ตอนที่ 933 เป่ายิ้งฉุบ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ฉินอวี้โม่แสดงทักษะการใช้แส้โจมตีที่ดูไม่ต่างจากกระบวนท่าของเซียงหร่วนมากนัก ทว่าพลังของมันที่ปลดปล่อยออกมานั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

วิชาแส้ของฉินอวี้โม่เฉียบคมกว่าและทุกกระบวนท่าที่แสดงออกมาก็ถี่และต่อเนื่องกว่ามากส่งผลให้ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริง ๆ !”

เซียงหร่วนซึ่งยืนนิ่งก็ถอนหายใจให้กับความน่าทึ่งของฉินอวี้โม่ขณะกล่าวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยประกาย

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป การเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่ก็หยุดลง

“ศิษย์พี่เซียงหร่วน ท่านจดจำกระบวนท่าทั้งหมดได้หรือไม่ ?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม อันที่จริงแส้ยาวเช่นนี้มิใช่อาวุธโปรดของฉินอวี้โม่ ทว่านางเคยมีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันมาบ้างซึ่งถือว่าชำนาญมากกว่าเซียงหร่วนเสียอีก อย่างไรก็ตาม นางไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันทักษะวิชาของตนเองกับอีกฝ่าย

“ข้าจดจำได้เกือบทั้งหมด ต้องขอบคุณศิษย์น้องอวี้โม่จริง ๆ”

เซียงหร่วนเรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วและก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อจับมือฉินอวี้โม่พร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างชัดเจน

“ศิษย์น้องอวี้โม่ หากข้าไม่เข้าใจสิ่งใด ข้าจะขอคำแนะนำจากเจ้าได้หรือไม่ ?”

นางกล่าวอย่างระแวดระวังด้วยกังวลว่าฉินอวี้โม่อาจปฏิเสธ

“หากข้ามีเวลา ข้าก็ยินดีช่วย อย่างไรก็ตาม ศิษย์พี่อย่าเรียกว่าขอคำแนะนำเลยเจ้าค่ะ เรียกว่าเป็นการหารือและฝึกปรือฝีมือกันจะดีกว่า”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับพร้อมรอยยิ้ม นางรู้สึกถูกชะตากับเซียงยู่และเซียงหร่วนจากฝั่งขวาไม่น้อยเลย

“เยี่ยม เยี่ยมไปเลย !”

เซียงหร่วนแทบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก่อนวิ่งลงจากสังเวียนและเข้าไปกอดเซียงยู่ไว้แน่น

ฉินอวี้โม่เพียงส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างจนปัญญาและเดินกลับไปยังที่นั่งของตน

ความประทับใจที่ศิษย์ฝั่งขวามีต่อฉินอวี้โม่เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง หลายคนที่เคยเป็นปฏิปักษ์กับนางในตอนแรกและคิดว่านางเพียงตีสองหน้าก็เริ่มรู้สึกว่าฉินอวี้โม่ยินดีแบ่งปันทักษะวิชาของตนให้กับคนอื่น ๆ และต้องการช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับทุกคนอย่างแท้จริง

เมื่อศิษย์ฝั่งซ้ายเห็นสายตาชื่นชมที่ศิษย์ฝั่งขวาหลายคนใช้มองฉินอวี้โม่ ทุกคนก็ดูภาคภูมิใจในทันที

และในตอนนั้นเองที่บรรยากาศของการแข่งขันประชันฝีมือก็ดีขึ้นมาก

การประชันฝีมือยังคงดำเนินต่อไปและเมื่อถึงช่วงเที่ยงวัน ผู้เข้ารอบก็เหลือเพียงสิบสองคนเท่านั้น

“ถัดไป ทุกคนที่ผ่านเข้ารอบสิบสองคนจะต้องจับฉลากและทำการต่อสู้อีกครั้ง ผู้ชนะจะได้เข้ารอบสิบคนสุดท้ายทันทีและผู้แพ้จะต้องประชันฝีมือต่อไปเพื่อตัดสินศิษย์สิบอันดับแรกของการประชันฝีมือนี้”

ผู้อาวุโสใหญ่ประกาศกฎสำหรับการประชันฝีมือในรอบต่อไปก่อนให้ทุกคนจับฉลากหมายเลขของตน

อย่างไรก็ตาม ในรอบสุดท้ายนี้ ฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนก็เคราะห์ร้ายเป็นอย่างยิ่งที่จับมาเจอกัน

“เราจะทำอย่างไรกันดี ?”

