ราชันเร้นลับ 1053 : ประธาน

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ท่ามกลางโลกสลัวๆ พระจันทร์สีแดงดวงมหึมากำลังแขวนอยู่บนท้องฟ้าเหนือหลังบ้านอย่างเงียบเชียบ ทุกสิ่งในสวนดอกไม้คล้ายกับกำลังหลับสนิท

ความสิ้นหวังจางหายไปจากดวงตามังกรสีเทาที่ไม่สมบูรณ์ ปีกที่ปกคลุมไปด้วยผิวหนังทิ้งตัวลงตามธรรมชาติ ดูราวกับเป็นหมาบ้านเชื่องๆ

เฮอร์วิน·แรมบิส หนึ่งในคณะกรรมการของสมาคมแปรจิต ครึ่งเทพแห่งเส้นทางผู้ชม ได้สูญเสียชีวิตของมันและกลายเป็นหุ่นเชิดของไคลน์!

ไคลน์ไม่มัวชื่นชมนานนัก รีบสลับตำแหน่งกับ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนที่อยู่ใกล้มังกรสีเทา และเพียงพริบตา เกอร์มัน·สแปร์โรว์ในชุดกันลมสีดำและหมวกผ้าไหมได้ปรากฏตัวขึ้นในจุดดังกล่าว

จากนั้น มันควบคุมหุ่นเชิดตัวใหม่เพื่อใช้พลังรักษา ‘โรคติดต่อทางจิต’

สายลมเย็นพัดผ่านแผ่วเบาไปทั่วทะเลจิตใต้สำนึกรวม อากาศอันเย็นเยียบแทรกซึมเข้าไปในเกาะแห่งจิตใต้สำนึกของไคลน์ ส่งผลให้ชายหนุ่มรู้สึกว่า สิ่งแปลกปลอมภายในจิตใจที่คอยกัดกร่อนและแปลกแยก ค่อยๆ ถูกขจัดออกทีละนิดด้วยมีดผ่าตัด

ไคลน์ที่เคยมีสีหน้าบิดเบี้ยวเริ่มกลับมายิ้มแย้ม เป็นอีกครั้งที่มันรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวราวกับวิญญาณถูกฉีกออกจากกัน

นับว่าโชคยังเข้าข้าง ในกระบวนการสร้างกระสุนคุมวิญญาณและยันต์วันวานอีกครั้ง มันคุ้นเคยกับความรู้สึกเจ็บปวดระดับนี้เป็นอย่างดี จึงไม่ได้ยกมือขึ้นมาจับหัวและเกลือกกลิ้งไปบนพื้น

หลังจากแยก ‘เชื้อโรค’ ทางจิตออกจากจิตสำนึกที่ติดเชื้อ สายลมเย็นๆ แปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นที่ทำให้ผู้คนอยากงีบหลับ ร่างวิญญาณที่บาดเจ็บของไคลน์เริ่มผ่อนคลาย ประหนึ่งได้แช่ตัวในอ่างอาบน้ำอุ่นหลังจากเหน็บเหนื่อยมาทั้งวัน ร่างกายและจิตใจกลับมากระชุ่มกระชวยและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งอาการป่วยทางจิตหายเป็นปลิดทิ้ง สายลมที่พัดผ่านทวีรุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน พัดกวาดไปทั่วโลกแห่งจิตและกำจัด ‘เชื้อโรค’ ทั้งหมดที่หลงเหลือในอากาศ

จัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์เปลี่ยนให้มังกรสีเทาหดตัวกลับ ลดทอนความเป็นเทพและกลับไปเป็นมนุษย์

ทว่า เนื่องจากเสื้อผ้าของเฮอร์วิน·แรมบิสถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เกล็ดสีเทาบนร่างกายจึงยังไม่ถูกขจัดออกไป

ไม่กี่วินาทีถัดมา ในชุดคลุมแสนธรรมดาและเส้นผมสีดำปล่อยตามธรรมชาติ อาเรียนน่า หัวหน้านักบวชแห่งรัตติกาลซึ่งสวมเข็มขัดเปลือกไม้ เดินจากพระจันทร์สีแดงดวงใหญ่ ก้าวเท้าไปบนความว่างเปล่าจนกระทั่งหยุดลงด้านข้างเฮอร์วิน·แรมบิสในแนวเฉียงจากด้านบน

เพียงเทวทูตรายนี้ยื่นมือขวาออกและทำท่าจับเบาๆ วิญญาณที่คลุมเครือของเฮอร์วิน·แรมบิสพลันถูกกระชากออกจากร่างกายและลอยเหนือศีรษะ

