เล่มที่ 34 เล่มที่ 34 ตอนที่ 991 คนที่อบอุ่นที่สุด

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“หลีเอ๋อร์หนีเร็ว นี่เป็นดินแดนมายาที่ข้าสร้างขึ้นมา พลังยุทธ์ของข้าไม่แข็งแกร่งพอ ซ้ำคนของแคว้นไหวเจียงยังฝ่าเข้ามาอีกด้วย ข้าต้านไว้ได้อีกไม่นานแล้ว

ทันทีที่ดินแดนมายาสลายไป พวกเราจะถูกคนของแคว้นไหวเจียงพบ เมื่อถึงเวลานั้น ปัญหาที่ตามมาย่อมมีมากมายแน่นอน”

“ไม่ ข้าไม่ไป” หลานเยวี่ยหลีพูดอย่างดื้อรั้น “จะไปต้องพาคุณชายอวี้ไปด้วย”

เป่ยถังเย่โมโหทันที “วุ่นวาย เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาคือผู้ใด? พาเขาไปที่แคว้นเป่ยอี้ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ”

หลานเยวี่ยหลีส่ายศีรษะ “พี่เย่ หลีเอ๋อร์ไม่ได้รับปากท่านว่าจะกลับแคว้นเป่ยอี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คุณชายอวี้ถูกพิษร้ายแรง ข้าต้องหาวิธีถอนพิษให้เขา ข้าไม่ไป”

“หลีเอ๋อร์ เจ้าอย่าลืมสถานะตนเอง! ” เป่ยถังเย่กดเสียงต่ำ “เจ้าเป็นคุณหนูจวนเป่ยอี้อ๋อง เป็นหลานสาวของเป่ยอี้อ๋อง ในอนาคตพี่เย่จะขึ้นรับตำแหน่งเป่ยอี้อ๋อง เจ้าก็เป็นจวิ้นจู่ เจ้ามีสายเลือดล้ำค่ายิ่งกว่าสตรีใดในอาณาจักรเทียนเหอ บุรุษธรรมดาจะคู่ควรกับเจ้าได้อย่างไร? ”

หลานเยวี่ยหลีพลันเงยศีรษะ “เขาไม่ใช่คนธรรมดา พี่เย่ เป็นหลีเอ๋อร์ที่ไม่คู่ควรกับเขา”

เป่ยถังเย่ยังอยากตำหนิ ทว่าเมื่อเห็นหลานเยวี่ยหลีร้องไห้น้ำตานองหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ซูอวี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงไม่จู้จี้กับนางมากนัก

ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “หลีเอ๋อร์ เจ้าอย่าเอาแต่ใจ ตอนที่พี่เย่ออกมา เสด็จพ่อทรงประชวรหนัก เกรงว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน เสด็จพ่อใกล้สวรรคตแล้ว คนที่พระองค์ต้องการพบที่สุดก็คือเจ้า”

เปลือกตาของหลานเยวี่ยหลีสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เสด็จตา… เสด็จตาเป็นอย่างไรหรือ? ”

“เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ? โรคเก่า เกรงว่าครั้งนี้คงอดทนได้อีกไม่นานแล้ว”

“เป็นไปไม่ได้ เสด็จตาเป็นคนดีถึงเพียงนั้นต้องอายุยืนร้อยปี ต้องไม่เป็นอันใดแน่นอน” ขณะที่พูด ไม่รู้ว่านางครุ่นคิดอันใด นางมองไปทางเป่ยถังเย่ทันที “พี่เย่ ข้าจำได้ว่าแคว้นเป่ยอี้มีวิธียืดอายุไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่ใช้กับเสด็จตา? ”

เป่ยถังเย่ยกยิ้มมุมปาก “นั่นเอาไว้หลอกคนภายนอก บนโลกนี้จะมีวิธียืดอายุอันใด? แม้มีก็ต้องชดใช้ในราคาที่คนทั่วไปไม่สามารถเอื้อมถึง หลีเอ๋อร์ เชื่อฟังพี่และกลับไปกับพี่เถิด ภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นจวิ้นจู่ มีบุรุษมากมายให้เจ้าเลือก”

หลานเยวี่ยหลีไม่ต้องการผู้ใดทั้งนั้น

กระทั่งซูอวี้ นางก็ไม่เคยคิดครอบครองเป็นของตนเอง

“ไม่ พี่เย่ ไม่ใช่ นั่นคือคำลวง ท่านลืมคุณชายจิ่วแล้วหรือ? คุณชายจิ่วแห่งสำนักแพทย์เทียนอี ว่ากันว่าเขาเป็นอมตะ”

