ตอนที่ 2200 เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2200 เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ

คงโง่เง่าเต็มทีหากไม่ยอมศึกษาภูมิปัญญาของเหล่าบรรพบุรุษและพยายามคิดค้นทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะหากทำแบบนั้น ก็มีแต่จะทำให้เหนื่อยยากโดยไม่จำเป็น

มีแต่ฐานข้อมูลความรู้อันกว้างใหญ่เท่านั้นที่จะทำให้เขาคิดค้นเทคนิควรยุทธที่ล้ำลึกกว่าเดิมได้ และนั่นคือวิธีที่เหมาะสมและยั่งยืนที่สุดในการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งกว่าเดิม

“นายน้อยจางเซวียน ตระกูลของเรามีหนังสือมากมายให้คุณได้ใช้”

“ตระกูลของเราก็สะสมหนังสือไว้มากเอาการ ผมจะให้บริวารของผมนำมาที่นี่ทันที!”

“ผมไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่ตระกูลของเราขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายของหนังสือเทคนิควรยุทธที่พวกเรามี…”

ยังไม่ทันที่อู๋ฟังชิงจะได้ตอบ กลุ่มชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังก็รีบอาสาให้บริการ

นี่คือโอกาสวิเศษสุดที่พวกเขาจะได้ประจบประแจงชายหนุ่ม จึงยิ่งกว่ายินดีที่จะทำแบบนั้น

“ผมขอรบกวนพวกคุณด้วยก็แล้วกัน”

เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างกระตือรือร้น จางเซวียนก็รับความปรารถนาดีของพวกเขาไว้ คนพวกนี้คงต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวแน่หากเขาไม่ให้โอกาสแก้ตัวที่เคยเย้ยหยันเขาต่างๆนานา

จางเซวียนเข้าสู่หอสมุดของคฤหาสน์เจ้าเมืองเป็นที่แรก เขาใช้เวลา 4 ชั่วโมงสำหรับการถ่ายโอนหนังสือที่อยู่ภายใน

หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายโอนหนังสือได้ไม่นาน กลุ่มชายวัยกลางคนก็กลับมาพร้อมกับหนังสือทั้งหมดที่พวกเขามี จางเซวียนจึงรีบถ่ายโอนหนังสือเหล่านั้นด้วย

กว่าจะเก็บเรียบก็ใช้เวลาอีก 6 ชั่วโมง

หนังสือส่วนใหญ่ในเมืองตะวันรอนถูกจำกัดอยู่แค่วรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นสูง มีจำนวนเพียงน้อยนิดที่ครอบคลุมวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เขามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าเดิมอีกมากเกี่ยวกับสรวงสวรรค์และเทคนิควรยุทธต่างๆที่ใช้ฝึกฝนกันที่นี่

“เราคิดว่าขั้นต่อไปของเราคงเป็นสายสัมพันธ์ของครูบาอาจารย์กับลูกศิษย์…” จางเซวียนคิด

หลังจากเหตุการณ์วันนี้ จางเซวียนก็พบทิศทางใหม่สำหรับเวทนาสวรรค์ขั้นต่อไป

แม้จะยังไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่เมื่อมีทิศทางที่ชัดเจนแล้ว การจะเติมเต็มแนวคิดให้สมบูรณ์แบบก็คงไม่ต้องใช้เวลานานนัก

และทันทีที่ทุกอย่างลงตัว เขาก็จะกลายเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้อย่างง่ายดาย

เป็นครูบาอาจารย์หนึ่งวัน, เป็นบิดาชั่วชีวิต

ด้วยวัฒนธรรมของทวีปแห่งปรมาจารย์ จางเซวียนรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของอาจารย์กับศิษย์ควรเป็นอย่างไร โดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้ใช้เวลากับจ้าวหย่าและคนอื่นๆแล้ว