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างจนปัญญา

ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสอง หากต้องต่อสู้กันจริง ๆ คงไม่มีทางที่จะตัดสินผู้ชนะได้ในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน ต่อให้คนใดคนหนึ่งพ่ายแพ้ในรอบนี้ ทั้งสองก็จะไม่เผชิญกับปัญหาในการต่อสู้อีกครั้งเพื่อผ่านเข้ารอบสิบคนสุดท้าย เพียงแต่ทั้งสองไม่ต้องการต่อสู้กันเองเท่านั้น

“เป่ายิ้งฉุบ”

ฉินอวี้โม่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ

“ได้เลย !”

อวิ๋นซื่อเทียนพยักศีรษะและเห็นด้วยกับวิธีการนี้

“แม่เจ้า รอบนี้ศิษย์น้องอวี้โม่และศิษย์น้องซื่อเทียนต้องต่อสู้กันเอง !”

เมื่อทุกคนทราบถึงผลของการจับฉลาก ใครคนหนึ่งก็อดอุทานออกไปไม่ได้

ฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนคือศิษย์มากพรสวรรค์ที่สุดในนิกายหมื่นบุปผาในตอนนี้ ถึงแม้ยังไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอวิ๋นซื่อเทียน บรรดาศิษย์ฝั่งซ้ายก็รับรู้ได้ว่าพลังของนางและฉินอวี้โม่น่าจะอยู่ในระดับไล่เลี่ยกัน

เมื่อต่อสู้กับศิษย์พี่หลายคนก่อนหน้านี้ อวิ๋นซื่อเทียนก็เอาชนะมาได้อย่างง่ายดาย และหนึ่งในคนเหล่านั้นก็คือศิษย์พี่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหลียนอู้เสียอีก

ศิษย์เหล่านั้นต่างก็สงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมาก อวิ๋นซื่อเทียนและฉินอวี้โม่…ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน พวกนางตั้งตารอดูการประชันฝีมือระหว่างทั้งสองอย่างใจจดใจจ่อ

“เจ้าคิดว่าศิษย์น้องคนใดจะเป็นผู้ชนะ ?”

ศิษย์ฝั่งซ้ายคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อย่างชัดเจน

“ข้าก็ไม่แน่ใจ ความแข็งแกร่งของศิษย์น้องทั้งสองน่าจะไล่เลี่ยกัน ศิษย์น้องอวี้โม่เอาชนะศิษย์พี่เหลียนซวง เหลียนอู้และหมิงเยี่ยนได้อย่างสบาย ๆ ทว่าศิษย์หลายคนที่แพ้ศิษย์น้องซื่อเทียนก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองยังไม่ได้แสดงฝีมืออย่างสุดความสามารถ มันจึงยากที่จะบอกได้ว่าผู้ใดจะเอาชนะได้ในครานี้”

จู๋เซียงส่ายศีรษะเบา ๆ นางและสหายอีกสามคนสนิทสนมกับฉินอวี้โม่มากที่สุดในนิกายหมื่นบุปผาแห่งนี้ พวกนางทราบดีว่าความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนอยู่ในอันดับต้น ๆ ของบรรดาศิษย์ นอกจากนี้ ทั้งสองยังมีไพ่ตายที่ซ่อนไว้อีกมากมายส่งผลให้ยากที่จะคาดเดาได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ

“ข้ามั่นใจว่าศิษย์น้องอวี้โม่จะเป็นฝ่ายชนะ ทักษะยุทธ์และความสามารถในการต่อสู้ของนางพิเศษเป็นอย่างมาก ตราบใดที่นางแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาก็คงยากที่ศิษย์น้องซื่อเทียนจะรับมือได้”

หมิงเยี่ยนซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้กล่าวด้วยความมั่นใจ การประชันฝีมือกับฉินอวี้โม่ด้วยตัวเองก่อนหน้านี้ทำให้นางรู้สึกถึงความไร้พลังอย่างแท้จริง ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อยทำให้ยากที่จะโจมตีถึงตัวนางได้ แม้ความแข็งแกร่งของอวิ๋นซื่อเทียนจะอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา ทว่าการที่จะขัดขวางการโจมตีของฉินอวี้โม่นั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยและโอกาสเอาชนะก็ถือว่าน้อยมาก

“ข้าก็คิดว่าศิษย์น้องอวี้โม่จะชนะเช่นกัน นางแข็งแกร่งเกินไปและดูเหมือนไม่มีทางเลยที่ผู้ใดจะเอาชนะนางได้”

ศิษย์อีกคนเห็นด้วยและมั่นใจว่าฉินอวี้โม่จะเป็นฝ่ายชนะเช่นกัน

คนอื่น ๆ ก็แสดงความคิดเห็นตาม ๆ กันและส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อว่าผู้ที่จะชนะการประชันฝีมือในคู่นี้คือฉินอวี้โม่ ศิษย์ส่วนหนึ่งก็มีทัศนคติที่เป็นกลางและรู้สึกว่าทั้งสองมีโอกาสเอาชนะเท่ากัน มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่สนับสนุนว่าอวิ๋นซื่อเทียนจะเป็นผู้ชนะ

