บทที่ 1344 เสมือนระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

มู่เฉินนั่งเงียบๆ ภายในเจดีย์แตกหัก

ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงพร้อมกับผลึกแสงเข้มข้นพุ่งออกมา เจดีย์โปร่งใส่ก็บินออกไป

ฮึ่ม

เจดีย์พุทธะหมุนคว้างที่เบื้องหน้ามู่เฉินขณะที่ขยายตัว จากนั้นก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าห่อหุ้มมู่เฉินและฝูถูไว้ภายใน

ขณะที่เกลียวผลึกแสงกระจายออกไปในเจดีย์ มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่ผนังของเจดีย์ ยามนี้มีภาพร่างเงาแปดภาพบนผนังของเจดีย์

ภาพทั้งแปดดูน่ากลัวและปลดปล่อยรัศมีชั่วร้าย แม้แต่คนธรรมดาที่มองก็จะถูกยึดครองจิตใจโดยรัศมีนี้

ทว่าเมื่อมู่เฉินมองไปที่ภาพที่น่ากลัวเหล่านั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข

“นี่หรือวิชาเจดีย์แปดองค์?” มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้เขายังไม่อยากจะเชื่อ เพราะนี่เป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าแห่งมหาพันภพ

ไม่ต้องพูดถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มกระทั่งระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็จะถูกดึงดูดด้วยทักษะเทพเหล่านี้

มองไปที่ภาพน่ากลัวทั้งแปดบนผนัง จิตใจมู่เฉินก็กระเพื่อม เกลียวแสงหลิงพรั่งพรูออกมาจากภาพ จากนั้นภาพทั้งแปดก็ทะยานออกจากผนัง ก่อนที่จะควบแน่นลอยอยู่บนท้องฟ้าปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

“พลังนี้”

รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของมู่เฉิน ตามการคาดการณ์ถ้าเขาปะทะซือเทียนโยวอีกครั้ง ตราบใดที่สามารถดักจับซือเทียนโยวเข้ามาในเจดีย์พุทธะได้ มันจะต้องตายคาที่ทันทีที่วิชาเจดีย์แปดองค์เปิดใช้งาน สำหรับเฉวียนหลัวและมั่วซิน พวกเขายิ่งไม่มีคุณสมบัติที่จะต้านทานภายในเจดีย์ได้

พลังของผู้พิทักษ์ทั้งแปดสามารถปราบปรามจอมยุทธ์ที่อยู่ใต้ระดับเทียนจื้อจุนได้ทั้งหมด

ตอนนี้มู่เฉินครอบครองสองวิชาระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานที่ทรงพลังที่สุดในโลก ดังนั้นความสามารถในการต่อสู้ของเขา ถือได้ว่าเป็นหนึ่งของจอมยุทธ์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทียนจื้อจุน!

“สมเป็นเจดีย์พุทธะแท้จริง ความเทพนี้ไม่มีใครเทียบได้ ไม่อย่างนั้นข้ากลัวว่าเจ้าจะควบคุมพวกมันได้ไม่ง่าย” ฝูถูคลี่ยิ้มจากด้านข้าง

องค์ประกอบที่ใช้สำหรับเจดีย์แปดองค์เป็นราชันปีศาจแท้จริงที่มีความดุร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ หากไม่ใช่เพราะมู่เฉินมีเจดีย์พุทธะซึ่งความชั่วร้ายแปดเปื้อนไม่ได้บวกกับความสามารถในการผนึก เขาอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการบำรุงรักษาแกนเจดีย์ ก่อนที่เขาจะสามารถประทับลงในเจดีย์ของตนเองได้

มู่เฉินพยักหน้า ขณะที่เปิดใช้เจดีย์แปดองค์ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังดุร้าย หากไม่ใช่เพราะเจดีย์พุทธะควบคุมไว้ละก็ เขาคงทุกข์ทรมานเอง

เห็นได้ชัดว่าต่อให้จอมยุทธ์ธรรมดาจะได้รับวิชาเทพเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถฝึกฝนได้ หากฝืนทำก็อาจนำหายนะมาสู่ตัวเองแทน

“ขอบคุณผู้อาวุโส!” มู่เฉินมองไปที่ฝูถูกล่าวด้วยความจริงใจ หากไม่เป็นเพราะความชื่นชมที่อีกฝ่ายมีให้ เขาคงไม่มีชะตาต้องกันกับวิชาเจดีย์แปดองค์แน่นอน

ฝูถูส่ายหัวยิ้มพร้อมกับหรี่ตา “ข้าต้องขอบคุณเจ้าที่สามารถรับช่วงวิชาต่อไปได้”

มู่เฉินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรมากความ ทว่าเขาให้ความเคารพฝูถูอย่างสุดซึ้งในหัวใจ

“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสตอนนี้เจดีย์สี่ชั้นเป็นยังไงบ้าง?” มู่เฉินนึกถึงลั่วหลีจึงรีบถาม