แววตาของเป่ยถังเย่เหม่อลอยเล็กน้อย เขาชะงักไปครู่หนึ่งและจึงเอ่ยกับหลานเยวี่ยหลีว่า “เด็กโง่ บนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่เหมือนคุณชายจิ่ว ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายจิ่วเดินทางไร้ร่องรอย กว่าเจ้าจะพบเขา เกรงว่าซูอวี้ผู้นี้คงไม่มีชีวิตแล้ว”

ความโศกเศร้าในดวงตาหลานเยวี่ยหลียิ่งลึกซึ้ง นางก้มศีรษะมองซูอวี้ที่อยู่ในอ้อมแขน

สีหน้าของซูอวี้แย่ลง ลมหายใจยิ่งแผ่วลงเรื่อยๆ แม้นางจะเป็นกังวล ทว่าไม่มีหนทางช่วยเลย

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ แววตาของนางก็เปล่งประกาย นางเงยหน้ามองเป่ยถังเย่ “พี่เย่ ที่ท่านเคยพูดว่าข้ามีสายเลือดเผ่าเม้ย เป็นทายาทเซิ่งหนี่ว์คนต่อไปของเผ่าเม้ยแคว้นเป่ยอี้”

เป่ยถังเย่ไม่รู้ว่าหลานเยวี่ยหลีคิดจะทำอันใด เขาชะงักก่อนจะพยักหน้า

“ใช่ น่าเสียดายที่สถานะเซิ่งหนี่ว์ของเผ่าเม้ยไม่สูงส่งเทียบเท่าเทพธิดาในอดีต นอกจากนี้ยังต้องให้… หลีเอ๋อร์ ไม่เป็นธรรมกับเจ้าแล้ว ทว่าเรื่องนี้อับจนหนทางเช่นกัน ในฐานะสายเลือดของเผ่าเม้ย นี่เป็นหน้าที่ที่เจ้าเกิดมาเพื่อรับผิดชอบ ไม่เพียงปกป้องแคว้นเป่ยอี้เท่านั้น ทว่ายังต้องมอบพระพรให้ใต้หล้าอีกด้วย”

หลานเยวี่ยหลีดูเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งที่เป่ยถังเย่พูด นางก้มหน้ามองซูอวี้ในอ้อมแขนอีกครั้งและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“พี่เย่ ข้าจำได้ เสด็จตาเคยพูดไว้ว่า ในร่างกายของทุกคนที่ถูกกำหนดให้เป็นเซิ่งหนี่ว์เผ่าเม้ย ล้วนเกิดมาพร้อมพลังมหาศาลที่ถูกผนึกไว้ เมื่อพลังนี้ถูกเปิดออกมา หมายความว่าในไม่ช้าต้องสืบทอดตำแหน่งเซิ่งหนี่ว์แห่งเผ่าเม้ย เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาก็จะลืมจนหมดสิ้น”

“ใช่”

หลานเยวี่ยหลีไม่ได้พูดอีก สายตาลึกซึ้งมองซูอวี้ในอ้อมแขน

นางอยากมองหลายๆ ครั้ง เพื่อจดจำใบหน้านี้ ดวงตานี้ สันจมูกนี้ ริมฝีปากนี้ และคิ้วนี้สลักลึกในจิตใจของตนเอง

แม้วันใดนางลืมเรื่องราวในอดีตจริงๆ และลืมเขาด้วยก็ตาม นางหวังว่าช่วงเวลานั้นที่นางได้พบเขาอีกครั้ง นางจะยังจำเขาได้ อย่างน้อยอาจจะมีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง

นางโดดเดี่ยวเดียวดายมาทั้งชีวิต

เวลาแปดปี ไม่ว่าอยู่ที่จวนเป่ยอี้อ๋องหรืออยู่ที่สกุลหลานในแคว้นจงหนิง นางอาศัยใต้ชายคาของพวกเขา

ข้างกายไม่มีญาติพี่น้องที่พึ่งพิงได้อย่างสุดหัวใจ นางรู้อยู่แก่ใจ แม้จะสนิทกับเป่ยถังเย่ ทว่าก็เป็นเพราะสถานะทายาทเซิ่งหนี่ว์แห่งเผ่าเม้ย เขาจึงดูแลนางเป็นอย่างดี หากไม่ใช่เพราะสถานะเช่นนี้ เกรงว่านางคงไม่พ้นเป็นบ่าวคนหนึ่งข้างกายเขา

