“ที่แท้…นั่นก็คือตะปูไม้!” หวังหวังเป่านิ่งเงียบ ไม่นานก็ถอนหายใจเบาๆ แม้จะยังไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ในขณะนี้ อีกทั้งยังได้เห็นเรื่องบางอย่างที่เขาอยากรู้มาตลอด แต่ในใจเขาก็ยังอดรู้สึกสับสนไม่ได้
ความสับสนนี้มาจาก…ต้นกำเนิดของตนเอง
“ข้าคือตะปูหรือ” หวังเป่าเล่อรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย แต่โชคดีที่ความคิดนี้ถูกระงับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่าง 108 ร่างในภาพที่เขาเคยเห็นจะผุดขึ้นในหัว
“ทุกร่างล้วนไม่อาจหยั่งรู้ได้ ฐานการฝึกฝนเหนือกว่าที่ข้าคิดไว้…ไม่รู้ว่ามันคือระดับใด แล้วยังมีโลกบรรจุอยู่ในร่างเหล่านั้นอีก” หวังเป่าเล่อพึมพำในใจ จากนั้นร่างขนาดมหึมาหาใดเปรียบราวกับจะสามารถสยบทุกสิ่งได้เหนือร่างทั้ง 108 ร่างก็ผุดขึ้นในหัว!
ความครอบงำนั้น ทั้งยังมีพลังปราณของจักรพรรดิทำให้หวังเป่าเล่อมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
“จักรพรรดิ…” หวังเป่าเล่อเผยดวงตาล้ำลึก เขายืนยันได้เจ็ดถึงแปดส่วนแล้วว่าร่างของจักรพรรดิผู้นั้นก็คือจักรพรรดิในตำนาน และสถานที่ที่เขาและร่าง 108 ร่างนั้นอยู่ก็คงจะเป็น…จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นที่แท้จริง
“โลกศิลาที่ข้าอยู่เป็นเพียงที่ที่ร่างแยกของจักรพรรดิถือกำเนิดเท่านั้น” เรื่องนี้หวังเป่าเล่อทราบแล้ว เขาก็เข้าใจกระจ่างขึ้นไปอีกว่าหากไม่ใช่การมาถึงของเซียนโบราณ หากไม่ใช่ผนึกกับดักที่แปลงมาจากมือหลัวเทียน จักรพิภพย่อยไม่รู้สิ้นในตอนนั้นคงจะกลับมานานแล้ว
เป็นเพราะผนึกกับดักของมือหลัวเทียนที่ก่อตัวเป็นเหตุผลทำให้จักรพิภพย่อยไม่รู้สิ้นราวกับถูกตัดขาดจากจักรพิภพหลัก และยังมีการปราบปรามจากสำนักแห่งความมืดในฐานะทูต เมื่อเริ่มต้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็อ่อนแอลง อีกทั้งการกวาดล้างร่องรอยของไม่รู้สิ้นก็ทำให้ผนึกกับดักนี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
แท้จริงแล้วหากไม่ใช่เพราะหลัวเทียนเกิดปัญหา ตระกูลไม่รู้สิ้นในโลกศิลาก็ไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีพ แม้ว่า…เป้าหมายของหลัวเทียนจะไม่ได้มุ่งไปที่จักรพรรดิ แต่มุ่งไปที่ผนึกเซียนโบราณ ทว่าสุดท้ายก็เพราะเหตุนี้…ถึงได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิที่น่าสะพรึงกลัวผู้นั้น
ทั้งสองคนผู้ใดแข็งแกร่งกว่า หวังเป่าเล่อไม่อาจรู้ได้ แต่เขารู้ว่า…หลัวเทียนดับสิ้นไปแล้ว การเปรียบเทียบนี้จึงไม่มีความหมายอีก ที่เขาสนใจยิ่งกว่าคือตะปูไม้สีดำบนหว่างคิ้วจักรพรรดิ!
