ธารโลหิตเจตกระบี่ไหลเชี่ยวกราก บดบังฟ้าครอบคลุมดิน ประหนึ่งแม่น้ำนรกเซินหลัว
ตูม!
หลินสวินไม่ได้หลบหลีก ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งจู่โจมออกไปหมัดหนึ่ง
ปึงๆๆ
ธารโลหิตที่รวมจากเจตกระบี่น่าหวาดกลัวระดับใด ประดุจมังกรใหญ่สีเลือดตัวหนึ่ง แต่บัดนี้กลับถูกซัดจุดตายร่างสะบั้นเป็นหลายส่วน
จากนั้นจึงพังทลายแตกกระจาย
“จิตต่อสู้แข็งแกร่งนัก พริบตาก็สังเกตเห็นจุดอ่อนของธารโลหิตประหัตมาร!” อวี้เป๋าเป่าอดกล่าวไม่ได้
วิชามรรคใดๆ ในใต้หล้าล้วนมีจุดอ่อนของมัน ไม่ว่าหยั่งถึงแก่นแท้แห่งวิถียุทธ์ได้หรือไม่ ล้วนไม่อาจทำได้ถึงขั้นสมบูรณ์ไร้บกพร่องอย่างแท้จริง
อย่างไรเสียสรรพสิ่งในใต้หล้านี้ล้วนมีส่วนที่ขาด นับประสาอะไรกับศึกแห่งวิถียุทธ์
ดังนั้นแม้วิชามรรคจะน่าสะพรึงเพียงใด ทันทีที่มองเห็นจุดอ่อนก็เหมือนกุมจุดตายได้
“เขาสามารถรอดจากการต่อสู้ในแดนฐิติประจิมมาถึงป่านนี้ แน่นอนว่าประสบการณ์ต่อสู้ต้องพรั่งพร้อมถึงขีดสุด มีความสามารถเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา” เสวี่ยเชียนเหินกล่าววิจารณ์
ครืน…
ในการต่อสู้หลังจากนั้น การโจมตีของจางเจิงดุดันและร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม กระบี่โลหิตแคบยาวสาดอานุภาพสะเทือนใต้หล้า เผยวิถีกระบี่แห่งตนถึงขีดสุด
แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิชานับพัน กลวิธีนับหมื่นอย่างไร ล้วนถูกหลินสวินสลายอย่างง่ายดาย ไม่อาจทำร้ายหลินสวินได้สักนิด
‘เป็นไปไม่ได้! ทำไมเขามีจิตต่อสู้เป็นเลิศเช่นนี้ หรือบนวิถียุทธ์เขาก้าวล้ำเหนือกว่าข้านานแล้ว’
จางเจิงทะนงตนและดื้อรั้นยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่ครองสมญา ‘กระบี่เขย่าขวัญ’
แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาน้อยๆ!
บุคคลในขอบเขตมกุฎเหมือนกัน สิ่งที่ประชันหาใช่รากฐานและปราณ แต่เป็นการฝึกยุทธ์และจิตต่อสู้
แต่จางเจิงกลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกหลินสวินที่ไร้สำนักไร้พรรคกำราบ!
‘จางเจิง หากเจ้าไม่ใช้กำลังทั้งหมดอีก คงห่างจากความพ่ายแพ้ไม่ไกลแล้ว’ ริมหูยินเสียงสื่อจิตเย็นชาของเสวี่ยเชียนเหิน
ได้ยินดังนั้นจางเจิงสีหน้าขรึมลงทันที ถูกเสวี่ยเชียนเหินเตือนทำให้เขารู้สึกอับอายเกินอธิบาย
“กระบวนเฉือนหมื่นยอดแกนสวรรค์!”
พลานุภาพจางเจิงพลันยกระดับ แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งตัวราวกระบี่มาร ซัดกระหน่ำลมเมฆจนฟ้าดินเปลี่ยนสี
“ตาย!”
ยอดศาสตรามรรคราชันเลือดวิจิตรกลายเป็นรุ้งกระบี่ยาวพันจั้งสายหนึ่ง เฉือนแหวกจากเหนือนภาคราม ปรากฏพลานุภาพร้ายกาจทะลวงสังหารชั่วกัปกัลป์อย่างหนึ่ง
“ให้ได้อย่างนี้สิ”
นัยน์ตาหลินสวินฉายแววยะเยือกวูบหนึ่ง
ไม่มีคนรู้ว่าการต่อสู้นี้หลินสวินยังซ่อนคมในฝัก จุดประสงค์นั้นง่ายมาก กลัวว่าจะแสดงออกจนสะดุดตาเกินไป ทำให้คู่ต่อสู้เกิดระแวงจนเผ่นหนี
ไม่อย่างนั้นอาศัยศักยภาพเขาตอนนี้ที่สามารถสังหารลี่จั้นหนานได้ในสามหมัด นับประสาอะไรกับการจัดการจางเจิงที่พลังต่อสู้ไม่ต่างจากลี่จั้นหนานนัก
ยามครองพลังอันเด็ดขาด ต้องทำให้คนอื่นมองตื้นลึกของตนไม่ออกจึงจะเป็นกลศึกที่เลิศล้ำ
ชั่วพริบตาพลังของหลินสวินเพิ่มขึ้นอีกระดับใหญ่
เงาร่างเขาดั่งภูตผีหลบหลีกกระบี่ที่จ่อเข้ามาตรงหน้า และปรากฏตัวเบื้องหน้าจางเจิงกะทันหัน
ตูม!