ซูอวี้เป็นคนแรกบนโลกใบนี้ที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นางไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร แม้เขาจะเฉยเมยห่างเหินกับนาง ทว่าขอเพียงได้เห็นเขา ก้นบึ้งหัวใจของนางก็ราวกับมีกระแสน้ำอุ่น

ในการแข่งประลองชิงตำแหน่งทายาทหอโอสถสกุลซู ตอนที่ได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก ซ้ำยังถูกหลานเยวี่ยหรูทำร้ายจนถูกพิษ ตอนที่เขาดูแลข้างกายนางอย่างระมัดระวัง และตอนที่อยู่เป็นเพื่อนนางที่หอโอสถแทบทุกวัน… นางจำไม่ค่อยได้แล้ว

“ซูอวี้… ”

หลานเยวี่ยหลีกอดซูอวี้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น พลางร้องไห้อย่างเจ็บปวดรวดร้าว น้ำตาไหลลงมาราวกับสายฝน

นางอาลัยอาวรณ์ อาลัยอาวรณ์ยิ่ง

บนโลกนี้มีวิธีอื่นอีกหรือไม่ที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป และทำให้นางสามารถจดจำเขาได้ตลอดไปเช่นกัน?

หากมี แม้ต้องสลายกลายเป็นผุยผง แม้ต้องถูกมีดดาบหมื่นพัน แม้ต้องบุกน้ำลุยไฟ นางล้วนเต็มใจต่อสู้เพื่อเขา

ซูอวี้ ดูเหมือนข้าไม่เคยเข้าไปในใจท่าน หากข้าลืมท่านจริงๆ ข้าหวังว่าชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ ท่านจะจำข้าไม่ได้เช่นกัน

ลืมข้าเถิด

ลืมข้าตลอดไป

“หลีเอ๋อร์… ”

จู่ๆ เป่ยถังเย่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบห้าม ทว่าสายเกินไปเสียแล้ว

ทั่วทั้งร่างของหลานเยวี่ยหลีเปล่งแสงเจิดจ้าอีกครั้ง เป่ยถังเย่ยื่นมือออกไปต้องการคว้าตัวนาง ทว่ากลับถูกแสงนั้นกระแทกจนกระเด็นออกไป กระทั่งคนที่เหลือรอบกายก็ถูกกระแทกไปไกลเช่นกัน

ท่ามกลางแสงนั้น หลานเยวี่ยหลีกอดซูอวี้ไว้และมองเขาด้วยความรู้สึกลึกซึ้งโดยไม่ละสายตาจากร่างของเขาแม้แต่น้อย

“หลีเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอันใด? ”

แววตาของเป่ยถังเย่ปรากฏความประหลาดใจอย่างมาก เขามองการเปลี่ยนแปลงรอบกายของเป่ยถังหลีอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

เมื่อแสงนั้นสว่างจ้าจนถึงขีดสุด หลานเยวี่ยหลีก็เหยียดมือออกและกัดนิ้วตนเอง ก่อนจะนำไปวางที่ริมฝีปากของซูอวี้

เลือดไหลเข้าสู่ปากของซูอวี้มากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของซูอวี้ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นเท่าตัว จากนั้นนางก็พยุงซูอวี้ขึ้นอีกครั้ง วางฝ่ามือบนกลางหลังของเขาและถ่ายโอนพลังให้ซูอวี้เล็กน้อย

“เอือก… ”

ทันใดนั้น เลือดสีดำก็พุ่งออกมาจากปากของซูอวี้ ทว่านางไม่กังวล เพราะนางรู้ว่าเลือดสีดำที่อาเจียนออกมาแสดงว่าพิษในร่างได้ถูกขับออกมาแล้ว ขอเพียงดูแลตนเองอย่างระมัดระวัง ในอนาคตซูอวี้ก็จะไม่เป็นอันใด

จากนั้นนางก็ใช้วิธีเดียวกันช่วยอนุปี้

เมื่อเลือดพิษในร่างของอนุปี้ถูกชำระล้างจนสะอาด หลานเยวี่ยหลีก็หมดแรง นางมองไปทางซูอวี้พลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นางต้องการเดินไปดูเขาอย่างละเอียด ทว่าขาอ่อนแรงจนก้าวเท้าไม่ออก

ในที่สุดก็บังคับให้ก้าวไปข้างหน้าได้หนึ่งก้าว ทว่ากลับหมดสติล้มลงกับพื้นทันที