ตะปูไม้สีดำนั้นมาจากไหน ทำไมจักรพิภพย่อยไม่รู้สิ้นถึงสามารถเรียกมันออกมาได้…
หวังเป่าเล่อหรี่ตา หลังจากครุ่นคิด ในหัวก็ค่อยๆ เกิดการคาดเดาอันบ้าบิ่น
“เป็นไปได้ไหมว่าสาเหตุที่จักรพรรดิกระจายวิญญาณสารัตถะออกมาจำนวนมากและรวบรวมร่างแยกกลับไป จุดประสงค์…ก็คือเพื่อต่อสู้กับตะปูไม้สีดำตรงหว่างคิ้วของเขา จึงได้มีเสียงเพรียกจากจักรพิภพย่อย ภาพที่ตะปูไม้สีดำปรากฏขึ้นนั้นบางทีอาจเป็น…การช่วยตัวเองอย่างหนึ่ง?” หวังเป่าเล่อรู้สึกปวดหัว ข้อมูลที่เขารู้น้อยเกินไป สิ่งที่เขาคิดจึงเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ไม่สามารถยืนยันความจริงได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น สำหรับหวังเป่าเล่อในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว
เขาสัมผัสได้ลึกๆ ว่าโลกใบนี้หรือจะเรียกว่าจักรวาลแห่งนี้ หรือจะเรียกว่าจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นที่แท้จริง ความลับทั้งหมดกำลังค่อยๆ เปิดเผยให้เขารู้
หากเส้นทางของเขาสามารถดำเนินต่อไปได้ หากเต๋าของเขายังสมบูรณ์ต่อไปได้ สักวันหนึ่งเขาก็จะได้รู้ความจริงทั้งหมด เข้าใจคำตอบทั้งหมด…และหาต้นกำเนิดของตนเจอ!
“ถึงต้นกำเนิดจะสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ…ข้าอยากมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง!” ดวงตาที่หรี่ลงของหวังเป่าเล่อระเบิดแสงแรงกล้า หลังจากปัดความคิดทั้งหมดออกไปได้แล้ว เขาก็สัมผัสถึงการเก็บเกี่ยวของวิญญาณเทพ
วิญญาณเทพมาถึงขีดสุดของระดับดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรแล้วเหมือนกับกายเนื้อ ทั้งสองอย่างเรียกได้ว่าเป็นระดับกึ่งจักรพิภพ ต่างไปถึงหนึ่งร้อยก้าวแล้ว!
รากฐานอันล้ำลึกเช่นนี้ ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นทั้งหมด ในตระกูลหมื่นสำนักนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็เพียงพอที่จะเรียกได้ว่าหาตัวจับยาก
ทั้งสามด้านมาถึงขีดสุด จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน
แค่ถึงขีดสุดในด้านเดียวก็สามารถกลายเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าชั้นยอดของกองกำลังแรกได้แล้ว ถึงขีดสุดสองด้านเรียกได้ว่าปาฏิหาริย์ หากคนนอกได้รู้เข้าย่อมสะเทือนไปทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นเป็นแน่
แล้วถึงขีดสุดถึงสามด้าน…นั่นเป็นเพียงตำนานเท่านั้น!
โดยเฉพาะหลังจากวิญญาณเทพถึงขีดจำกัดหนึ่งร้อยก้าวดารานิรันดร์ ความรู้สึกที่สามารถฝ่าฟันและควบคุมกฏต่างๆ ได้ตลอดเวลา ทำให้หวังเป่าเล่อสงบใจลงได้ไม่น้อย แม้ฐานการฝึกฝนจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก แต่การพัฒนาของวิญญาณเทพกับกายเนื้อ เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าแม้จะไม่มีโอกาสหรือแม้กระทั่งไม่ได้ฝึกฝนถึงสิบปี ฐานการฝึกฝนของเขาก็จะก้าวหน้าได้ด้วยตัวมันเอง
“แต่ก็ยังช้าไปหน่อย” ดวงตาหวังเป่าเล่อเผยแววดื้อรั้น ก่อนจะเงยหน้ามองรอบๆ
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือรูปปั้นสีแดงที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว หลังจากหวังเป่าเล่อมองมัน สีหน้าของเขาก็แปลกไป อารมณ์ในใจท่วมท้นและแอบขอบคุณสตรีชุดแดงผู้นั้น หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่าย วันนี้เขาคงไม่ได้เข้าใจความจริงมากมาย
ขณะเดียวกันเขาก็เห็นหุ่นกระบอกที่ถูกสตรีชุดแดงทิ้งไป เหล่านั้นล้วนเป็นผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดที่เข้ามาที่นี่ทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ผู้เยี่ยมยุทธ์จักรพิภพห้าถึงหกคนไม่ได้อยู่ในนั้น แม้จะมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะตายแล้ว แต่ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการบางอย่างหนีออกจากที่นี่และเข้าสู่ระดับถัดไปแล้ว
ส่วนเหล่ากึ่งบุตรแห่งความมืดส่วนใหญ่ก็กลายเป็นหุ่นกระบอกอยู่ตรงนี้ หวังเป่าเล่อกวาดตามองและสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาและจิตใต้สำนึกบนร่างพวกเขากำลังค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมา
เขากำลังจะถอนสายตากลับ แต่พริบตานั้นก็ต้องอุทานเสียงเบา นัยน์ตาเป็นประกายหันไปมองเหล่ากึ่งบุตรแห่งความมืดอีกครั้ง เขาเห็นเด็กหนุ่มที่เคยมายั่วยุตน และเห็น…ร่างสวมหน้ากากอยู่ด้านข้าง!
