ตอนที่ 2046 การทดสอบของเย่หยวน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ศิษย์ยอมรับ! ศิษย์หนิงซืออวี๋ขอกราบอาจารย์!”

หนิงซืออวี๋นั้นแสดงท่าทางตื่นเต้นดีใจออกมาเต็มใบหน้าก้มหัวลงจรดพื้นต่อหน้าเย่หยวน

เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมันก็ปรากฏน้ำตาไหลหลั่งลงมาท่วมหน้า

ตั้งแต่วันที่นางได้เห็นวิชาโอสถของเย่หยวนในตอนนั้น หนิงซืออวี๋ก็เคารพเย่หยวนอย่างสุดตัว

ซวนอี้นั้นไม่อาจจะสั่งสอนใดๆ ให้แก่หนิงซืออวี่ได้อีกต่อไป การจะเปลี่ยนกราบอาจารย์คนใหม่มันจึงมิใช่เรื่องแปลกประหลาด

เว้นเสียแต่ว่าการจะให้เย่หยวนยอมรับนับนางเป็นศิษย์นั้นมันเป็นเรื่องแสนยากเย็น

การบ่มเพาะอยู่ข้างกายเย่หยวนมานานปี นางนั้นพยายามพัฒนาตนอย่างสุดฝีมือเพื่อที่จะก้าวตามรอยเท้าของเย่หยวนให้ทัน เพื่อที่จะได้การยอมรับการตัวเย่หยวน

แต่น่าเสียดายความช่องว่างระหว่างคนทั้งสองนั้นมันจะมีแต่กว้างขึ้นและกว้างขึ้น

จนถึงวันนี้ที่ในที่สุดนางก็ได้รับการยอมรับจากเย่หยวน แน่นอนว่าน้ำตาแห่งความปิติมันจะต้องหลั่งไหลออกมาล้นใบหน้าแล้ว

“ที่แท้… หนิงซืออวี๋ก็เป็นเพียงแค่สาวใช้ของปรมาจารย์เย่จริงๆ!”

“แค่สาวใช้ผู้หนึ่งกลับสามารถเก่งกาจได้ถึงปานนี้ ปรมาจารย์เย่จะต้องมีวิชาการสอนที่เหนือล้ำปานใดกันนี่!”

“เฮ้อ น่าเสียดายที่ข้าก้าวขึ้นไปมิถึงยี่สิบอันดับแรก ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะต้องไปลองด้วยแน่ๆ หากข้าได้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์เย่แล้วคงพุ่งทะยานขึ้นฟ้าได้อย่างง่ายดายแน่นอน!”

ในลานกว้างเวลานี้คนนับหมื่นนั้นต่างจ้องมองไปยังหนิงซืออวี๋อย่างอิจฉาริษยาจนถึงที่สุด

ส่วนคนทั้งสามสิบเก้าที่เหลือนั้นย่อมจะแสดงสีหน้าอิจฉาออกมาจนเห็นได้ชัด

พวกเขานั้นไม่ทราบได้เลยว่าเย่หยวนจะยอมรับพวกเขาทั้งหลายเป็นศิษย์หรือไม่ แต่พวกเขาทั้งหลายก็เลือกที่จะลองเสี่ยงดู

หากถูกเย่หยวนเลือกแล้ว พวกเขาทั้งหลายคงเก่งกาจสะท้านฟ้าได้อย่างง่ายดาย

เพราะในเวลานี้ตัวเย่หยวนเองก็อยุ่ที่อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว วันหน้าย่อมจะก้าวขึ้นไปถึงได้แน่ เช่นนั้นแล้วมันจะแตกต่างใดหากจะเลือกเย่หยวนแทนเหล่ายอดคนอาณาจักรบรรพกาลทั้งหลาย?

ที่ด้านบนที่นั่งปรมาจารย์นั้นเย่หยวนค่อยๆ พยักหน้าออกมารับการกราบนี้และหันหน้าออกไปพูดกับคนที่เหลือ “ส่วนพวกเจ้าทั้งหลาย แยกย้ายไปได้แล้ว”

นั่นทำให้สีหน้าของทุกผู้คนซีดเผือดลงทันที มองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง

“ปรมาจารย์เย่ นี่มัน… นี่มัน… ช่วยพิจารณาใหม่ด้วยเถอะ!” หลัวเทียนฉีกล่าวขึ้นอย่างไม่คิดยอมรับ

หยุนยี่ได้แต่กัดฟันแน่นด้วยท่าทางไม่คิดอยากยอมรับเช่นกัน

เขานั้นต้องใช้ความกล้าแค่ไหนกว่าจะมายืนตรงนี้ได้

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดจะโอกาสเขาแม้แต่น้อย

คนอื่นๆ เองก็คิดพูดขึ้นมาตามๆ กันคิดอยากให้เย่หยวนเปลี่ยนใจ

เย่หยวนที่ได้ยินจึงขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”

นั่นทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องเงียบปากลงในทันที

เย่หยวนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากแค่ติดอันดับสูงๆ ก็หมายความว่าพวกเจ้าจะเป็นศิษย์ข้าได้ เจ้าคิดว่าหนิงซืออวี๋นางนี้จะต้องรอถึงวันนี้หรือ? อย่าได้มาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าข้าอีก!”