“เฮ้อ เห็นทีการเก็บตัวเงียบและซ่อนฝีมือไว้จะมิใช่เรื่องดีเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าคะแนนความนิยมของข้าจะน้อยนิดเช่นนี้”

อวิ๋นซื่อเทียนแสร้งแสดงสีหน้าน้อยอกน้อยใจขณะเดินขึ้นบนสังเวียนไปกับฉินอวี้โม่

ตอนนี้ยังเร็วเกินกว่าจะยืนยันสิ่งใดได้แน่ชัด การประชันฝีมือหลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ศิษย์ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ทันทีที่ฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนก้าวขึ้นบนสังเวียน พวกนางก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ทันที แม้แต่ศิษย์ที่ก้าวขึ้นบนสังเวียนเพื่อเตรียมต่อสู้ก็เข้าใจตรงกันและต้องการรอดูผลชัยชนะในคู่ของฉินอวี้โม่ก่อนเริ่มการประชันฝีมือของพวกตน

“อีกประเดี๋ยวทุกคนจะไม่อ้าปากค้างหรอกรึ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนและฉินอวี้โม่พูดคุยกันอย่างสบาย ๆ โดยไม่รีบร้อนต่อสู้

“ก็เป็นไปได้”

ในตอนนี้ศิษย์เกือบทั้งหมดตั้งตารอชมการประชันฝีมือระหว่างพวกนาง หากทราบว่ามันเป็นเพียงแค่การเป่ายิ้งฉุบเพื่อตัดสินผู้ชนะ คนเหล่านั้นก็คงจะอ้าปากค้างเป็นแน่

“ดูนั่นสิ เหลียนซวงก็จับจ้องมาทางพวกเราเช่นกัน ข้าเชื่อว่านางคงอยากเห็นว่าเจ้ามีไพ่ตายใดซ่อนไว้”

เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเหลียนซวง อวิ๋นซื่อเทียนก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

หากต้องการเห็นว่าฉินอวี้โม่ซ่อนไพ่ตายใดเอาไว้เพื่อหาทางรับมือล่วงหน้าก็นับว่าเหลียนซวงผู้นี้ชาญฉลาดไม่น้อยทีเดียว

น่าเสียดายที่ฉินอวี้โม่ยังไม่พบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากพอ เพราะเหตุนั้น นางจึงไม่มีความจำเป็นต้องเปิดเผยไพ่ตายที่มีและนั่นหมายความว่าเหลียนซวงไม่มีโอกาสได้ทราบถึงมัน

“ข้าได้ยินว่าหลังจากที่ได้เป็นสิบคนสุดท้าย เจ้าสามารถเลือกคู่ต่อสู้ที่อยากจะประชันฝีมือได้เองและจะได้อันดับของคนผู้นั้นเมื่อเอาชนะได้ ดูเหมือนว่าอันดับที่หนึ่งของการประชันฝีมือภายในคราก่อนจะเป็นเหลียนซวง”

หลังจากเข้ารอบสิบคนสุดท้าย คนเหล่านั้นจะได้ต่อสู้ตัวต่อตัวกับศิษย์สิบอันดับแรกจากการประชันคราก่อนและจะได้อันดับของคนผู้นั้นมาครองเมื่อเอาชนะได้สำเร็จซึ่งจะเป็นอันดับสุดท้ายของการประชันฝีมือในครานี้ เหลียนซวงเป็นผู้ครองอันดับหนึ่งจากการประชันฝีมือคราก่อนและเป็นคู่ต่อสู้ที่ฉินอวี้โม่ต้องการท้าดวลด้วย เมื่อใดที่นางเอาชนะได้สำเร็จ นางก็จะคว้าอันดับหนึ่งของการประชันฝีมือภายในของนิกายหมื่นบุปผามาได้อย่างง่ายดาย

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องเลือกแล้วว่าจะท้าดวลกับศิษย์พี่คนใดดี”

เดิมทีอวิ๋นซื่อเทียนก็ต้องการท้าดวลกับเหลียนซวงเช่นกัน ทว่าทราบถึงความบาดหมางระหว่างฉินอวี้โม่และเหลียนซวงเป็นอย่างดี นางจึงไม่คิดแย่งคู่ต่อสู้ ความสัมพันธ์ระหว่างนางและสี่ยอดสตรีงามก็สนิทสนมกันดี อวิ๋นซื่อเทียนจึงไม่มีทางท้าสู้กับศิษย์พี่เหล่านั้นเพื่อชิงอันดับของพวกนางมาครองอย่างแน่นอน

“เอาหน่า ค่อยคุยกันหลังจากผ่านรอบนี้เถอะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและทั้งสองก็เริ่มต้น ‘การประชันฝีมือ’