองตาลุกวาว “ไป! พวกเราตามพวกมันไปกันเถอะ!!”
“ไป”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ
ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเข้าสู่ป่าศิลาพร้อมกันกับหวงฉี่หลิงนั้นเอง
พลันมีเสียงหัวเราะด้วยความขบขันดังก้องฟ้ามาแต่ไกลจากด้านหลัง
“เฮ่ๆๆ นั่นมิใช่นายน้อยหวงฉี่หลิงหรือไร!?”
“อัยยะ! อาศัยพลังฝึกปรืออ่อนด้อยของเจ้ายังมีหน้ามาที่นี่อีกรึ?”
“เหอะๆ ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าเข้าไปทำให้ตัวเองเป็นตัวตลกเสียดีกว่า เดี๋ยวจักทำวังเซียนสัญจรของพวกเราขายขี้หน้าผู้อื่นเขา!”
สิ้นเสียงหัวเราะเยาะไม่นาน ก็ปรากฏวาจาเย้ยหยันดังขึ้น เป็นกลุ่มคนที่แต่งกายหรูหราไม่ต่างจากหวงฉี่หลิงสักเท่าไหร่
พริบตาพวกมันก็เหินร่างมากบังขวางต้วนหลิงเทียนกับหวงฉี่หลิงเอาไว้
ขณะเดียวกันพวกมันแต่ละคนก็มองจ้องไปยังหวงฉี่หลิงไม่วางตา
ที่สำคัญคือสายตาของพวกมันแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความเย้ยเยาะดูแคลน!
เมื่อเห็นร่างทั้ง 3 สีหน้าของหวงฉี่หลิงเริ่มมืดลงทันใด ในแววตายังฉายแววโมโหระคนหวาดกลัวให้เห็น
“พวกมันเป็นใคร?”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมากที่อยู่ๆก็ถูกคนอื่นขวางทางเอาไว้อย่างไร้เหตุผลแบบนี้ หากแต่เขายังไม่ลงมืออะไร เพียงส่งเสียงกล่าวถามหวงฉี่หลิงก่อน
“พวกมันเองก็เป็นคนของวังเซียนสัญจรเหมือนกันกับข้า…ฯลฯ”
เมื่อหวงฉี่หลิงส่งเสียงอธิบายตัวตนของคนทั้ง 3เบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ว่าพวกมันแต่ละคนสำคัญอย่างไร
ทั้ง 3 ที่อยู่เบื้องหน้านั้น จัดเป็นชนชั้นนายน้อยเสเพล เป็นพวกลูกหลานของคนมีอำนาจสูง วันๆได้แต่หยอกล้อล่อลวงอิสตรีที่ไม่มีภูมิหลัง ทั้งชมชอบข่มเหงรังแกผู้ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าอยู่เป็นนิจ
อนิจจาด้วยคนหนุนหลังของพวกมันเป็นอาวุโสระดับสูง สตรีที่ถูกรังแกก็ยากจะหาความเอาผิดอะไรพวกมันได้ และถึงต่อให้ฟ้องร้องขึ้นไป พวกมันก็ไม่ถูกทำโทษแต่อย่างใด
ครั้งหนึ่งหวงฉี่หลิงทนเห็นมันรังแกสตรีอ่อนแอไม่ไหว จึงได้ลงมือออกหน้าสั่งสอนบทเรียนให้พวกมัน!
จากนั้นไม่ว่าพวกมันคิดรังแกคนกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หวงฉี่หลิงก็จะเข้ามาขัดขวางอยู่ร่ำไป
เนื่องจากไม่เพียงพลังฝีมือ แต่ภูมิหลังของหวงฉี่หลิงนั้นยังแข็งแกร่งกว่าทั้ง 3 ทำให้แม้พวกมันแต่ละคนจะมีภูมิหลังที่จัดว่าดี แต่ก็ยังไม่อาจหืออืออะไรเบื้องหลังหวงฉี่หลิงได้ พวกมันจึงทำได้แต่เก็บความคับแค้นไว้ในใจเท่านั้น
ทว่าต่อมา เนื่องจากประสบอุบัติเหตุในการบ่มเพาะจนธาตุไฟเข้าแทรก กว่าที่จะถูกช่วยเหลือไว้ทัน แต่ชีพจรเซียนของหวงฉี่หลิงก็เสียหายไปไม่น้อย ทำให้พลังฝึกปรือของหวงฉี่หลิงยากจะก้าวหน้าขึ้นอีก สุดท้ายพลังฝีมือของทั้ง 3 ก็เริ่มก้าวข้ามหวงฉี่หลิงไป
หลังจากนั้นทั้ง 3 ก็มักหาโอกาสเอาคืนหวงฉี่หลิงอยู่เสมอ!