แม้ทุกคนจะไม่ได้ผูกพันกันโดยสายเลือด แต่ก็เป็นยิ่งกว่าญาติสนิท

การนึกถึงบรรดาลูกศิษย์ของเขาทำให้จางเซวียนเกิดความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเป็นห่วงความปลอดภัย เสียใจที่ต้องพรากจากกัน ยินดีกับความสำเร็จของเด็กพวกนั้น อีกทั้งคาดหวังในอนาคตของพวกเขา…ความรู้สึกเหล่านี้อัดแน่นอยู่ในอก เหมือนของเหลวที่ค่อยๆไหลเลาะเข้าไปเติบโตอยู่ในหัวใจ

แม้จางเซวียนจะมีทุกอย่างพร้อม แต่การจะคิดค้นและฝึกฝนเทคนิควรยุทธที่เหมาะสมสักเทคนิคหนึ่งจนเชี่ยวชาญก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น แทนที่จะรีบร้อน เขาจึงตัดสินใจทำความเข้าใจสรวงสวรรค์ให้มากขึ้นก่อน

จางเซวียนดำดิ่งอยู่กับการศึกษาหาความรู้จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ต่อเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น “นายน้อย!”

เมื่อลืมตา ก็เห็นซุนฉางกับเซียนดาบชิงเหมิงยืนอยู่ตรงหน้า

ทั้งสามได้เป็นเทพเจ้า แถมยังยกระดับวรยุทธจนเป็นระดับเทพเจ้าขั้นสูงเทียบเท่ากับเขาด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น จางเซวียนยังรู้สึกได้ถึงความคมกริบของดาบที่เกิดจากการปรากฏตัวของพวกเขา เกิดเป็นรังสีที่ล้ำลึกจนยากจะหยั่งถึง

“ศิลปะเพลงดาบนั่น…” จางเซวียนขมวดคิ้ว

ในฐานะผู้คิดค้นหัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม เขาคือนักรบคนหนึ่งที่พบเส้นทางเพลงดาบของตัวเองแล้ว สามารถคิดค้นสไตล์ที่เป็นรูปแบบเฉพาะของตัวเองขึ้นได้ นี่คือสิ่งที่บรรดาผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบให้คำจำกัดความว่าเป็นระดับเหนือชั้น

จางเซวียนมองแวบเดียวก็ดูออกว่าเจตจำนงเพลงดาบที่ทั้งสามได้ฝึกฝนนั้นต่างไปจากเดิมมาก

อย่างศิลปะเพลงดาบที่เซียนดาบชิงเคยฝึกฝนก่อนหน้านี้ มันเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ของกาลเวลา ถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของการผสมผสานกันระหว่างความรวดเร็วและความเนิบช้า

แต่หลังจากได้ผ่านการฝึกฝนศิลปะเพลงดาบกับผู้แทนของน่านฟ้าดาบสวรรค์ เจตจำนงเพลงดาบของเซียนดาบชิงก็เปลี่ยนไป มันคล้ายกับป้อมปราการที่ถูกปิดตาย ถูกโอบล้อมด้วยแนวคิดของการ ‘ปกป้อง’

แม้การ ‘ปกป้อง’ จะมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า ‘ป้องกันตัว’ แต่สองคำนี้เป็นแนวคิดที่แตกต่างกันมาก

การป้องกันตัวคือการปัดป้องเจตนาร้ายต่างๆที่พุ่งเข้ามา เหมือนการทำหน้าที่ของกระดองเต่า แต่การปกป้องจะรวมถึงแนวคิดของการตอบโต้ด้วย มันคือการใช้ทุกวิถีทางเพื่อกำจัดภยันตราย

“นี่คือศิลปะเพลงดาบของน่านฟ้าดาบสวรรค์หรือ?” จางเซวียนถามด้วยความอยากรู้

“มันคือศิลปะเพลงดาบที่ผู้เชี่ยวชาญของน่านฟ้าดาบสวรรค์ถ่ายทอดให้พวกเรา ลูกผ่านความยากลำบากมามากมายตั้งแต่ยังเล็ก และพ่อกับแม่ก็ไม่อาจมอบความรักและการปกป้องในแบบที่พ่อแม่สักคนควรจะมีให้กับลูก เราจึงสาบานกันว่าจะไม่ปล่อยให้สิ่งใดทำอันตรายลูกได้อีก ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของเราก็ตาม” เซียนดาบชิงเหมิงพูดพร้อมกับพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

