บทที่ 879 สังหารปราชญ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงไช่หยุนจะอยู่ในระดับนภาคราม แต่ว่าพลังเพลิงของนางก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ธรรมดา ๆ จะสามารถทานทนได้

ดังนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือนางใช้เวลาไม่นานก็สามารถสังหารปีศาจเผ่าวิญญาณอเวจีได้สำเร็จด้วยการย่างสด และจากนั้นนางก็กลับมายืนที่ด้านข้างหลิงตู้ฉิงเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงไม่ได้สั่งให้นางออกไปสู้ต่อ แต่เขากลับสั่งให้หลิงยี่เทียนออกไปแทน “ยี่เทียน เจ้าออกไปฆ่าไอ้มนุษย์ผู้นั้นให้ตายให้เร็วที่สุด พ่อสัมผัสได้ถึงบาปอันหนาแน่นที่ติดตัวของเขา ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เขารับใช้พวกเผ่าอสูรมาเนิ่นนาน พวกเราไม่จำเป็นต้องมีคนเช่นนี้อยู่ร่วมโลกกับพวกเรา!”

หลิงยี่เทียพยักหน้า จากนั้นเขาพุ่งตัวไปหาคนที่พ่อของเขาชี้ตัวทันที

ต่อมาหลิงตู้ฉิงส่งคนของเขาออกไปจัดการกับคนของจางไป๋ฟานเรื่อย ๆ และก่อนที่เขาจะส่งใครออกไป เขาแจ้งรายละเอียดจุดอ่อนของฝั่งตรงข้ามทุกคนเสมอเพื่อให้คนของเขาสามารถจัดการกับฝั่งตรงข้ามได้ง่ายขึ้น

ทางด้านศิษย์ของจางไป๋ฟาน เมื่อพวกเขาเห็นว่าจำนวนคนของฝั่งพวกเขาถูกฆ่าอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ได้แต่มองหน้ากันด้วยสายตาหวาดกลัวเพราะพวกเขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย

นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่ ทุกคนต่างถูกไล่ล่าสังหารอย่างโหดร้าย

จากนั้นในเวลาเพียงไม่นาน เมื่อเหล่าศิษย์ของจางไป๋ฟานเห็นว่าปราชญ์ของพวกเขาเอาแต่คุยกับรูปปั้นไม่สนใจความเป็นตายของพวกเขาสักที ดังนั้นพวกเขาจึงทนไม่ไหวและเริ่มที่จะหนีออกไปเรื่อย ๆ

แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามหนีแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารอดตายเพราะเมื่อพวกเขาหนีเมื่อไหร่ หลิงตู้ฉิงจะสั่งให้คนของเขาไปล้อมเอาไว้ และสังหารลงในทันที

การต่อสู้อันรุนแรงเช่นนี้ของหลิงตู้ฉิงกับกลุ่มคนของจางไป๋ฟาน มันทำให้ปราชญ์กลุ่มอื่น ๆ รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

พวกเขาเห็นได้ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่การสู้เพื่อตำแหน่งมหาปราชญ์อีกแล้ว แต่มันเป็นการต่อสู้เพราะความเกลียดชังและเป้าหมายของหลิงตู้ฉิงมีเพียงอย่างเดียวก็คือ การกำจัดจางไป๋ฟานให้หายออกไปจากโลกนี้!

3 วันต่อมา เหล่าผู้คนที่ติดตามจางไป๋ฟานทั้งหมดก็ถูกสังหารลงจนเหี้ยนเหลือเพียงแค่จางไป๋ฟาน และผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่ที่กำลังยืนสั่นงันงกอยู่

ในเวลาเดียวกัน บรรดาศิษย์ของถังชี่หยุนต่างส่งสายตาถามหลิงตู้ฉิงว่าพวกเขาควรจะเข้าไปลากตัวจางไป๋ฟานออกมาจากรูปปั้นเลยดีไหม หรือพวกเขาควรจะทำอะไรต่อดี?

อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำเช่นนั้น เขากลับกวักมือเรียกผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่ให้เดินเข้ามา “เข้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้!”

ผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าหวาดกลัวทันที และถามขึ้นว่า “คุณชายท่านอยากจะให้ข้าทำอะไรให้งั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้าอยากจะอยู่หรือว่าอยากจะตาย?”

“แน่นอนว่าข้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าหวังว่าคุณชายจะให้อภัยข้าและปล่อยให้ข้าอยู่รอด!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ก็ได้ในเมื่อเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อถ้างั้นเจ้าก็จงไปหยุดการสื่อสารกันระหว่างจางไป๋ฟานกับรูปปั้นซะแล้ว จากนั้นข้าจะไม่ฆ่าเจ้า”

“ท่านพูดจริงงั้นเหรอ?” ผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่รีบถามกลับด้วยสายตาเป็นประกายทันที

เขาชั่งผลดีผลเสียในใจเรียบร้อยและรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามที่หลิงตู้ฉิงสั่ง ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตายที่นี่วันนี้แน่นอน

หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าจะปฏิเสธก็ได้ แต่ข้าก็จะค่อย ๆ เฉือนเนื้อเจ้าออกทีละชิ้นเรื่อย ๆ จนกว่าเจ้าจะยอมตกลงทำตามที่ข้าสั่ง เจ้าเอาไหมล่ะ?”

“คุณชายโปรดใจเย็นลงก่อนข้าจะทำตามที่ท่านสั่ง!”

หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่ก็ค่อย ๆ เดินกลับไปหาจางไป๋ฟาน แต่ในระหว่างทางที่เขาเดินไป หลิงตู้ฉิงก็โทรจิตสั่งคนของเขาทุกคนให้เอาเลือดจากศพของศัตรูที่พวกเขาเพิ่งสังหารสาดเข้าไปที่ร่างของผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่ให้ครบทุกคน

ผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่เดินตรงไปหาจางไป๋ฟานด้วยเลือดที่ชุ่มเต็มตัว ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาดูน่าเกลียดมากขึ้นไปกันใหญ่พลางคิดในใจว่าในเมื่อเขายอมตกลงที่จะทำตามคำสั่งแต่โดยดี แล้วทำไมหลิงตู้ฉิงถึงต้องสั่งให้คนอื่น ๆ เหยียดหยามเขาขนาดนี้ด้วย?

ทางด้านหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่เดินเข้าไปใกล้จางไป๋ฟานเรียบร้อยแล้วเขาจึงยิ้ม และพาคนอื่น ๆ กลับไปหาถังชี่หยุนในทันที

“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงไม่รอดูอยู่ก่อนล่ะ?” หลิงฟ่างหัวรีบเอ่ยท้วง “ถ้าหากไอ้คนผู้นั้นมันไม่ยอมเรียกจางไป๋ฟานจริง ๆ มันไม่เท่ากับว่าความพยายามของเราสูญเปล่างั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่จำเป็นหรอก ต่อให้ไอ้เจ้านั่นไม่ทำอะไรเลย แต่แค่มันเข้าใกล้จางไป๋ฟานมากพอ ไอ้เจ้าจางไป๋ฟานมันก็หนีไม่พ้นความตายแน่นอน!”

จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับถังชี่หยุนว่า “พวกเราไปต่อกันเถอะ!”

ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ รูปปั้นที่จางไป๋ฟานกำลังสื่อสารด้วยอยู่ก็สั่นอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นรูปปั้นง้างมือขึ้นและตบจางไป๋ฟานกับผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่ที่ร่างชุ่มไปด้วยเลือดตายไปพร้อม ๆ กันในพริบตา

“นี่ปราชญ์ตายในขณะเข้ารับการทดสอบงั้นเหรอ?” คนกลุ่มอื่น ๆ ต่างมองไปที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตื่นตระหนก

ต้องรู้ว่าตั้งแต่มีการคัดเลือกมหาปราชญ์ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันยังไม่มีปราชญ์คนไหนที่ตายระหว่างการทดสอบเลยสักคน!

ต่อให้ปราชญ์จะถูกคนของฝั่งตรงข้ามดึงออกจากการสื่อสารกับรูปปั้น บทลงโทษอย่างมากที่สุดที่เขาจะได้รับก็คือการถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการคัดเลือกเป็นมหาปราชญ์ไม่ใช่การถูกฆ่าตายโดยรูปปั้นแบบนี้!

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเหม่อมองด้วยสายตาโง่งมไปที่รูปปั้นที่เพิ่งสังหารจางไป๋ฟาน จู่ ๆ รูปปั้นรูปนั้นก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และยิ่งไปกว่านั้นรูปปั้นรูปอื่น ๆ ก็เริ่มที่จะสั่นแสดงสัญญาณว่ากำลังจะระเบิดทำลายตัวเองเช่นกัน

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ตะโกนขึ้นเสียงดังว่า “ข้าสังหารคนที่สมควรถูกสังหาร พวกเจ้าจะยอมรับกันไม่ได้ไปเพื่ออะไร? คนบางคนสมควรได้รับโอกาสบรรลุก้าวไปสู่ระดับถัดไป แต่คนบางคนก็ไม่สมควรที่จะได้รับโอกาสนั้น พวกเจ้าคิดว่ามันแปลกตรงไหน?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรดารูปปั้นทั้งหลายต่างก็หยุดสั่นและกลายเป็นปกติเหมือนเดิม

“ท่านพ่อ เมื่อครู่นี่มัน…”

ในตอนนี้ลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงต่างรู้สึกว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าปกติว่า “รูปปั้นเหล่านี้คือเจตจำนงมหาปราชญ์รุ่นก่อน ซึ่งพ่อจงใจทำให้พวกเขาสัมผัสได้ว่าจางไป๋ฟานนั้นมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าอสูรและเผ่าปีศาจโดยผ่านผู้เชี่ยวชาญร่างเตี้ยตาเหล่ที่ร่างชุ่มไปด้วยเลือดของเหล่าอสูรและปีศาจ ซึ่งเป็นศิษย์ของจางไป๋ฟาน แต่ว่าถึงแม้จางไป๋ฟานจะสมควรตาย แต่ด้วยการที่เขายังคงเป็นเผ่ามนุษย์บรรดาเจตจำนงมหาปราชญ์รุ่นก่อนจึงยังคงรู้สึกผิดที่ฆ่าเขาไป และต้องการชดใช้ความผิดด้วยการทำลายตัวเอง”

“อันที่จริงแผนนี้จะไม่สำเร็จหากไม่มีไอ้เจ้าคนที่พ่อเหลือไว้คนสุดท้าย เพราะอันที่จริงแล้วเขาคืออมนุษย์เผ่าพังพอน ซึ่งด้วยกลิ่นอายที่เหม็นจนน่ารังเกียจของเขามันยิ่งกระตุ้นให้เจตจำนงมหาปราชญ์รุ่นก่อนอดไม่ได้ที่จะสังหารจางไป๋ฟานให้ตาย ๆ ไปซะ ไม่เช่นนั้นตอนนี้จางไป๋ฟานอาจจะยังไม่ตายก็ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าศิษย์ของถังชี่หยุนก็มองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเชิดชูมากยิ่งขึ้นผสมกับสงสัยว่า หลิงตู้ฉิงเป็นใครกันแน่เพราะคนธรรมดาคงไม่สามารถคิดแผนที่จะสังหารปราชญ์ที่อยู่ในระหว่างการทดสอบเป็นมหาปราชญ์ได้แบบนี้แน่นอน!