ขณะเดียวกัน แก่นอัศจรรย์ของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ก็ถูกปล่อยออกจากหมัดขวา
จางเจิงเบิกตาโพลงทันที นี่เป็นถึงไพ่ตายของเขา ใช่สิ่งที่สามารถหลีกหลบง่ายดายเช่นนี้หรือ แต่ตอนนี้ภาพที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว!
แย่แน่!
เสวี่ยเชียนเหินและอวี้เป๋าเป่าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้
เพราะก่อนหน้านี้แม้การต่อสู้ของหลินสวินและจางเจิงจะดุเดือด แต่ต่างฝ่ายล้วนไม่เคยกำราบอีกฝ่ายได้อย่างหมดจด
แต่ตอนนี้หลินสวินประหนึ่งนักล่าที่ซุ่มรอมานาน ทันทีที่เคลื่อนไหวก็หมายเอาชีวิต!
ไม่อาจไม่พูดถึง จางเจิงสมกับเป็นคนในขอบเขตมกุฎ ปฏิกิริยาตอบสนองเรียกได้ว่าน่าตะลึง ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ยังพาดกระบี่ขวางกั้น สำแดงพลังแห่งตนออกมาจนหมด
แต่เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าหลินสวินซ่อนความสามารถมาตลอด และระเบิดออกมากะทันหันในเวลานี้ มีหรือจะเป็นสิ่งที่เขาสามารถต้านทานได้
ได้ยินเสียงปังดังสนั่น เลือดวิจิตรที่ขวางต้านอยู่เบื้องหน้าถูกหนึ่งหมัดของหลินสวินต่อยกระเด็น พลังหมัดเปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย กระแทกใส่ทรวงอกจางเจิงอย่างรุนแรง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกอกแตกดังสนั่น
จางเจิงพลันกระอักเลือดออกจากปาก เบื้องหน้าพร่าเลือน ในใจพิศวงหวาดกลัวถึงขีดสุด เวลานี้เขาถึงรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว!
หากคู่ต่อสู้ใช้พลังเช่นนี้แต่แรก เขาคงยืนหยัดไม่ถึงป่านนี้แน่
เจ้าหมอนี่รอบจัดนัก!
จางเจิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงตาเบิกถลน
ทว่าเขาเพิ่งหมายหลบหลีกก็ถูกมือใหญ่ของหลินสวินคว้าร่างเข้าเต็มแรง ระหว่างที่ยังไม่ทันตอบสนองก็ถูกกำราบเข้าไปในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วมาก
ทุกคนล้วนไม่ทันมีปฏิกิริยา จางเจิงก็ถูกสยบบาดเจ็บหนัก ทำให้ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่น้อยต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
นี่เป็นไปได้อย่างไร
ห่างออกไป พวกผู้ฝึกปราณที่ชมการต่อสู้อยู่ลูกตาแทบถลน เดิมคิดว่าจะเปิดฉากการต่อสู้ชั้นยอดที่สะเทือนใต้หล้า
ไหนเลยจะคิดว่าชั่วพริบตาก็ไม่เห็นจางเจิงแล้ว!
นี่น่าอัศจรรย์กว่าความฝันเสียอีก เหนือความคาดหมายเกินไป
“ไอ้คนถ่อยเจ้ากล้ารึ!”
ทว่ามีผู้ตอบสนองทันควัน อวี้เป๋าเป่าทะยานออกมาในเวลาเดียวกัน
นางดูออดอ้อนโดยกำเนิด เครื่องหน้าประณีตพริ้มเพรา ดูเหมือนสาวงามทรงเสน่ห์คนหนึ่ง แต่ทันทีที่ลงมืออานุภาพพลังก็น่าตกตะลึงหาใดเปรียบ
นางเรียกทวนละเมียดสีทองอ่อนเล่มหนึ่งออกมา เพียงสะบัดแผ่วเบาเงาทวนสีทองพร่างฟ้าพลันโฉบลงมา มืดฟ้ามัวดิน ป่นห้วงอากาศแหลกเป็นจุณ
หลินสวินยังรักษาอานุภาพเหมือนเช่นยามกำราบจางเจิง ปล่อยหมัดประลองกับนาง
เวลานี้ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนอื่นๆ จึงคืนสติจากภาพน่าสะเทือนเมื่อครู่ในที่สุด
“ศิษย์พี่จางเจิงถูกกำราบหรือ”
“น่าชังนัก! เจ้าหมอนั่นต้องใช้กลลวงแน่!”