แน่นอนว่าพวกมันยังหวาดกลัวภูมิหลังของหวงฉี่หลิง จึงไม่กล้าลงมือลงไม้รุนแรงอะไร ทว่าเพียงการกล่าวถากถางหยันหยามนั้นไม่เคยขาด
“พวกนายน้อยกเฬวรากงั้นสินะ?”
หลังได้ยินเรื่องที่หวงฉี่หลิงเล่า ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่เบ้ปากมองแคลนทั้ง 3
“หวงฉี่หลิง ไอ้หน้าขาวที่อยู่ข้างๆเจ้านี่…สหายใหม่ของเจ้ารึ?”
หนึ่งในสามชายหนุ่มในชุดหรูหรา หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตากระหายเลือด
และพอมันกล่าวทักขึ้นมาแบบนี้ อีก 2 คนก็หันมาสนใจต้วนหลิงเทียนเหมือนกัน
วูบ!
เมื่อเห็นทั้ง 3 หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาบอกเจตนาชั่ว สีหน้าท่าทีของหวงฉี่หลิงเปลี่ยนไปทันใด “สหายอันใด! ข้าไม่รู้จักมัน มันเป็นผู้ใดก็ไม่รู้ข้าไม่รู้จัก!”
หวงฉี่หลิงเร่งตะคอกออกมา ท่าทางยังร้อนใจไม่น้อย
ขณะเดียวกันมันก็เหินร่างขึ้นไปบังหน้าต้วนหลิงเทียนเอาไว้ และจ้องทั้ง 3 อย่างไม่วางตา
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
เมื่อชายทั้ง 3 เห็นทีท่าเอาเรื่องของหวงฉี่หลิง อีกทั้งยังเห็นชัดถึงเจตนาที่จะปกป้องต้วนหลิงเทียนของหวงฉี่หลิงพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ราวกับพึ่งได้ยินเรื่องน่าขบขันที่สุดในใต้หล้า
“หวงฉี่หลิน ในเมื่อไอ้หน้าขาวนี่ไม่ใช่สหายของเจ้า เช่นนั้นพวกเราจะฆ่ามันเสีย!”
“ใช่แล้วๆ! ในเมื่อมันไม่ใช่สหายของเจ้า เช่นนั้นให้มันเป็นเหยื่ออารมณ์ของพวกเราเถอะ! คุณชายผู้นี้คันมืออยากฆ่าผู้คนยิ่ง!!”
“จึกๆๆ…ดูเหมือนว่าวันนี้จักมีเรื่องบันเทิงให้ละเล่นแล้ว…”
หลังจากหัวเราะเสร็จ ชายหนุ่มทั้ง 3 ก็มองจ้องหวงฉี่หลิงด้วยสายตาล้อเลียน จากนั้นก็มองข้ามหวงฉี่หลิงไปจ้องต้วนหลิงเทียนที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาราวกับนักล่าพบพานเหยื่ออันโอชะ
ฟังจากคำของพวกมันแล้ว เห็นชัดว่าบังเกิดจิตคิดฆ่าต้วนหลิงเทียน!
เนื่องจากภูมิหลังของหวงฉี่หลิงนั้นเหนือกว่าผู้ที่คอยให้ท้ายพวกมัน เช่นนั้นพวกมันจึงไม่กล้าลงมือทำอะไรหวงฉี่หลิง อย่างดีก็ทำได้แค่คอยถากถางหยันหยามด้วยวาจา
อย่างไรก็ตามกับคนรู้จักหรือสหายของหวงฉี่หลิงพวกมันไม่เคยปราณี!
ฆ่าเพื่อนหวงฉีหลิงแล้วจะอย่างไร?