“ทำไมเจ้าถึงช่วยจอร์จที่สาม” อาเรียนน่าถามเข้าประเด็นทันที

สีหน้าที่สับสนของเฮอร์วิน·แรมบิสเริ่มจริงจัง:

“นี่คือทางเลือกของกระแสเวลา เป็นชะตากรรมที่มิอาจเลี่ยง พวกเราแค่ไหลไปตามกระแสและคอยให้คำแนะนำเล็กน้อย เพื่อให้กระแสเวลาพัดพาไปในทิศทางที่ถูกต้อง”

คำตอบมาตรฐานของสภานักสิทธิ์สนธยา… ดูเหมือนว่า พวกครึ่งเทพของสมาคมแปรจิตก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของอาดัมคืออะไร… แม้แต่ในหมู่สมาชิกระดับสูงของสภานักสิทธิ์สนธยา ส่วนใหญ่ก็คงไม่ทราบ… อาศัยคุณสมบัติของโลกแห่งความลับ ไคลน์ไตร่ตรองโดยไม่ต้องกังวลภายหลัง

อาเรียนน่ามิได้เผยความประหลาดใจ ยังคงถามต่อไป

“กระแสเวลาถัดไปคืออะไร?”

เฮอร์วิน·แรมบิสตอบด้วยสายตาเหม่อลอยแต่สีหน้าเคร่งขรึม:

“สงคราม… สงครามที่กวาดล้างโลก”

นี้มัน… ความสงบสุขไม่ดีตรงไหน? ไคลน์ขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะรำพัน

สงครามโลกจะนำมาซึ่งความบอบช้ำแบบใดต่อมนุษยชาติ มันค่อนข้างชัดเจน

ชายหนุ่มเพียงหวังว่า การตามสืบสวนของตนและโบสถ์รัตติกาล จะสามารถไขกุญแจของปริศนานี้ได้โดยเร็ว และช่วยป้องกันการแพร่กระจายของสงครามที่ถูกส่งเสริมโดยสภานักสิทธิ์สนธยา

อาเรียนน่าเงียบงันสักพัก จากนั้นก็ถาม

“ความลับของจอร์จที่สามคือสิ่งใด”

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเฮอร์วิน·แรมบิสทันที:

“กษัตริย์ทุกพระองค์จะถูกผูกมัดด้วยสัญญาหลักสามข้อ และห้ามมีลำดับสูงกว่า 5… แต่อาศัยความช่วยเหลือจากพวกเรา พระองค์สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดไปได้ ตอนนี้พัฒนาไปไกลแล้ว แค่รอให้กระแสน้ำแห่งกาลเวลาไหลมาถึง พระองค์ก็จะได้เถลิงบัลลังก์ที่คู่ควร”

สัญญาหลักสามข้อ… หมายถึงอะไร? อา… การที่ห้ามกษัตริย์มีลำดับสูงกว่า 5 นั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะท้ายที่สุด ในเมื่อผู้วิเศษต้องการปกปิดศาสตร์เร้นลับจากคนธรรมดา คงเป็นการดีกว่าถ้าตำแหน่งกษัตริย์จะเปลี่ยนมือไปตามอายุขัยปรกติ การที่มีอายุแปดสิบถึงเก้าสิบปีนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ประชาชนสามารถเข้าใจได้ แต่ถ้ามากกว่าร้อยยี่สิบแล้วยังมีชีวิตอยู่ นั่นคงทำให้นักสร้างทฤษฎีสมคบคิดสติแตก… จอร์จที่สามขวนขวายเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตยืนยาว? ด้วยความช่วยเหลือจากสมาคมแปรจิตและนิกายแม่มด? แต่ตามปรกติแล้ว นี่เป็นแค่ข้อจำกัดของกษัตริย์ ไม่ใช่ทั้งตระกูลออกัสตัส พวกมันน่าจะมีเทวทูตเดินดินจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลใดให้ต้องยึดติดกับจอร์จที่สาม… คำถามมากมายผุดขึ้นในใจไคลน์

“จอร์จที่สามยังไม่ได้เป็นครึ่งเทพไม่ใช่หรือ? เจ้ากำลังจะบอกว่าเขาใช้วิธีการบางอย่างตบตาทุกคน?” อาเรียนน่าถามเสียงเรียบ

สำหรับโบสถ์รัตติกาล นี่เป็นเรื่องใหญ่มากมาก หากจอร์จที่สามเป็นครึ่งเทพจริง ทางโบสถ์สามารถติดต่อวายุสลาตันและจักรกลไอน้ำเพื่อจับกุมได้ทันที เพราะลำดับพลังของกษัตริย์คือหลักฐานที่มัดแน่นที่สุด