พวกเขาสีหน้าปั้นยาก สายตาที่มองหลินสวินมีความประหลาดใจสงสัยเพิ่มขึ้นมา จวบจนตอนนี้พวกเขาต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดจางเจิงถึงถูกกำราบ
ตูม!
บนอากาศ หลินสวินผมดำแผ่สยายดั่งเทพมาร มีความสง่างามผงาดง้ำ สู้ศึกดุเดือดกับอวี้เป๋าเป่า
ไม่ช้าสีหน้าอวี้เป๋าเป่าก็เปลี่ยนไป
ยามต่อสู้กับหลินสวินจริงๆ นางจึงรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย ว่าอยู่เหนือการคาดเดาและวินิจฉัยยามนางชมการต่อสู้ก่อนหน้านี้สิ้นเชิง
‘เจ้าหมอนี่ต้องจงใจปกปิดพลังแน่ ถึงสามารถสยบจางเจิงได้กะทันหัน!’ อวี้เป๋าเป่าในใจสะท้านไหว
ก้าวล่วงในมกุฎเหมือนกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถเก็บงำศักยภาพ บีบจนยามจางเจิงใช้ไพ่ตายก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้
เช่นนั้นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของเขาจะน่าหวาดกลัวระดับใด
ขณะเดียวกันเสวี่ยเชียนเหินสังเกตเห็นความไม่เข้าทีในสถานการณ์ของอวี้เป๋าเป่า สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังหนักแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินสวินปรากฏตัวคนเดียว เขาก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างแล้ว ถึงอย่างไรผู้ฝึกปราณที่สมองปกติล้วนเข้าใจ ว่าวิธีการเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับหาที่ตาย
แต่บัดนี้เขาเริ่มเข้าใจอยู่รางๆ แล้ว ฝ่ายตรงข้ามเตรียมการมาก่อน!
บางทีเทพมารหลินนี่อาจเป็นพวกที่ก้าวสู่มกุฎเหมือนตน แต่เห็นชัดว่าเจ้านี่ไม่ใช่คนในขอบเขตมกุฎทั่วไป!
หากกล่าวว่าขอบเขตมกุฎคือราชันในระดับปราณเดียวกัน สามารถเคลื่อนกวาดศัตรูทั้งหมดในระดับได้
เช่นนั้นบนมกุฎมรรคานี้ ความสามารถที่เทพมารหลินเผยออกมาก็มีพลังกำราบเหล่ามกุฎรุ่นเดียวกัน!
ไม่แปลกที่เขากล้ามาโต้กลับตัวคนเดียว…
ไม่แปลกที่แม้อยู่ในการล้อมกรอบแน่นหนา เขาก็ไม่หวาดกลัวอันใด…
เสวี่ยเชียนเหินนึกถึงตรงนี้ก็ไม่ลังเลอีก เปล่งเสียงตวาดแล้วทะยานออกไปกลางฟ้า “ศิษย์น้องอวี้ ข้าช่วยเจ้าเอง!”
วู้ม!
เงาทวนสีทองเจิดจรัสแสบตาโฉบพุ่ง ชั่วพริบตาเวิ้งฟ้าราวพังทลาย เหนือเมืองแสงอุดรปกคลุมด้วยอานุภาพอริยมรรคชวนประหวั่นชั้นหนึ่ง
บนท้องถนน สิ่งปลูกสร้างละแวกใกล้เคียงบัดนี้ระเหยหายไปราวทำจากกระดาษ ถูกอานุภาพอริยะลบล้างไม่อาจต้าน
สวรรค์!
ผู้ฝึกปราณที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ทั่วร่างพลันแข็งทื่อ สัมผัสถึงความน่ากลัวขนานใหญ่ จิตวิญญาณถูกกำราบแทบหมอบคลานกับพื้น
เวลานี้ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่อยู่ใกล้สมรภูมิทยอยหลบหลีก ทว่าสีหน้าพวกเขากลับเปี่ยมความฮึกเหิม
ในสายตาพวกเขา เสวี่ยเชียนเหินกุมทวนศึกทองอร่ามเล่มหนึ่ง เงาร่างสูงโปร่ง อานุภาพดั่งทวยเทพ มีความสง่างามไร้คู่ต่อกรที่กำราบสรรพสิ่ง!
ทวนทองผลาญตะวัน!
