ตามข้อตกลงที่เย่เจียงไห่สัญญาไว้กับหลิงตู้ฉิงก็คือ เขาจะต้องมอบรางวัลที่เขาได้จากสวรรค์ให้กับหลิงตู้ฉิงโดยไม่มีข้อแม้ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบแทนที่หลิงตู้ฉิงช่วยให้เขาสำเร็จเต๋าเร็วขึ้นกว่าเดิม
แต่แล้วพอถึงเวลาจริง รางวัลที่เขาได้มันดันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างมาก เขาจึงรู้สึกลังเลอยากจะใช้มันเอง
หลังจากต่อสู้กับความโลภในใจของตัวเองเป็นเวลาพักใหญ่ ในที่สุดเย่เจียงไห่ก็ถอนหายใจ และพูดว่า “รับมันไป!”
เมื่อพูดจบ เขาบังคับให้ลูกแก้วสีแดงที่อัดแน่นไปด้วยพลังธาตุไฟลอยไปหาหลิงตู้ฉิงทันที
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาใช้อาณาเขตสวรรค์ของเขาในการดูดซับลูกแก้วสีแดงที่เย่เจียงไห่ส่งมาให้
“น้องเขย อาณาเขตสวรรค์ของเจ้านี่แปลกประหลาดดีจริง ๆ!” เย่เจียงไห่มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าประหลาดใจและพูดขึ้น
อันที่จริงหากไม่ใช่เพราะว่าเย่เจียงไห่สำเร็จเต๋าของตัวเองเรียบร้อย และเต๋าของเขานั้นมีรูปแบบที่ไม่เหมือนคนอื่น เขาจะไม่มีวันสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของอาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงได้เลย
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจจะคุยเรื่องอาณาเขตสวรรค์ของเขาเอง เขายิ้มและพูดกับเย่เจียงไห่ว่า “ต่อให้เจ้าดูดซับแก่นแท้พลังงานนี้เข้าไป อนาคตของเจ้าก็ไม่มีวันก้าวผ่านขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์ไปได้ แต่ยังโชคดีที่เจ้าเลือกที่จะรักษาสัญญา ซึ่งมันทำให้ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือทำให้ในอนาคตเจ้าจะสามารถก้าวผ่านขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน”
เย่เจียงไห่ยิ้มอย่างจนใจและพูดว่า “ข้าหวังว่าอนาคตที่เจ้าพูดถึงจะเป็นความจริง!”
“เจ้าจะได้เห็นผลลัพธ์มันเร็ว ๆ นี้!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะในเมื่อตอนนี้เจ้าสำเร็จเต๋าได้แล้ว แผนการกำจัดสำนักเงินตราของข้าก็ถือได้ว่าก้าวหน้าไปอีก 1 ขั้น อีก 20 ปีถัดไปเจ้าและคนของเจ้าจงเดินทางไปตามตำแหน่งนี้และรอข้าที่นั่นเพื่อเริ่มแผนการต่อไป อ๋อ เจ้าห้ามบอกคนอื่นเกี่ยวกับตำแหน่งนี้เด็ดขาด เพราะยิ่งมันเป็นความลับมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็บอกตำแหน่งของภูเขาเอ้อหลงให้กับเย่เจียงไห่ได้รู้
เย่เจียงไห่พยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่บอกใครแน่นอน ข้าเข้าใจดีถึงความสำคัญในเรื่องนี้”
“ก็ดี เจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อมในระหว่างนี้แล้วพวกเราค่อยพบกันใหม่ ข้าไปก่อนล่ะ!” เมื่อพูดจบร่างของหลิงตู้ฉิงก็หายออกไปจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน
ทางด้านของเย่เจียงไห่ เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงจากไปแล้ว ทันใดนั้นความรู้สึกแปลก ๆ มันก็ก่อเกิดในใจของเขา
ในชีวิตนี้เขาสำเร็จเต๋าเร็วกว่าที่คาดไว้ แถมเขายังได้ทำข้อตกลงที่ส่งผลให้เขาอาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าชีวิตที่แล้ว
แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามันไม่มั่นคงก็ไม่รู้?
เย่เจียงไห่ครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาเรียกมู่เฉียนหลง และเหล่าตัวตนระดับสูงของตำหนักเขาให้เข้ามาหา
ไม่นานต่อมา มู่เฉียนหลงและคนอื่น ๆ ก็เข้ามาหาพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะเจ้าตำหนักของพวกเขาได้กลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าในตำนานแล้ว!
“คารวะท่านอาจารย์/คารวะท่านเจ้าตำหนัก!” มู่เฉียนหลงและคนอื่น ๆ ประสานมือคารวะ
เย่เจียงไห่พยักหน้าและพูดว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะสำเร็จเต๋าแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่คิดจะขึ้นไปอยู่โลกเบื้องบนเร็ว ๆ นี้ และในระหว่างนี้ที่ข้ายังอยู่ที่นี่ข้าจะบรรยายเต๋าให้กับพวกเจ้าฟังบ่อยขึ้นเพื่อที่พวกเจ้าจะได้บ่มเพาะกันได้อย่างถูกต้องมากขึ้น และสามารถปกป้องสถานที่แห่งนี้ได้ในอนาคตในตอนที่ข้าจากไปแล้ว”
ทุก ๆ คนต่างโค้งคารวะด้วยความยินดีเพราะว่าการมีผู้สำเร็จเต๋าบรรยายเต๋าให้ฟังมันนับได้ว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด!
