อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1097 คือเขา

บวกกับกู้ชูหน่วน ทั้งหมดมีหมอสิบเอ็ดคนเข้าไปในหอกระบี่

จักรพรรดินีไม่อยู่ในหอกระบี่ คนที่พาพวกเขาเข้ามาในหอกระบี่ เป็นสาวใช้ประจำตัวอายุสามสิบคนหนึ่งชื่อไป่หนิง

ไป่หนิงติดตามจักรพรรดินีมานานหลายปี จักรพรรดินีไว้วางใจอย่างมาก ลักษณะท่าทีของนางเยือกเย็นสุขุม ฉลาดและมีความสามารถ จักรพรรดินีมอบหมายงานให้นางจัดการอยู่ไม่น้อย ต่อให้เป็นขุนนางในราชสำนัก ก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินนาง

กู้ชูหน่วนกลับรู้จากฝีเท้าของนางว่า สาวใช้คนนี้มีวิทยายุทธอย่างไม่ด้อย อย่างน้อยก็ไม่ด้อยกว่านาง

“หากรักษาคุณชายเย่ได้ พวกเจ้าจะเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งในอนาคต หากรักษาไม่ได้ ศีรษะบนคอของพวกเจ้าก็ไม่ต้องเอาแล้ว” ไป่หนิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

พวกหมอตอบรับอย่างสั่นเทา เกรงกลัวว่าจะทำตรงไหนได้ไม่ดี จนทำให้ถึงแก่ชีวิต

“คุณชายเย่อยู่ข้างใน พวกเจ้าเข้าไปรักษาทีละคน”

กู้ชูหน่วนเงยหน้ามองไปข้างใน

เห็นข้างในหอกระบี่ที่หรูหรา มีเตียงรูปทรงกลมอยู่หนึ่งเตียง ข้างเตียงมีผ้าม่านโปร่ง ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง พัดปลิวชายผ้าม่าน ทั้งงดงามและโรแมนติก ราวกับอยู่ในดินแดนแห่งเทพ

สิ่งที่ทำให้กู้ชูหน่วนอึ้งไม่ใช่เตียงรูปทรงกลมเตียง

แต่เป็นคนที่นอนอยู่บนเตียงรูปทรงกลม

ผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกล่ามด้วยโซ่เหล็ก ปากก็ถูกผ้าขาวยัดไว้

ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เซียวหยู่เซวียน

แต่เป็นเย่จิ่งหาน ที่ยังไงนางก็คิดไม่ถึง

เย่จิ่งหาน……

เป็นเขาได้อย่างไร?

อยู่บนภูเขาหัวสุนัข เพื่อช่วยเหลือพวกเขา เขาต่อสู้อยู่กับศัตรูเพียงลำพัง

แล้วนางก็มาตกอยู่ในวังอย่างแปลกประหลาด พวกเซียวหยู่เซวียนก็ไร้ร่องรอย

หรือหลังจากที่พวกเขาไปแล้ว เขาก็หลงเข้าไปในค่ายกล มาถึงวังแคว้นน้ำแข็ง?

เมื่อมองดูเย่จิ่งหานอีกครั้ง เขายังคงสวมหน้ากากผี ตรงที่หน้ากากไม่ปกคลุมสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาไร้เลือดฝาด ริมฝีปากขาวซีดจนแห้งแตก แม้แต่ดวงตาคู่นั้นก็ไม่สดใสเหมือนอย่างที่ผ่านมา

ลมหายใจจาง ๆ บนร่างกายของเขาบ่งบอกทุกอย่างว่า เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก

สาหัสอย่างที่สุด

ไม่แปลกที่เขาไม่มีแรงกำลังต่อต้าน

ไม่รอให้ได้สติกลับมา สาวใช้ไป่หนิง ก็ตะคอกพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโหว่า

“ล้วนเป็นหมอไม่ได้เรื่อง ลากออกไปตัดหัวให้หมด”

“ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิต ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิต ใช่ว่าพวกเราไม่รักษา แต่เป็นเพราะเขาอาการสาหัสอย่างมาก ไม่สามารถที่จะรักษา…..”

“ปัง…….”

