บทที่ 883 จุดเริ่มต้นช่วงเวลาแห่งการแข่งขัน

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ปรากฏการณ์ฝนและดอกบัวสีทองที่ปรากฏขึ้นที่อาณาเขตห้าวหลานนี้ทำให้ตัวตนเก่าแก่ระดับสูงจากทุกกองกำลังทั่วโลกตื่นตัวในทันที

“มีคนทำสำเร็จแล้ว!”

ความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นบนหัวของตัวตนเก่าแก่เหล่านั้น

บรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทุกคนต่างรู้กันอยู่แล้วว่าเมื่อมีคนสำเร็จเต๋าคนแรก สวรรค์และโลกจะอวยพรให้กับผู้ที่สำเร็จเต๋าผู้นั้นแบบนี้

“ช่วงเวลาแห่งการแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว!” ตัวตนเก่าแก่หลายคนอดไม่ได้ที่จะอุทานคำนี้ขึ้น

ในตำหนักเทพยุทธ์ มหาจักรพรรดิเทพยุทธ์ กวนหลิงอู่แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง! เป็นอย่างที่นายท่านพูดเอาไว้ไม่มีผิดเลยจริงๆ ในที่สุดข้าก็ได้เห็นโอกาสของข้าแล้ว!”

ทันทีที่ช่วงเวลาแห่งการแข่งขันเริ่มขึ้น จู่ ๆ กวนหลิงอู่ก็เข้าใจเส้นทางที่จะนำเขาไปสู่ความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาควรทำอะไรต่อเพื่อที่เขาจะได้ไปถึงจุดที่จะทำให้เขาได้ก้าวข้ามอุปสรรคที่ขวางเขาอยู่

“ใครก็ได้ไปเรียกรวมทุกคนให้มาหาข้าเดี๋ยวนี้ ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะประกาศ!” กวนหลิงอู่ตะโกนขึ้น

“ท่านบรรพบุรุษเฒ่า มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” หนึ่งในคนของกวนหลิงอู่รีบบินมาหาเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกน

กวนหลิงอู่พูดขึ้นด้วยสีหน้ามุ่งมั่นว่า “เจ้าจงไปเรียกรวมพลทุกคนมาให้หมดเพื่อเข้าร่วมการสู้รบที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้!”

ตัวตนเก่าแก่ 2 คนของสำนักเบญจธาตุ ซึ่งนอนอยู่ในสภาพไม่ไหวติงมานานมากแล้วจู่ ๆ ก็เด้งลุกขึ้นมาจากเตียงทันทีเช่นกันเมื่อพวกเขาสัมผัสได้ว่าช่วงเวลาแห่งการแข่งขันของยุคนี้ได้มาถึงแล้ว

จากนั้นทุก ๆ สำนักทั่วโลกที่มีความหวังว่าคนของพวกเขาจะสามารถสำเร็จเต๋าในยุคนี้ได้ต่างก็ตื่นตัว และเร่งเตรียมตัวของพวกเขาให้พร้อมเข้าร่วมช่วงเวลาแห่งการแข่งขันที่วุ่นวายครั้งนี้

ในเวลาเดียวกัน สันเขาหมื่นอสูร ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลออกไปจากแผ่นดินของภูมิภาคทั้งหมด บรรดาอสูรที่อยู่ในสันเขาหมื่นอสูรต่างก็รับรู้ได้เช่นกันว่าช่วงเวลาแห่งการแข่งขันของยุคนี้มันเริ่มขึ้นแล้ว

“ในยุคนี้พวกเราจำเป็นต้องร่วมการแข่งขัน ไม่เช่นนั้นเหล่ามนุษย์จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก!”

“พวกเราจำเป็นต้องเข้าร่วม ไม่เช่นนั้นโอกาสที่พวกเราจะได้ปรากฎกายอย่างเปิดเผยต่อโลกภายนอกมันจะยิ่งเหลือน้อยลง”

“พวกเราเผ่าอสูรไม่ควรจะต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อนเช่นนี้อีกต่อไป!”

เหตุการณ์วุ่นวายลักษณะนี้ต่างเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก

แต่ในทางกลับกันที่สำนักเที่ยงธรรมนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศอันชื่นมื่น เพราะตอนนี้มหาปราชญ์คนใหม่ของพวกเขาได้ปรากฏขึ้นแล้ว

ในทันทีที่จางจิงหงกลายเป็นมหาปราชญ์เต็มตัว จู่ ๆ หมอกสีทองก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของบรรดาศิษย์ของจางจิงหงทั้งหมด

หมอกสีทองนี้คือพรที่สวรรค์และโลกประทานให้แก่เหล่าศิษย์ของมหาปราชญ์ที่ลงแรงให้การสนับสนุนปราชญ์ของพวกเขา ซึ่งประโยชน์จะมากจะน้อยที่แต่ละคนจะได้รับนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาทุ่มเทสิ่งต่าง ๆ ไปมากแค่ไหน

แต่สิ่งที่น่าแปลกกับเหตุการณ์นี้ก็คือที่เหนือศีรษะของบรรดาศิษย์ของถังชี่หยุนก็มีหมอกสีทองปรากฎขึ้นเช่นกัน แถมความหนาแน่นของหมอกก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหมอกที่ศิษย์ของจางจิงหงมีเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะหลิงตู้ฉิง และลูกของเขาที่ดูเหมือนว่าจะมีหมอกสีทองหนาแน่นกว่าคนอื่น ๆ อีกต่างหาก

หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นว่าตัวเขาได้รับประโยชน์เช่นกัน เขาส่ายหัวและจากนั้นส่งหมอกสีทองของเขาเข้าไปหลอมรวมกับหนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรงทั้งหมดแทน

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็จ้องไปที่จางจิงหงอย่างไม่วางตา เนื่องจากแม้ว่าตอนนี้จางจิงหงจะได้กลายเป็นมหาปราชญ์เต็มตัวแล้ว แต่ขั้นตอนทุกอย่างนั้นก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

ต้องรู้ไว้ว่าพลังแห่งความเที่ยงธรรมที่คนอื่น ๆ ได้รับรวมไปถึงหมอกสีทองนี้คือการอวยพรของสวรรค์และโลกสำหรับการเฉลิมฉลองให้แก่สำนักเที่ยงธรรมที่มีมหาปราชญ์ปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ซึ่งรางวัลที่จางจิงหงจะได้รับจากการที่เขากลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าคนแรกของยุคนั้นยังไม่ปรากฎขึ้นเลย

ไม่นานต่อมา วัตถุสีดำขาวก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและมาหยุดอยู่ที่มือของจางจิงหง

หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วขึ้นทันที และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “ได้รับสิ่งนี้เป็นรางวัลเลยงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่ายุคนี้ข้าคงจำเป็นต้องแก่งแย่งเหมือนเดิมสินะ!”

หลิงยู่ชานได้ยินอย่างชัดเจนว่าหลิงตู้ฉิงพูดอะไร เขาจึงรีบถามขึ้นทันที “ท่านพ่อ ของสิ่งนั้นมันคืออะไร? และที่ท่านบอกว่าแก่งแย่งนั้นท่านหมายถึงว่าท่านจะแย่งไอ้เจ้าของประหลาดนั่นมาใช่ไหม?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบว่า “สิ่งที่จางจิงหงได้มานั้นมันคือแก่นแท้ของพลังหยินหยาง ซึ่งมันมีประโยชน์ต่อพ่อเป็นอย่างมาก ดังนั้นพ่อจึงคิดว่าหากเขาไม่แลกเปลี่ยนมันกับพ่อด้วยความเต็มใจ พ่อคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชิงมา”

“ถ้างั้นพวกเราลงมือตอนนี้เลยดีไหม?” หลิงยู่ชานถามขึ้นอีกครั้ง

หลิงตู้ฉิหัวเราะ “ตอนนี้จางจิงหงกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าแล้ว การที่พวกเราจะแย่งของจากเขานั้นมันไม่ง่ายนักหรอก เอาไว้ให้พ่อคุยกับเขาก่อน ถ้าหากเขาไม่ตกลงพ่อถึงจะลงมือส่วนเจ้าเองคอยดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ”

ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกำลังคุยอยู่กับลูกชายของเขา จางจิงหงก็เดินลงมาถึงกลุ่มศิษย์ของเขาเรียบร้อย

“ท่านอาจารย์ พวกเราขอแสดงความยินดีด้วย!” บรรดาศิษย์ของจางจิงหงตะโกนขึ้น

จางจิงหงโบกมือและพูดว่า “ข้าขอขอบคุณพวกเจ้ามาจริง ๆ หากไม่ได้พวกเจ้าข้าเองก็ไม่มีวันเดินมาถึงจุดนี้ เอาล่ะนับจากนี้พวกเจ้าทุกคนจงตั้งใจฝึกฝนเผื่อว่าสักวันพวกเจ้าจะได้กลายเป็นปราชญ์หรือถ้าพวกเจ้าพยายามมากพอ พวกเจ้าอาจจะก้าวข้ามข้าในอนาคตก็ได้”

“พวกเราสัญญาว่าจะขยันให้มากขึ้น!” ศิษย์ทุกคนของจางจิงหงต่างตะโกนขึ้น

ในเวลาเดียวกันบรรดาปราชญ์คนอื่น ๆ ก็เริ่มเดินเข้าไปหาจางจิงหงเพื่อแสดงความยินดี “มหาปราชญ์จาง พวกเราขอแสดงความยินดีด้วย!”

ไป๋ชิงหัวเหลือบมองหลิงตู้ฉิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางส่งยิ้มให้กับจางจิงหง และพูดว่า “มหาปราชญ์จาง ในเมื่อตอนนี้ท่านเปรียบได้ดั่งผู้นำของพวกเราทั้งหมด ดังนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากให้ท่านเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อ”

“ถึงแม้ว่าปราชญ์ถังจะสูญสลายเปลี่ยนวิถีเต๋าไปแล้ว แต่หลักการที่นางอุตส่าห์คิดค้นมาทั้งชีวิตก็ยังหลงเหลืออยู่ในหนังสือเล่มที่ชายผู้นั้นถืออยู่ ซึ่งข้ามีความเห็นว่าปราชญ์ถังนั้นเป็นคนของสำนักเที่ยงธรรมของเราตั้งแต่แรก ดังนั้นสมบัติที่ล้ำค่าของนางมันก็ควรจะเป็นของพวกเราไม่ควรตกไปอยู่ในมือของคนนอกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม มหาปราชญ์จางคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดสมเหตุสมผลหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋ชิงหัวเช่นนี้ จางจิงหงจึงเดินเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเป็นมิตร