วิญญาณเฮอร์วิน·แรมบิสพยักหน้าและกล่าว

“ใช่…”

“วิธีการที่ว่าคืออะไร” อาเรียนน่าถามต่อ

เฮอร์วิน·แรมบิสส่ายหัวแผ่วเบาและตอบ

“ผมเองก็ไม่แน่ใจ ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้คือประธานของเรา ถ้าจำไม่ผิด ครั้งหนึ่งผมเคยได้ยินเขาพูดว่า… เขาอยากให้จอร์จที่สามมีพรสวรรค์มากกว่านี้”

มีพรสวรรค์มากกว่านี้? ฟังคำอธิบายจบ ไคลน์พลันนึกถึงเนื้อหาบางหน้าในไดอารี่ของโรซายล์

ในสายตาของมหาจักรพรรดิ ‘พรสวรรค์’ หมายถึงการมีวิญญาณคล้ายคลึงกับบรรพบุรุษซึ่งเป็นผู้วิเศษลำดับสูง เพราะนั่นจะถูกยอมรับโดย ‘จิตตกค้าง’ ภายในตะกอนพลังและสมบัติปิดผนึกได้ง่ายกว่า ดื่มโอสถได้ง่ายกว่า และลดผลข้างเคียงจากสมบัติปิดผนึกได้มาก

นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบนัก มาพร้อมอันตรายแอบแฝงที่ร้ายแรง เพราะถ้า ‘จิตตกค้าง’ พยายามยึดครองร่างของผู้ดื่มโอสถหรือผู้ถือสมบัติปิดผนึก นั่นคงเต็มไปด้วยปัญหา

และถ้าใครหวังเลื่อนขั้นเป็นครึ่งเทพด้วยวิธีนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดเย็บจิต!

จอร์จที่สามถูกสะกดจิตโดยใครบางคน? หรือว่ายอมรับวิธีนี้ด้วยตัวเอง? ไม่สิ… หากเป็นการสะกดจิต เทวทูตหรือสมบัติปิดผนึกของตระกูลออกัสตัสก็ต้องพบความผิดปรกติแล้ว… ขณะไคลน์เริ่มมึนงง หัวหน้านักบวชที่ลอยอยู่ในอากาศถามต่อ

อาเรียนน่าย่อมทราบดีว่า ‘พรสวรรค์มากกว่านี้’ หมายถึงสิ่งใด จึงเปลี่ยนประเด็นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“ประธานที่ว่าคือใคร?”

เฮอร์วิน·แรมบิสแสดงภาพความทรงจำ:

“ท่านมีตัวตนมากมาย แถมยังมีหลายชื่อ แต่ขอเพียงได้เห็นหน้า ผมจะทราบทันทีว่านั่นคือประธาน… ตัวตนและชื่อที่ใช้ในตอนนี้ประกอบไปด้วย: หนึ่งในสี่ราชาแห่งท้องทะเล ราชาแห่งบัลลังก์มืด บารอส·ฮ็อปกินส์; อดีตคณบดีแห่งโรงเรียนแพทย์เบ็คลันด์ และแพทย์หลวงส่วนพระองค์; ‘คนตาย’ เพาลี·เดอราล; ผู้สันโดษชื่อดังแห่งทะเลโซเนียตอนกลาง เอริค·เดรก…”

ราชาแห่งบัลลังก์มืด… ไคลน์รู้สึกว่าตนเคยได้ยินชื่อนี้ แต่มักจะไม่ใส่ใจเสมอ ไม่ค่อยเก็บไปคิด

กลับกลายเป็นว่า ราชาโจรสลัดรายนี้มาจากเส้นทางผู้ชม… ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยความกระจ่าง

อาเรียนน่าที่ฟังอย่างเงียบงัน ยังคงถามต่อ

“จอร์จที่สามซ่อนความลับใดในซากโบราณสถานของจักรพรรดิโลหิต?”

สีหน้าอันเฉื่อยชาของเฮอร์วิน·แรมบิสแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนจะตอบ

“เป็นสิ่งสำคัญที่มาก… หากพระองค์ต้องการใช้มัน จะต้องมีพิธีกรรมสังเวยครั้งใหญ่”

“สิ่งนั้นคืออะไร” อาเรียน่าถามต่อทันที

เฮอร์วิน·แรมบิสเว้นวรรคเล็กน้อย

“ผม… จำไม่ได้…”

มันรีบยกมือขึ้นมาจับศีรษะของร่างวิญญาณ สีหน้าค่อนข้างเจ็บปวด

แต่ไม่ว่าจะเค้นสมองนึกสักเท่าไร มันก็จำคำตอบไม่ได้

หรือความทรงจำในส่วนนี้จะถูก ‘ล้าง’ โดยอาดัมหรือไม่ก็เทวทูตเส้นทางผู้ชม? ไคลน์เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เริ่มพบว่าความลับในซากโบราณสถานอาจมีความสำคัญมากกว่าที่ตนคิด

อาเรียนน่าเงียบงันราวสามวินาที ก้มศีรษะลงและกล่าวกับไคลน์:

“เจ้าอยากถามอะไรไหม?”

ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก มองหน้าเฮอร์วิน·แรมบิสและกล่าว

“โอสถระดับสูงในเส้นทางผู้ชมมีชื่อว่าอะไรบ้าง?”

วิญญาณของเฮอร์วิน·แรมบิสที่มีหน้าเจ็บปวด พลันโล่งใจและค่อยๆ ตอบ

“ลำดับ 4 จอมบงการ ลำดับ 3 นักสานฝัน ลำดับ 2 ผู้เห็นแจ้ง ลำดับ 1 นักประพันธ์”

มันไม่ได้เอ่ยถึงลำดับ 0 นักสร้างฝัน เห็นได้ชัดว่าไม่ทราบ

“สูตรโอสถจอมบงการมีอะไรบ้าง?” แม้ไคลน์จะรู้สึกว่าคำถามของตนมีมาตรฐานต่ำกว่าของอาเรียนน่า แต่มันก็มิได้ใส่ใจ

เฮอร์วิน·แรมบิสไม่ลังเล ตอบด้วยน้ำเสียงล่องลอย

“วัตถุดิบหลักประกอบด้วย: สมองที่สมบูรณ์ของมังกรจิตอาวุโส หรือไม่ก็ ผลึกหัวใจของเจ้าแห่งมนุษย์ต้นไม้ หรือไม่ก็ตะกอนพลังของจอมบงการ”

“วัตถุดิบเสริมประกอบด้วย: เลือดมังกรวิญญาณอาวุโสแปดสิบมิลลิมิตร, ใบสีทองของเจ้าแห่งมนุษย์ต้นไม้จำนวนสามใบ, หยดน้ำตาเจ็ดหยดที่แตกต่างกันของมนุษย์หรือสัตว์ที่หลั่งออกมาเนื่องด้วยอารมณ์อันรุนแรง…”

“พิธีกรรมก็คือ: หาโอกาสที่ผู้คนมารวมตัวกันอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคน ดื่มโอสถท่ามกลางอารมณ์อันเข้มข้นและกังวานของผู้คนเหล่านั้น”

เมื่อเทียบกันแล้ว ความยากของพิธีกรรมเลื่อนระดับเป็นครึ่งเทพของเส้นทางผู้ชมนั้นไม่สูงนัก… แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผู้ชมสามารถรักษาสภาพจิตใจตัวเองได้ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับมือกับอาการคลุ้มคลั่งและเสียสติที่มาจากการดื่มโอสถ พิธีกรรมจึงไม่ต้องซับซ้อน… ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิด

“สูตรโอสถของนักสานฝันคืออะไร”

“ผมไม่ทราบ” เฮอร์วิน·แรมบิสส่ายหน้า

ถ้าอย่างนั้น… ไคลน์ถามไปว่า ทำไมเฮอร์วิน·แรมบิสถึงต้องลงมือกับออเดรย์ด้วยตัวเอง และได้คำตอบที่สอดคล้องกัน

ถัดมา มันหันไปกล่าวกับอาเรียนน่า

“ผมหมดคำถามแล้ว”

สำหรับสิ่งที่มันอยากรู้ ไม่มีเรื่องใดที่เฮอร์วิน·แรมบิสสามารถตอบได้อีก

อาเรียนน่ากดมือขวาลงเบาๆ ส่งผลให้วิญญาณของเฮอร์วิน·แรมบิสกลับเข้าร่าง

จากนั้น เทวทูตเหลือบมองมาทางไคลน์ กล่าวอย่างใจเย็น:

“อย่าใช้เขาเป็นหุ่นเชิด… และจนกว่า ‘จิตตกค้าง’ ของเขาจะถูกลบออก ไม่ควรนำตะกอนพลังไปใช้ปรุงโอสถหรือสร้างสมบัติวิเศษ”

แน่นอนอยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากให้อาดัมมาเคาะประตูบ้าน… ไคลน์พยักหน้าขอบคุณ:

“ผมจะจำใส่ใจไว้ ขอบคุณมาก มาดามอาเรียนน่า”

 …………………………