ไป่หนิงสะบัดแขนเสื้อยาว โยนพวกหมอหลายคนออกไปอย่างรุนแรง จนทำให้พวกหมอหลายคนตายคาที่ เลือดสดๆไหลนองเต็มพื้น

ไป่หนิงพูดเตือนหมอคนอื่นอย่างเย็นชาว่า “ไม่ว่าใครในวัง ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน พวกเจ้าสามารถทำได้เพียงสามารถรักษาได้เท่านั้น”

พวกขันทีราวกับเคยชินแล้ว แต่ละคนลากศพคนตายออกไปอย่างคล่องแคล่ว แล้วก็เช็ดถูพื้นให้สะอาด สุดท้ายก็หายตัวไป รวดเร็วราวกับเป็นเหมือนเพียงความฝัน

หมอที่เหลือแต่ละคนมือเท้าอ่อนแรง

ได้ยินมาแต่แรกแล้วว่าจักรพรรดินีเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน พวกเขามาพร้อมความหวังริบหรี่ หากสามารถรักษาคนให้หายได้ ตลอดชั่วชีวิตนี้พวกเขาก็จะเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง

แต่พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่า ผลของการรักษาไม่ได้คือต้องตาย

รู้แบบนี้แต่แรกพวกเขาก็ไม่มาแล้ว ยังจะอยากได้ความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งอะไร

แล้วก็หมออีกคนหนึ่งเดินหน้าไปอย่างสั่นเทา เขาอยากตรวจชีพจรให้กับเย่จิ่งหาน แต่เย่จิ่งหานหันมามองอย่างดุดัน

หมอสั่นเทาไปทั้งตัว

พลังแข็งแกร่งมาก

ผู้ชายคนนี้บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงยังมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้

ต่อให้พวกเขาโง่แค่ไหนก็เข้าใจ ผู้ชายคนนี้มีสถานะสูงศักดิ์ ไม่ยอมให้ล่วงละเมิด ยังไงก็ไม่ใช่คนธรรมดา

หากเป็นปกติ เขาไม่กล้าตรวจรักษาให้เขาแน่นอน

แต่ตอนนี้…..

เขาจำต้องไปตรวจชีพจรให้เขาอย่างจำเป็น

ตรวจชีพจรเสร็จ สีหน้าขาวซีด แล้วก็คุกเข่าลง พร้อมพูดขอร้องว่า “ใต้เท้า เขา…เขาบาดเจ็บสาหัสเกินไป สามารถมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ถือว่าอัศจรรย์แล้ว ไม่…ไม่สามารถที่จะ…..”

“ลากออกไป”

“ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิต ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิต”

“ในเมื่อรักษาไม่ได้ จะรับคำสั่งอะไร เสียเวลา”

คนที่เหลือหลายคนต่างสั่นเทาไปหมด

หลังจากตรวจชีพจรแล้ว แต่ล่ะคนต่างคุกเข่าลงด้วยสีหน้าย่ำแย่

ทุกคนถูกตัดศีรษะโดยไม่มีข้อยกเว้น

ตอนนี้เหลือเพียงกู้ชูหน่วนคนเดียว

กู้ชูหน่วนถือกล่องยามาตรวจชีพจร

เจ้าคนดี

นี่อาการบาดเจ็บเทียบได้กับเซียวหยู่เซวียนแล้วมั้ง

โดยเฉพาะนี่เป็นการบาดเจ็บภายใน ระบบอวัยวะภายในแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

ฉันไม่รู้ว่าใครใช้พลังภายในอันลึกซึ้ง ช่วยต่อชีวิตให้เขา ไม่อย่างนั้นเขาคงไปหามัจจุราชแต่แรกแล้ว

ดวงตาทั้งคู่มองตากัน เขาเห็นร่างกายเย่จิ่งหานอึ้งเล็กน้อย แววตาหรี่ลงเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าเป็นนาง

ไม่รู้ว่าเป็นนางยังดี

รู้แล้วว่าเป็นนาง มือเท้าเย่จิ่งหานดิ้นรน ข้อมือที่ถูกโซ่ล่ามไว้มีเลือดไหลออกมา

กู้ชูหน่วนเห็นได้จากข้อมือที่มีรอยแผลเป็นของเขา

เขาดิ้นรนหลายครั้งแล้ว

ถูไถจนกระดูกข้อมือโผล่ออกมา

เพียงแต่ไม่รุนแรงเท่าเลว่อิ่งแบบนั้น

“หากเจ้าก็รักษาไม่ได้ งั้นเจ้าก็ไปพบมัจจุราชพร้อมกับพวกเขา” ไป่หนิงพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา

“รักษาได้ แต่บาดเจ็บสาหัสเกินไป ต้องการเวลาเสียหน่อย”

“นานเท่าไหร่?”