เรื่องของจีชางหลานนั้นมันยังคงฝังอยู่ในจิตใจของเย่หยวนจนทำให้เขาไม่อาจจะกล้าทำอะไรลวกๆ อีกต่อไป

เย่หยวนนั้นย่อมไม่คิดสงสัยความสามารถพรสวรรค์ของคนทั้งหลาย แต่มันเกี่ยวข้องใดกันเขาเล่า?

ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์เก่งกาจปานใด สุดท้ายมันก็เป็นแค่พรสวรรค์ของคนแปลกหน้า

คนทั้งสามสิบเก้านั้นหน้าเสียจนถึงที่สุด

เพราะเย่หยวนนั้นไม่ได้ทำการเหมือนคนปกติธรรมดาทำกันแม้แต่น้อย!

ในงานครั้งก่อนๆ นั้นเหล่ายอดอัจฉริยะย่อมจะเป็นทรัพยากรที่เป็นที่ต้องการมาก

ไม่ว่าเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายจะแสดงสีหน้าท่าทางเรียบเฉยปานใดออกมา แต่ในจิตใจของพวกเขาก็ย่อมจะรู้ดีว่ายอดอัจฉริยะจากงานชุมนุมโอสถเมฆานี้มันล้ำค่าปานใด

แต่เย่หยวนกลับไม่คิดแม้แต่จะหันมามอง

นั่นทำให้เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายได้แต่มองดูภาพนี้อย่างมึนงง เหล่าอัฉริยะทั้งหลายที่พวกเขาขอยังไม่คิดมา แต่กลับถูกเย่หยวนไล่ทิ้งเป็นหมูเป็นหมา

เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ที่เช่นนั้นที่เพิ่งจะเติบโตขึ้นมาได้ไม่นานมันย่อมจะขาดแคลนยอดอัจฉริยะเป็นแน่แท้

หากเย่หยวนพาคนทั้งหลายนี้กลับไปในคราเดียวมันย่อมจะช่วยให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์พุ่งทะยานขึ้นมาได้อย่างเหนือล้ำ

เจ้าหมอนี่มันเข้าใจสถานการณ์ของตนหรือไม่?

ในกลุ่มคนทั้งหลายนั้นจู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งคุกเข่าลง เมื่อหันไปมองแล้วมันจะเป็นใครไปได้นอกจากหยุนยี่?

เขานั้นคุกเข่าก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวนและกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น “ปรมาจารย์เย่ ตราบเท่าที่ท่านจะรับสั่งสอนข้า หยุนยี่ผู้นี้จะทำทุกสิ่งอย่างตามที่ท่านต้องการ หยุนยี่แค่ต้องการให้ปรมาจารย์เย่นั้นช่วยให้โอกาสข้าด้วย”

เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นแทบจะล้มพับลง เรื่องราวเช่นนี้มันเหนือล้ำเกินกว่าที่เขาจะคาดหมายไว้มากมาย

เหลนแท้ๆ ของเขาคนนี้ไม่คิดเลือกตัวเขาแต่กลับไปกราบเท้าคนผู้อื่น

และนอกจากจะคิดไปกราบเท้าผู้คนแล้ว อีกฝ่ายผู้นั้นยังไม่คิดจะรับมันไว้แม้แต่น้อย

และนอกจากเย่หยวนจะไม่รับแล้ว หยุนยี่ยังคิดไปก้มหัวขอร้องอีกฝ่ายอีกด้วย

เช่นนี้เขาจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ใด?!

“หยุนยี่? หากข้าจะไม่ผิดเจ้าคงเป็นเหลนของพี่ดันหยู่แล้ว?”

หยุนยี่กระตุกขึ้นมาทันทีก่อนจะพยักหน้ารับ “ขอรับ ท่านดันหยู่นั้นเป็นทวดของหยุนยี่คนนี้เอง!”

เย่หยวนหันไปมองดูหยุนยี่ด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “เช่นนั้นหากข้าบอกว่าเงื่อนไขคือให้เจ้าตัดขาดสายสัมพันธ์กับเทพสวรรค์ดันหยู่เล่า? เจ้าจะทำได้หรือไม่?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมาคนทั้งหลายก็สั่นสะท้านไปทั้งกายทันที

เพราะการกระทำนี้ของเย่หยวนมันชั่วร้ายจนถึงที่สุด!

เทพสวรรค์ดันหยู่ที่ได้ยินถึงกับต้องลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าเย่หยวน “เย่หยวน เจ้าจะทำเกินไปแล้ว!”

แต่เย่หยวนกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ตอบกลับไป “ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าไม่รับศิษย์อีก แต่เป็นเขาเองที่คิดอยากให้ข้าสั่งสอน เช่นนั้นข้าจึงแค่กล่าวเงื่อนไขออกมา เรื่องที่ว่าเขาจะยอมรับมันหรือไม่นั้นมันย่อมขึ้นอยู่กับตัวของเขาเอง”

พูดจบเขาก็หันไปมองหยุนยี่ “ว่าอย่างไรเล่า?”