การต้องขจัดสายเลือดของลูกชายของเธอออกไปนั้นเกิดเป็นรอยแผลฝังลึกในหัวใจของเซียนดาบเหมิง ซึ่งไม่อาจเยียวยาได้ เธอจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นอีก

ซึ่งก็บังเอิญว่าแนวคิดของเจตจำนงเพลงดาบของน่านฟ้าดาบสวรรค์มีความกลมกลืนกับสภาวะจิตของเธอ ทำให้ศิลปะเพลงดาบของเธอพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ในเวลาไม่ถึง 1 วัน ไม่เพียงแต่เซียนดาบเหมิงจะก้าวเข้าสู่ความเชี่ยวชาญขั้นใหม่ในศิลปะเพลงดาบ วรยุทธของเธอยังเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก

จางเซวียนหันไปมองเซียนดาบชิง แม้อีกฝ่ายจะไม่พูดอะไร แต่แววตาของเขาก็เด็ดเดี่ยวไม่หวั่นไหวเหมือนกับเซียนดาบเหมิง

สุดท้าย จางเซวียนหันไปมองซุนฉาง อีกฝ่ายเกาหัวแกรกๆและอธิบาย “นายน้อย คุณคือ ผู้สนับสนุนคนสำคัญของผมและคอยดูแลผมตลอดมา ก็เป็นธรรมดาที่ผมจะต้องคอยระมัดระวังความปลอดภัยให้คุณ ถูกไหม? ไม่อย่างนั้น ผมจะคุยโวโอ้อวดกับคนอื่นได้อย่างไร?”

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนอดหัวเราะไม่ได้

แม้ศิลปะเพลงดาบของทั้งสามจะยังไม่อาจเทียบชั้นกับเขา แต่จางเซวียนก็ดีใจไม่น้อยที่เห็นว่าในที่สุดพวกเขาก็เก่งกาจพอที่จะปกป้องตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูออกด้วยว่าทั้งสามพร้อมจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างแล้ว

ด้วยอสูรระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างตัวหนึ่งกับระดับเทพเจ้าขั้นสูงอีก 4 ตัว แถมยังมีไก่น้อยด้วย ในที่สุดจางเซวียนก็มีพละกำลังและอำนาจมากพอที่จะมีที่ทางของตัวเองในสรวงสวรรค์

“เจ้าเมืองอู๋ ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินเรื่องของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไหม?” จางเซวียนถาม

ตอนที่เขาถ่ายโอนหนังสือเมื่อครู่ก่อน ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเลย แต่เท่าที่เขาฟังจากตู้ชิงหย่วน หลัวลั่วชิงจะต้องอยู่ในสรวงสวรรค์แน่

ก่อนหน้านี้ ด้วยความที่พละกำลังของเขายังอ่อนด้อย จางเซวียนวิตกว่าการตั้งคำถามมากเกินไปอาจทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก จึงไม่กล้าซักไซ้อะไรมากมาย แต่ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงแล้ว แถมอีกไม่นานก็จะออกจากเมืองตะวันรอน ก็ถึงเวลาที่ควรหาข้อมูลของหลัวลั่วชิงเสียที

การที่เธอเดินทางฝ่าปราการมิติของสรวงสวรรค์ได้ก็หมายความว่าอย่างน้อยที่สุดเธอน่าจะเป็นราชันย์เทพเจ้า และด้วยจำนวนของราชันย์เทพเจ้าในสรวงสวรรค์ที่มีจำกัด การจะหาข่าวของเธอก็ไม่น่ายากเกินไป

ขณะที่โม่หย่วนไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับราชันย์เทพเจ้าและจอมราชันย์ แต่ในฐานะเจ้าเมืองตะวันรอน อู๋ฟังชิงจะต้องมีความรู้มากกว่าโม่หย่วนแน่