กู้ชูหน่วนครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก็พูดขึ้นว่า “ให้สามารถลงจากเตียง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน”

นางไม่ได้พูดโกหก

ด้วยอาการของเย่จิ่งหาน เวลาหนึ่งเดือนแล้วสามารถลงจากเตียงได้นั้นถือเป็นปาฏิหาริย์แล้ว

“นานเกินไป สามวัน สามวันเขาต้องลงจากเตียง”

“งั้นเจ้าก็ตัดศีรษะของข้าด้วยเถอะ” กู้ชูหน่วนยกมือ ไม่เกรงกลัวความตายเหมือนอย่างหมอคนอื่น

ขันทีที่อยู่ด้านข้างฟังแล้วก็เหงื่อแตกแทนนาง

ช่างเป็นลูกวัวเพิ่งเกิดไม่กลัวเสือจริงๆ

นี่อยู่ในวัง ใต้เท้าไป่หนิงพูดเพียงคำเดียวศีรษะของนางก็สามารถหลุดจากบ่า นางยังกล้าเหิมเกริมขนาดนี้

และแล้ว สายตาเยือกเย็นของไป่หนิงหรี่ลง พร้อมจ้องมองดูกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนให้นางจ้องมองอยู่อย่างเปิดเผย

“เจ้าควรคิดให้ดี ตัดหัวข้านั้นง่าย แต่เมื่อตัดหัวข้าแล้ว บอลโลกนี้ก็จะไม่มีใครช่วยชีวิตเขาได้”

“เจ็ดวัน”

“บอกว่าหนึ่งเดือนก็คือหนึ่งเดือน หากรอไม่ไหว ก็ไปเชิญคนอื่นเถอะ”

“บังอาจ หากมีคนสามารถรักษาได้ จักรพรรดินียังจะต้องป่าวประกาศหาหมอทั่วทั้งใต้หล้าหรือ?”

“รอหนึ่งเดือน จะคืนเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ให้กับเจ้า หรือไม่ก็รอให้เขาตาย”

มือไป่หนิงที่อยู่ด้านหลังกำหมัดแน่น สายตาของมาจ้องมองดูกู้ชูหน่วน ราวกับอยากจะมองนางให้ทะลุ

“งั้นก็ตามที่เจ้าบอก หนึ่งเดือน หลังจากหนึ่งเดือน หากเจ้าไม่สามารถรักษาเขาให้หายได้ ถึงตอนนั้นจะไม่เพียงตัดหัวของเจ้า แต่จะตัดหัวของเจ้าทั้งเก้าชั่วโคตร”

กู้ชูหน่วนไม่สนใจนาง พลิกค้นหาของในกล่องยาของตนเอง หาชุดฝังเข็ม เครื่องมือรักษาออกมา

ขันทีน้อยคนหนึ่งเดินมาอย่างเร่งรีบ แล้วกระซิบพูดข้างหูไป่หนิง

ไป่หนิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดสั่งขันทีน้อยด้านข้างว่า “จับตาดูนาง นางอยากได้อะไรก็ให้ความร่วมมือ” แล้วก็ออกไปจากหอกระบี่

กู้ชูหน่วนกลอกลูกตาไปมาสองสามครั้ง

“ไปตัดไม้ไผ่มา เก็บก้นไม้ไผ่ไว้ด้วย ไม้ไผ่ท่อนหนึ่งเอามาทำเป็นถ้วย จากนั้นก็นำไปต้มในน้ำเดือด”

“ท่านหมอ ท่านจะเอาไม้ไผ่มาทำอะไร…..”

“จะเอามาทำอะไร ก็เอามาใช้รักษาไง”

“ขออภัย ใต้เท้าไป่หนิงให้พวกเราคอยจับตาดูท่าน พวกเราไปไหนไม่ได้”

“นางก็ยังพูดว่า ข้าต้องการอะไร พวกเจ้าก็ต้องให้ความร่วมมือไม่ใช่หรือ?”

“คือ……”

“ข้านั้นไม่เป็นไร หากไม่สามารถรักษาให้หายได้ ข้าก็ยังมีพวกเจ้าตายไปเป็นเพื่อน ไปยังโลกแห่งความตายก็ไม่โดดเดี่ยวเดียวดาย”

“คือ….ท่านหมอโปรดอภัย ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”

“ข้าต้องการฝังเข็มอย่างสงบเงียบ หากไม่มีคำสั่งของข้าใครก็ห้ามเข้ามา”

“แบบนี้….ไม่ค่อยดีมั้ง…..”

“ทำไม เจ้ากลัวว่าข้าจะหนีไปได้หรือ ที่นี่เป็นวังหลวง ข้าจะหนีไปได้หรือ?”

“ข้าน้อยไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าน้อยจะรีบปฏิบัติตาม” ขันทีไม่ค่อยไว้วางใจ

แต่ที่นี่เป็นวังหลวง ต่อให้นางมีปีกก็บินออกไปไม่ได้ ตั้งนั้นจึงพากันออกไปทั้งหมด

หอกระบี่ที่ใหญ่โต เหลือเพียงเย่จิ่งหานกับกู้ชูหน่วน