แต่หยุนยี่นั้นส่ายหัวกลับมาอย่างหนักแน่น “ท่านทวดทั้งเอ็นดู ดูแลข้ามามีบุญคุณเหนือล้ำสวรรค์ มันไม่มีทางใดที่หยุนยี่จะตัดท่านทวดทิ้งได้ นายท่านโปรดเสนอเงื่อนไขอื่นมาด้วยเถิด!”

เมื่อเทพสวรรค์ดันหยู่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มเยาะออกมา “เหลนตระกูลหยุนของข้า! เจ้าเด็กเย่หยวน เจ้าอย่าคิดว่าจะได้มาหว่านความแตกแยกให้แก่ตระกูลของข้าแยกจากทวดเหลนเราได้เลย!”

เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจใดๆ เทพสวรรค์ดันหยู่อีกและมองดูหยุนยี่ด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นหากข้าบอกว่ามีแค่เงื่อนไขนี้เล่า?”

หยุนยี่ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกและค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “หากเป็นเช่นนั้นหยุนยี่คงไม่อาจกราบท่านเป็นอาจารย์ได้แล้ว ลาก่อน!”

พูดจบหยุยี่ก็หันหน้าเดินจากไปทันทีอย่างไม่มีท่าทีจะหันกลับมาใดๆ

“หากเจ้าคิดจะกราบข้าเป็นอาจารย์จริงก็ไปที่หอโอสถของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์และใช้ความสามารถที่มีออกมา ไปเป็นเด็กห้องโอสถ บางทีสักวันข้าอาจจะพิจารณารับเจ้า”

ขณะที่หยุนยี่หันหน้ากลับไปเย่หยวนก็กล่าวขึ้นมา

หยุนยี่สั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะหันหน้ากลับมามองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “ปรมาจารย์เย่ นี่… ท่านพูดจริงหรือ?”

เย่หยวนตอบกลับไป “หากเมื่อสักครู่นี้เจ้ามีท่าทีลังเลแม้แต่น้อยข้าคงไม่มีทางรับแน่ หากคิดจะเป็นศิษย์ข้าแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือความประพฤติ อันดับสองคืออารมณ์นิสัย และพรสวรรค์นั้นมันถูกจัดอยู่แค่ในอันดับที่สามเท่านั้น หากคนผู้นั้นสามารถจะทรยศได้แม้แต่กับตระกูลตนเองแล้วมีพรสวรรค์มากมายไปจะช่วยอะไรได้?”

หยุนยี่มองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึง เขาเพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคำถามเมื่อสักครู่นี้เย่หยวนแค่คิดทดสอบตัวเขา

หากตัวเขายอมรับไปจริงๆ นั่นต่างหากถึงจะเป็นการสอบตก

หยุนยี่ก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวนอย่างตื่นเต้นดีใจ “ศิษย์ขอคารวะนายท่าน หยุนยี่จะเดินทางไปที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ในทันที!”

เย่หยวนพยักหน้ารับโดยไม่ตอบกลับใดๆ ไป

หยุนยี่นั้นหันไปคุกเข่าลงต่อหน้าเทพสวรรค์ดันหยู่และกล่าว “ท่านทวด เหลนนั้นไม่รักดี แต่เหลนนั้นก็อยากจะตามหาเส้นทางของตนเอง ปรมาจารย์เย่นั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด! ข้ารู้ดีว่าท่านทวดอาจไม่เข้าใจแต่หากท่านได้รู้ถึงความเก่งกาจของหนิงซืออวี๋แล้วท่านจะเข้าใจทุกอย่างได้แจ่มชัด!”

พูดจบหยุนยี่ก็หันหน้าเดินจากไปอย่างไม่คิดหันหลังกลับ เดินจากไปทิ้งให้คนด้านหลังได้แต่ทำหน้ามึนงง

เรื่องนี้มันทำให้หลัวเทียนฉีเบิกตากว้างอย่างมีความหวังก้มลงคุกเข่า “นายท่าน ท่านจะช่วยมอบโอกาสให้เทียนฉีผู้นี้ด้วยได้หรือไม่?”

เย่หยวนกล่าวออกมา “พวกเจ้าทั้งหลาย ใครคิดจะไปก็ไปได้ แต่พวกเจ้าจงคิดให้ดีก่อนเถิด การทดสอบนี้มันไม่ง่ายแน่”

เมื่อทุกผู้คนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็แทบจะลุกขึ้นเต้น

เมื่อเย่หยวนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย้ยขึ้นมาในใจ

คนทั้งหลายนี้คงจะดูถูกการทดสอบของเขาอยู่เป็นแน่ พวกเขาทั้งหลายนี้ล้วนเป็นนายน้อยคุณหนูจากตระกูลใหญ่โต มีหรือที่จะทนทานความยากลำบากได้มากมาย?

เขาคิดว่าแค่ผ่านให้ถึงหนึ่งในสิบมันก็ดีเกินคาดแล้ว

………………………