“เจ้านี่ก็ติดอยู่ที่นี่ด้วยหรือ” หวังเป่าเล่อประหลาดใจเล็กน้อย ร่างสวมหน้ากากนั้นคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาบุตรแห่งความมืด ตามความเข้าใจของหวังเป่าเล่อ อีกฝ่ายควรจะต้องมีเคล็ดวิชาบางอย่างช่วยให้ตนไม่ติดอยู่ที่นี่สิถึงจะถูก
ในไม่ช้าหวังเป่าเล่อก็หรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว เพราะเขาพบว่ากึ่งบุตรแห่งความมืดในที่แห่งนี้หายไปสองคน…
หนึ่งคือสตรีที่เก็บซ่อนพลังแท้จริงตอนขยายความลึกก่อนหน้า!
สองคือคนที่หวังเป่าเล่อแทบจะไม่เคยใส่ใจเลยด้วยซ้ำ แม้จะนึกย้อนกลับไป กึ่งบุตรแห่งความมืดที่หายไปคนนี้ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรยิ่งใหญ่ เขาจำได้แค่ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกตนวัยกลางคน อย่างอื่นดูเลือนรางไปหมด
“หืม” เรื่องนี้ทำให้หวังเป่าเล่อแปลกใจ หลังจากครุ่นคิดเขาก็ขยับร่างไปยังหุ่นกระบอกสวมหน้ากากที่กำลังจะตื่น มองหุ่นกระบอกที่กำลังกลายเป็นเลือดเนื้ออย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยกมือจับหน้ากากบนใบหน้าของผู้ฝึกตนออกแล้วกวาดตามอง
“ผู้หญิง?” เขาผงะไปชั่วครู่ ไม่ได้คาดคิดว่านี่จะกลับตาลปัตรกับภายนอกที่เห็น กระจ่างชัดแล้วว่าบุตรแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งได้รับการยอมรับจากทุกคนในสำนักแห่งความมืด ไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่แสดงให้เห็นภายนอก
ใบหน้านี้…เป็นสตรีที่ดูอ่อนโยน
“ไม่น่าใช่กระมัง หรือว่าแค่หน้าตาเหมือนผู้หญิงกัน” หวังเป่าเล่ออยากรู้ เขาอยากรู้จริงๆ…จึงก้มหน้ามองเรือนร่างของผู้ฝึกตนที่ถูกถอดหน้ากากออกแล้ว
อดที่จะก้มตัวลงไปมองสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนไม่ได้ กระนั้น ก็ไม่ได้ใช้มือ แต่ก็ยืนยันได้แล้วว่า…อีกฝ่ายเป็นสตรี แต่ก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย
“ไม่สิ…” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วมุ่น การคาดเดามากมายผุดขึ้นในหัวเขาคิดว่าบางทีคนผู้นี้อาจถูกเข้าใจผิด บุตรแห่งความมืดที่แข็งแกร่งแท้จริงแล้วคือคนอื่น
หรือไม่ก็คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่เขาเคยเห็นตอนอยู่ด้านนอก แต่ถูกสลับตัวเมื่อเข้ามาในนี้
หรือไม่ก็พลังเทพของสตรีชุดแดงทำให้ผู้ฝึกตนบางส่วนเปลี่ยนไป…การคาดเดาไหลผ่านความคิดหวังเป่าเล่อไป เขารีบใส่หน้ากากกลับเข้าไปตามเดิม ดวงตาเผยแววครุ่นคิด ก่อนจะวาบร่างออกมายังปากทางเข้าหน้ารูปปั้นสีแดง ข่มกลั้นการคาดเดาทั้งหมดแล้วก้าวเข้าไป!
“คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ รีบช่วยศิษย์พี่นำซากจักรพรรดิแห่งความมืดกลับไปให้เร็วที่สุดดีกว่า!” ดวงตาหวังเป่าเล่อเปล่งประกาย ร่างหายวับไปเข้าไปด้านในทันที
………………………