“นอกจากชั้นตาเฒ่าเชียงที่ล้มเหลว ชั้นอื่นๆ ยังคงตั้งมั่นไว้เป็นอย่างดี ตอนนี้เจดีย์สี่เทวะมีเสถียรภาพ เศษวิญญาณจอมปีศาจระดับเทียนที่หลุดจากชั้นตาเฒ่าเชียงก็ไม่สามารถหลบหนีได้ อีกไม่ช้ามันจะถูกลบล้างโดยพลังงานของเจดีย์” ฝูถูยิ้ม ดูเหมือนว่าวิกฤตครั้งนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจกับเรื่องนี้ นั่นหมายความว่าชั้นที่ลั่วหลีไปก็ได้รับชัยชนะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าวิชาช่องแสงวิญญาณจะตกอยู่ในมือของลั่วหลีหรือไม่

ขณะที่ความคิดวนเวียนอยู่ในใจของมู่เฉิน ฝูถูก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่เจดีย์ผุผัง หลังจากเงียบไปชั่วครู่เขาก็ยิ้ม “ยังมีพลังงานหลงเหลืออยู่ในเจดีย์นี้ ข้าจะขอมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเจ้า”

พูดจบฝูถูก็โบกมือ แสงหลิงพร่างพราวรวมตัวกันในเจดีย์ นั่นเป็นแสงหลิงที่แท้จริง เกิดจากการควบแน่นของคลื่นหลิง

ฮึ่ม

แสงหลิงแล่นลงมา เมื่อสัมผัสกับกระหม่อมของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นคลื่นหลิงเทลงในร่างกายของมู่เฉินโดยตรง

เมื่อคลื่นหลิงปรากฏขึ้น มู่เฉินก็รู้ถึงความตั้งใจของฝูถู อีกฝ่ายพยายามที่จะเทพลังงานที่เหลืออยู่ของเจดีย์ตนเองลงในร่างกายของเขา เพื่อเพิ่มพลังในการเพาะบ่มขุมพลังของเขาอีกเล็กน้อย

ขณะที่แสงหลิงเข้ามาในร่างกาย เจดีย์ที่ผุผังก็จางลงอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของมู่เฉินเปล่งแสงคล้ายกับอัญมณีใส ผิวกายของเขาเปลี่ยนเป็นแวววาวจากพลังงานที่ไร้ขอบเขต

ยิ่งกว่านั้นเลือดเนื้อของเขายังเริ่มมีกลิ่นหอมแทรกอยู่

นั่นมาจากการที่สิ่งสกปรกในร่างกายถูกล้างออก ทำให้กลิ่นหอมไม่มีการปนเปื้อนใดๆ

การขจัดคราบของแสงหลิงดำเนินไปไม่รู้เท่าไร มู่เฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง ตระหนักได้ว่าเจดีย์หรุบหรู่ลงพร้อมกับรอยแตกคืบคลานไปบนผนัง

เงาร่างฝูถูก็เริ่มจางหายไปชัดว่าพลังงานกำลังหมดลง

มู่เฉินรู้สึกได้ถึงแสงแวววาวจากผิว คลื่นหลิงทรงพลังไหลเวียนผ่านเส้นเลือด

“เสมือนระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม…”

มู่เฉินสัมผัสได้และรับรู้สภาพปัจจุบันของตน แม้ว่าจะไม่ได้บรรลุขั้นเต็ม แต่นี่กลับทำให้เขารู้สึกโล่งใจ

“ข้าใช้พลังงานที่เหลืออยู่เพื่อปรับแต่งร่างกายเจ้า คลื่นหลิงที่เหลืออยู่ก็ช่วยยกการเพาะบ่มเข้าสู่ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ไม่ได้ช่วยให้เจ้าผ่านไป”

ฝูถูยิ้ม “ข้ารู้ถึงความทะเยอทะยานของเจ้า ในอนาคตเจ้าอาจก้าวข้ามข้าคนนี้ไปได้ แล้วข้าจะบังคับให้เจ้าเติบโตละทิ้งอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังได้อย่างไร?”

มู่เฉินเกาหัวแกรกกรากพลางยิ้มเก้อ

เขากังวลอยู่บ้างว่าฝูถูจะช่วยเขาบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มด้วยความพอใจ หากเป็นเช่นนั้นบางทีเขาอาจจะได้รับพลังยิ่งใหญ่ตอนนี้ แต่ก็ไม่ใช่ผลดีในระยะยาว

เส้นทางยอดยุทธ์ผู้ฝึกจะต้องก้าวไปทีละก้าว…ทีละก้าว มู่เฉินมีพรสวรรค์และความเร็วในการฝึกฝนก็ไม่ได้ช้าเลย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการการเพิ่มความแข็งแกร่งในรูปแบบนี้ สิ่งที่เขาต้องการคือให้การฝึกฝนเติบโตขึ้นอย่างราบรื่น

ด้วยรากฐานที่มั่นคง เขาจะมีโอกาสได้เข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน… หรือแม้กระทั่งระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในตำนาน

‘ถ้าเป็นขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแบบนี้ รอให้ข้าได้ฝึกฝนอีกสักหน่อย ก็จะสามารถนำเม็ดยาเซิ่งหวาทะลวงเข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ’ มู่เฉินครุ่นคิดในใจ

“เอาล่ะ ตาแก่คนนี้มอบทุกอย่างให้เจ้าแล้ว” ฝูถูปัดมือพร้อมกันหยอกล้อ หลังจากที่มู่เฉินได้สติ

มู่เฉินยืนขึ้นโค้งคำนับด้วยมารยาทสูงสุดต่อท่านบรรพบุรุษ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านบรรพบุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเดียวในเผ่าฝูถูที่เขาให้เคารพนับถืออย่างจริงใจ

ทว่าฝูถูไม่ได้ถ่อมตัวกับมู่เฉินเลย แต่รับการคำนับจากมู่เฉิน ในแง่ของสายเลือดเขาถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของมู่เฉินเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถรับการคำนับจากอีกฝ่ายได้ตามธรรมชาติ

“มู่เฉิน”

“ขอรับ” มู่เฉินตอบอย่างสุภาพ

ฝูถูจ้องมองเขาอยู่นานก่อนที่จะเอ่ยเน้นย้ำชัดๆ ว่า “ไม่ว่าเจ้าจะมีความแค้นเคืองอะไรกับเผ่าฝูถู สายเลือดก็ยังไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ข้าหวังว่าเจ้าจะให้คำมั่นได้ว่าในอนาคตหากเผ่าฝูถูพบกับอันตรายจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เจ้าจะช่วยพวกเขาสักครั้ง”

มู่เฉินอึ้งไป เนื่องจากตอนนี้เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์เสมือนระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น ต่อหน้าเผ่าฝูถูเขาราวกับมดตัวน้อย แต่ท่านบรรพบุรุษกลับพูดประโยคดังกล่าวกับเขา

อารมณ์ซับซ้อนผุดขึ้นในใจ เขามองไปที่นัยน์ตาของชายชราที่มีความคาดหวัง สุดท้ายก็พยักหน้าเบาๆ

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินสัญญา ฝูถูก็คลี่รอยยิ้มโล่งใจบนใบหน้า ร่างกายของเขาเริ่มกลับกลายเป็นภาพลวงตา ก้อนหินน้อยใหญ่ร่วงกราวลงมาจากเจดีย์อย่างต่อเนื่อง ชัดว่าใกล้จะถล่มลงแล้ว

“ข้าจะส่งเจ้าออกไป…สำหรับภารกิจปกป้องเจดีย์สี่เทวะเหล่าลูกหลานทำได้ดีมาก” ฝูถูโบกมือ ลำแสงหลิงห่อหุ้มร่างมู่เฉิน มิติบิดเบี้ยวกลืนเขาเข้าไปทันที

ครืนๆๆๆ

พร้อมกับการจากไปของมู่เฉิน เจดีย์ยุบตัวลงก้อนหินกระแทกลงบนพื้น เจดีย์แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วมหาพันภพ บัดนี้เหลือเพียงกรวดหินไว้เท่านั้น

 

ขณะที่ริ้วแสงหายไป

ความโกลาหลก็กึกก้องไปทั่วสภาพแวดล้อม เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาก็เห็นว่าตอนนี้ตัวเองออกมาจากเจดีย์สี่เทวะแล้ว

นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนมากรอบตัวเขาที่ถูกส่งออกมาจากเจดีย์ด้วยเช่นกัน

“มู่เฉิน!”

เสียงกระจ่างใสดังขึ้น ทำให้มู่เฉินเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม เมื่อเขาเห็นพวกเวินชิงเฉวียนและลั่วหลีเข้ามาในทิศทางของเขา

“เป็นยังไงบ้าง?” มู่เฉินมองไปที่ลั่วหลีขณะที่ถามด้วยความกังวล

“ไม่ทำให้ผิดหวังหรอกน่า” ลั่วหลียิ้มอ่อนโยน รูปลักษณ์ของนางเช่นนี้ทำให้มู่เฉินผงะไป

“แล้วเจ้าล่ะ?”

มู่เฉินยื่นมือออกไปจับมือลั่วหลีพลางยิ้มกว้าง “เราคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้”

เฉวียนลั่วและมั่วซินมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตามืดมน ก่อนที่จะแลกเปลี่ยนสายตาพลางพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่น่าขนลุก “ผู้ชนะเหรอ? ค่อยพูดเรื่องนี้หลังจากแกเอาชีวิตรอดออกจากแดนเซิ่งยวนไปได้ก่อนเถอะ!”

พูดจบชิ้นหยกก็ปรากฏขึ้นบนมือ พวกเขาบดขยี้ลงไปแสงหลิงพุ่งออกมา ปกคลุมร่างทั้งสองคนก่อนที่พวกเขาจะหายไปอย่างรวดเร็ว