หรืออาวุโสระดับสูงในวังเซียนสัญจรที่เป็นผู้หนุนหลังหวงฉี่หลิง จะเลือกปะทะกับผู้หนุนหลังของพวกมันทั้ง 3 ที่เป็นชนชั้นอาวุโสในวังเซียนสัญจรเหมือนกัน?
“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องคน ข้าจะเสี่ยงตายฆ่าพวกเจ้า!!”
ได้ยินคำของทั้ง 3 แววตาของหวงฉี่หลิงก็เปลี่ยนเป็นเยียบเย็น
ถึงแม้ตอนนี้มันกับต้วนหลิงเทียนยังไม่ถือว่าเป็นสหายอันใด หากทว่าต้วนหลิงเทียนกลับต้องมารับเคราะห์เพราะร่วมทางกับมัน!
ด้วยเหตุนี้มันจึงรู้สึกผิดนัก และไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนต้องมีปัญหา!
หาไม่แล้วมันคงได้ละอายใจไปชั่วชีวิต และจมอยู่กับความรู้สึกผิด!
“อุบ๊ะ! นี่เจ้าคิดเสี่ยงตายสู้กับพวกเราเพื่อช่วยไอ้หน้าขาวนี่เลยงั้นเรอะ!!”
ชายหนุ่มทั้ง 3 ที่เห็นทีท่าทั้งได้ยินวาจาเอาเรื่องของหวงฉี่หลิง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้ง “อาศัยพลังฝีมือกระจอกๆอย่างเจ้า คิดว่าจะมีปัญญาสู้กับพวกเราได้รึ?”
“หวงฉี่หลิง หากมิใช่เพราะเจ้ามีอาวุโสคุ้มกะลาหัว เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังมีหน้ามาทำเท่ต่อหน้าพวกเราเช่นนี้อีกหรือ?”
“หวงฉี่หลิง กับเจ้าเราไม่อาจลงมือได้ก็จริง…แต่สหายเจ้า พวกเราจะทุบตีมารดามันกระทั่งฆ่าทิ้งเสีย!!”
“ตะกี้เจ้ามิได้บอกว่ามันไม่ใช่สหายของเจ้าหรือไร?แต่ช่างหัวมารดามันเถอะ วันนี้มันจะเป็นสหายของเจ้าหรือไม่ใช่ มันก็ต้องตาย!!”
…
ฟังจากที่ทั้ง 3 กล่าวเห็นชัดว่ามันไม่กลัวคำขู่ของหวงฉี่หลิงแม้แต่นิดเดียว พวกมันยังยืนกรานจะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย!
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้มีเผ่าพันธุ์ปีศาจมากมายที่มาเหินร่างมุงล้อมเพื่อชมดูเรื่องราว
“หืม? นั่นมิใช่หวงฉี่หลิง ‘อดีต’ อัจฉริยะของวังเซียนสัญจรรึไง?”
ไม่นานก็มีคนจดจำหวงฉี่หลินได้
แต่ก่อนนั้นในเผ่าพันธุ์มนุษย์ปีศาจ หวงฉี่หลิงนับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย ถึงแม้มันจะไม่ใช่อัจฉริยะอันดับ 1 ในวังเซียนสัญจร แต่มันก็ถือว่าเป็น 1 ใน 5 อัจฉริยะของวังเซียนสัญจร!
“สามคนนั่น…ดูเหมือนจะเป็นคนของวังเซียนสัญจรด้วยนี่…จึกๆๆ ตอนนี้หวงฉี่หลิงไม่ต่างใดจากพยัคฆ์ป่วยแล้วจริงๆ กระทั่งแมวสุนัขตัวใดก็สามารถรังแกมันได้ง่ายดาย…”
ท่ามกลางปีศาจที่มามุงชม ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กล่าวประโยคนี้ออกมา
หากแต่แม้เสียงมันจะไม่ได้ดังมากมาย แต่ก็กระจายให้ได้ยินกันทั่วๆ!
“บัดซบ! ตะกี้ผู้ใดมันปากดีเรียกข้านายน้อยว่าแมวสุนัขวะ! แน่จริงก็ไสหัวออกมา!!”