ในเวลาเดียวกัน ตอนนี้หลิงตู้ฉิงได้เดินทางกลับไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเจอกับเย่ชางคงและมู่หลงหยานอีกรอบ เขาก็พูดขึ้นว่า “เป็นเย่เจียงไห่ที่ทะลวงระดับสำเร็จ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชางคงและมู่หลงหยานต่างรู้สึกประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าลูกชายของพวกเขาจะกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าได้เร็วมากขนาดนี้
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก มู่หลงหยานก็เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าลังเลว่า “เขาสบายดีใช่ไหม?”
ตอนนี้นางไม่แน่ใจว่าลูกชายของนางจะยังนับถือนางเป็นแม่อยู่หรือไม่โดยเฉพาะหลังจากที่เย่เจียงไห่สำเร็จเต๋าได้แบบนี้ นางรู้สึกว่าความสัมพันธ์มันยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่พวกเจ้าก็ยังคงสามารถเรียกเขาว่าลูกได้ และในอีกไม่ช้าข้ามั่นใจว่าเขาจะต้องมาหาพวกเจ้าแน่นอน”
เย่ชางคงและมู่หลงหยานมองหน้ากันด้วยสีหน้าโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนี้
หลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจว่าคนทั้งคู่จะคิดอะไร เขาส่งตำแหน่งของภูเขาเอ้อหลงให้กับทั้งสองคนดื้อ ๆ และพูดต่อว่า “20 ปีถัดจากนี้พวกเจ้าทั้งคู่จงเดินทางไปตามตำแหน่งที่ข้ามอบให้ ข้ามีงานใหญ่จะให้พวกเจ้าได้เข้าร่วม ซึ่งข้ารับประกันว่าผลประโยชน์ที่พวกเจ้าจะได้รับนั้นมันคุ้มค่าแน่นอน”
“ตกลง!” มู่หลงหยานเก็บตำแหน่งที่หลิงตู้ฉิงมอบให้
เนื่องจากสถานการณ์ภายในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นยุ่งเหยิงเกินไป ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงไม่บอกรายละเอียดอะไรกับเย่ชางคงและมู่หลงหยานมากนัก เขาเลือกที่จะพูดขึ้นแบบกำกวมและจากไปในทันทีเมื่อพูดจบ
สถานที่ถัดไปที่หลิงตู้ฉิงเดินทางไปถึงก็คือตำหนักเทพยุทธ์
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินทางไปถึงตำหนักเทพยุทธ์ เขากลับเปลี่ยนโฉมหน้าของตัวเองเพื่อทำให้ทุก ๆ คนในตำหนักจำเขาไม่ได้
แน่นอนว่าที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะเขาต้องการที่จะมาเจอกับกวนหลิงอู่แบบลับ ๆ
“นายท่าน เกิดปัญหาอะไรขึ้นรึเปล่าท่านถึงแอบมาหาข้าด้วยตัวเองแบบนี้?” กวนหลิงอู่เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เมื่อหลิงตู้ฉิงลอบเข้ามาหาเขา
หลิงตู้ฉิงจ้องตากวนหลิงอู่ และถามว่า “ความสัมพันธ์ของเจ้ากับสำนักเงินตราเกี่ยวพันกันมากแค่ไหน?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ กวนหลิงอู่พอจะเดาอะไรบางอย่างได้ทันที ซึ่งมันทำให้เขารีบถามกลับ “นายท่าน ท่านต้องการจะบุกโจมตจีสำนักเงินตราใช่ไหม? ความสัมพันธ์ของข้ากับสำนักเงินตรานั้นถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ใกล้ชิดอะไรกันมากมาย แต่ก็นับได้ว่ารู้จักกัน ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านสำนักเงินตราพยายามเอาใจข้าโดยการส่งสมบัติมาให้ด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะข้าที่ไม่อยากติดค้างพวกเขา ข้าจึงส่งพวกมันกลับคืนไปทั้งหมดเรียบร้อย”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดีเลย! เนื่องจากตำหนักเทพยุทธ์ของเจ้ากับสำนักเงินตรานั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ข้าก็เลยกังวลว่าพวกเจ้าจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น! เหตุผลที่ข้าต้องการโจมตีสำนักเงินตรานั้นเป็นเพราะสาเหตุการตายของจางหมิงและชิวซุยนั้นเกิดขึ้นจากสำนักเงินตราเป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นข้าจำเป็นต้องให้พวกเขาชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป”
“และยิ่งไปกว่านั้นข้าจำเป็นต้องแสดงให้คนทั้งโลกเห็นตัวอย่างว่าการที่พวกเขาทำร้ายคนของข้ามันจะต้องเผชิญกับจุดจบแบบไหน เพื่อที่ในอนาคตหากใครอยากวางแผนจะทำร้ายคนของข้าอีกรอบ พวกมันจะได้ลังเลถึงผลที่จะตามมาที่พวกมันจะต้องเผชิญ”
กวนหลิงอู่พยักหน้า “ข้าเข้าใจความตั้งใจของนายท่าน! ข้ายินดีที่จะร่วมรบกับนายท่านในทุก ๆ สนามรบที่ท่านนำข้าไป และข้าจะเป็นแนวหน้าเปิดทางให้กับท่านเอง!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและยิ้ม “ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปิดทางเข้าไปในสำนักเงินตรา ตอนนี้ข้าได้ติดต่อผู้สำเร็จเต๋าผู้หนึ่งเพื่อให้เขารับหน้าที่เป็นคนทำลายค่ายกลป้องกันให้กับพวกเราแล้ว!”