สมบัติอริยะพิทักษ์สำนักชิ้นหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สืบทอดมาแต่บรรพกาล เล่าลือกันว่าทวนนี้อานุภาพแข็งกร้าว เคยทะลวงมหาสุริยันบนเวิ้งฟ้านั่นมาก่อน!
“หลินสวิน เจ้าคิดจริงหรือว่าการตามล่าเจ้าครั้งนี้พวกเราไม่เตรียมตัวมาก่อน ตอนนี้เจ้าได้ตายด้วยสมบัติอริยะก็ตายตาหลับแล้ว!”
เสวี่ยเชียนเหินสีหน้าเยียบเย็นอำมหิต ทั่วร่างถูกทวนในมือย้อมเป็นสีทอง ประดุจเทพสงครามที่เดินออกมาจากเหล่าอริยเทพ พลานุภาพล้นฟ้า
อานุภาพนั้นแข็งแกร่งเกินไป ทำให้ห้วงอากาศ ณ ที่นี้ต่างโกลาหล ก้มมองจากเวิ้งฟ้าบริเวณศูนย์กลางเมืองแสงอุดรแหลกเป็นจุณสิ้นเชิง กลายเป็นแดนแห่งบาดแผล พลังทำลายล้างน่าตกตะลึง
ตูม!
ขณะกล่าวเสวี่ยเชียนเหินทะยานผ่าฟ้าเข้ามาสังหาร
เวลาเดียวกันอวี้เป๋าเป่าแอบเป่าปากโล่งอก ฟื้นคืนท่าทีงดงาม ทวนทองผลาญตะวันออกจู่โจม ศึกนี้ไม่น่าวิตกอีกแล้ว
ฝ่ายตรงข้ามถึงกับมีสมบัติอริยะ นี่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน แต่เขากลับไม่ตื่นตระหนก เรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมา ขัดขวางสกัดกั้นเสวี่ยเชียนเหิน
เคร้ง!
เจดีย์สมบัติไร้อักษรปะทะทวนทองผลาญตะวัน เกิดคลื่นอริยมรรคชวนประหวั่นแผ่กระจาย ขยายลามไปเขตอื่นในเมืองแสงอุดร
ก็เห็นสิ่งปลูกสร้างหลายหลังถูกลบล้าง ถนนหลายสายระเบิดเป็นจุณในชั่วพริบตา… พลังทำลายล้างน่าสะพรึงนั่นช่างเหมือนวันสิ้นโลกมาเยือน
ไม่ต้องสงสัยสักนิด ชีวิตคนที่ดับสิ้นภายใต้พลังทำลายล้างกลางเมืองต้องไม่น้อยแน่
“ประลองสมบัติอริยะหรือ”
“รีบหนีเร็ว!”
ผู้ฝึกปราณที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าอยู่ต่ออีก เผ่นหนีกระเจิดกระเจิง
อานุภาพแห่งสมบัติอริยะสามารถดับสลายฟ้าดิน แข็งแกร่งถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ หาใช่สิ่งที่ใครต่างสามารถต้านทานได้
สำหรับความเสียหายนี้เสวี่ยเชียนเหินไร้ซึ่งความรู้สึกแม้เพียงเสี้ยว เขาไม่สนว่าจะทำลายบ้านเรือนไปเท่าไหร่ จะทำให้คนบริสุทธิ์ประสบหายนะหรือไม่
ที่เขาตกตะลึงคือทวนทองผลาญตะวันถูกขัดขวาง!
‘ข่าวลือคือเรื่องจริง เทพมารหลินจากแดนฐิติประจิมนี่มีสมบัติอริยะในมือ!’ นัยน์ตาเสวี่ยเชียนเหินพลันหดรัด
เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เองต่างอึ้งงัน เดิมคิดว่าทันทีที่ทวนทองผลาญตะวันออกโรงก็จะสามารถสังหารศัตรูได้อย่างง่ายดาย ไหนเลยจะคาดคิดว่าอีกฝ่ายก็ใช้สมบัติอริยะ!
‘แย่แน่!’
อวี้เป๋าเป่าเพิ่งรู้สึกผ่อนคลาย แต่ตอนนี้ใจพลันเคว้งอีกครั้ง ตระหนกจนใบหน้างามเผือดสี
เดิมทีเทพมารหลินก็น่ากลัวพออยู่แล้ว บัดนี้เพิ่มสมบัติอริยะชิ้นหนึ่งเข้าไปอีกจะเก่งกาจขนาดไหน
และในเวลานี้หลินสวินก็พุ่งสังหารเข้ามาแล้ว โคจรโทสะหยาจื้อ อานุภาพมิอาจต้าน อาศัยท่าทีแข็งกร้าวเด็ดขาดทลายการป้องกันของอวี้เป๋าเป่าจนหมด ก่อนบีบคอระหงขาวหิมะของอีกฝ่าย
……………….