ทันใดนั้น 3 คนจากวังเซียนสัญจรก็ของขึ้นทันที พวกมันล้วนเป็นนายน้อยและมักวางอำนาจบาตรใหญ่มาเสมอ มีแต่มันที่รังแกผู้อื่นไม่มีผู้ใดกล้าแหยมกับพวกมัน ไหนเลยยังไม่เดือดได้เมื่อมีคนเปรียบเทียบพวกมันเป็นแมวสุนัข!
น่าเสียดายที่มีปีศาจอยู่เยอะเกินไป ยากจะจับมือใครดมได้
ครู่ต่อมาปีศาจที่มุงล้อมก็ได้แต่กระซิบกันระงมปานเสียงยุง ไม่มีใครกล้าพูดเสียงดังอีก
“เจ้าหนูชุดม่วงนั่นท่าทางจะซวยแล้วล่ะ…”
“หากจะโทษก็โทษที่มันรู้จักกับหวงฉี่หลิงเถอะ”
“นั่นสิ 3 คนนั่นมันเป็นอริของหวงฉี่หลิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…แม้พวกมันจะทำอะไรหวงฉี่หลิงไม่ได้เพราะกริ่งเกรงเบื้องหลังหวงฉี่หลิง แต่อาวุโสนั่นก็ไม่คิดจะปกป้องสหายหวงฉี่หลิงแน่”
…
ผู้ชมโดยรอบได้แต่มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสาร
หน้าหวงฉี่หลิงยิ่งมายิ่งบิดเบี้ยวอัปลักษณ์
ถึงแม้มันจะรู้ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรมีพลังฝีมือเหนือมัน แต่มันก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งพอรับมือสารเลวทั้ง 3 นี่ได้พร้อมๆกัน
เพราะสารเลวทั้ง 3 เบื้องหน้านั้น 2 คนได้บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนแล้ว อีกคนกระทั่งบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน!
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หวงฉี่หลิงก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน “น้องหลิงเทียน ข้าต้องขออภัยต่อเจ้าแล้วที่ชักนำปัญหามาสู่เจ้า…เดี๋ยวข้าจะพยายามรั้งพวกมันทั้ง 3 เอาไว้ เจ้ารีบหนีเข้าไปในป่าหินด้านล่างเสียแล้วเข้าไปหลบในมรดกสถานของปรมาจารย์เซียนจารึกระดับสวรรค์นั่น! เห็นว่าด้านในนั้นเป็นดั่งเขาวงกต พวกมันย่อมไม่อาจหาเจ้าพบได้โดยง่ายแน่!”
อย่างไรก็ตาม แม้มันส่งเสียงไปแล้วแต่กลับไม่ได้ยินวาจาตอบรับแต่อย่างใด
วูบ!
ดั่งสายลมหนึ่งพัดผ่าน…ร่างต้วนหลิงเทียนวูบมาหยุดเบื้องหน้าหวงฉี่หลิง ทั้งมองจ้องไปยัง 3 ศิษย์วังเซียนสัญจรด้วยแววตาสีหน้าสงบ
หากแต่หลังมองจ้องพวกมันอย่างสงบแล้ว จิตสังหารหนึ่งก็เริ่มแผ่เรื่อๆออกมา
เมื่อหวงฉี่หลิงเห็นต้วนหลิงเทียนก้าวออกมาเผชิญหน้ากับ อริทั้ง 3 สีหน้าหวงฉี่หลิงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“พวกเจ้า…อยากฆ่าข้างั้นเหรอ?”
เสียงกล่าวทั้งสายตาต้วนหลิงเทียนสงบใจเย็นนัก หากแต่เมื่อตั้งใจฟังให้ดีจะพบความเยียบเย็นประการหนึ่งแฝงเร้นมาในน้ำเสียง
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกล้าก้าวออกมาถามซึ่งๆหน้าไม่คล้ายหวาดกลัวแบบนี้ เหล่า 3 นายน้อยวังเซียนสัญจรอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปอยู่บ้าง
“ข้าถามว่า แมวสุนัขอย่างพวกเจ้า 3 ตัว…คิดฆ่าข้างั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าทั้ง 3 อึ้งไปไม่ตอบคำ ต้วนหลิงเทียนจึงกล่าวถามออกมาอีกครั้ง