“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ?” อู๋ฟังชิงครุ่นคิดครู่ใหญ่ก่อนจะส่ายหัว “ผมเกรงว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อนั้น สรวงสวรรค์ทั้งกว้างใหญ่และไร้ขอบเขต มีผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนตระเวนอยู่ทั่วดินแดน จึงแน่นอนว่าจะต้องมีผู้คนมากมายที่ผมไม่รู้จัก แต่ก็นั่นแหละ คุณรู้หรือเปล่าว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณที่คุณพูดถึงมีความสามารถพิเศษแบบไหน หรือเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้ใด? ผมคิดว่าหากคุณตั้งต้นสืบเสาะจากตรงนั้น ก็น่าจะดีกว่า”

มีการปลอมตัวและการใช้สมญานามอยู่มากมายในสรวงสวรรค์ แถมบางคนก็มีทั้งตัวปลอมและชื่อปลอมหลายชื่อ ยกตัวอย่าง คนส่วนใหญ่เรียกจอมราชันย์ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนว่าจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น แต่ก็มีบางคนเรียกเขาว่าปีศาจฮ่องเต้เฉียนคุ่น และอื่นๆ

แม้คำว่า ‘เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ’ จะไม่ได้ทำให้เจ้าเมืองอู๋คิดอะไรออก แต่ก็พอคาดเดาได้ว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณน่าจะมีความสามารถด้านไหน

“ความสามารถพิเศษ…ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องของการใช้ประโยชน์จากพิธีกรรม เธอสามารถเดินทางทะลุมิติได้ผ่านการประกอบพิธีกรรม” จางเซวียนตอบ

ตอนที่เขาพบหลัวลั่วชิงในทวีปแห่งปรมาจารย์ เทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ส่วนใหญ่ที่เธอสำแดงออกมาก็ล้วนเป็นเทคนิคที่ใช้กันอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ จึงไม่มีใครมองว่านั่นคือความสามารถพิเศษ

แต่หากจะพูดถึงวีรกรรมของเธอ การลงมาสู่โลกและขึ้นสู่สรวงสวรรค์ผ่านการประกอบพิธีกรรมก็ถือเป็นความสามารถที่ทรงพลังอย่างน่าทึ่ง

จากหนังสือที่เขาได้อ่าน เขาพบว่าแม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่อาจทำแบบนั้นได้

“เดินทางทะลุมิติ?” อู๋ฟังชิงขมวดคิ้ว “การเดินทางทะลุมิติที่คุณพูดถึงคงหมายถึงการเคลื่อนไหวข้ามมิติอย่างฉับพลันใช่ไหม? นั่นเป็นความสามารถที่มีแต่จอมราชันย์เท่านั้นที่ทำได้ ผมไม่คิดว่า ผมจะอยู่ในสถานภาพที่เหมาะสมต่อการพูดเรื่องนี้หรอก…ส่วนเรื่องพิธีกรรม ผมไม่แน่ใจสำหรับอีก 8 น่านฟ้าที่เหลือ แต่ผมรู้ว่าน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนของเรามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเรื่องนั้น เทพเจ้าสวรรค์สร้างและราชันย์เทพเจ้าส่วนใหญ่ในเมืองหลวงสามารถเรียกจิตวิญญาณของคนตายมาได้ผ่านการประกอบพิธีกรรม…”

“น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนเชี่ยวชาญเรื่องการประกอบพิธีกรรม?” จางเซวียนประหลาดใจ

“ใช่ ในทุกเมืองใหญ่ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน จะมีสิ่งหนึ่งที่พวกเราเรียกว่า ‘สระบาดาล’ ที่เมืองตะวันรอนก็มี มันซึมซับเอาจิตปรารถนาของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเพื่อก่อร่างจิตวิญญาณของวีรชนขึ้นอีกครั้ง กระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก แต่ก็ได้ผล” อู๋ฟังชิงพูด

“ซึมซับจิตปรารถนาเพื่อก่อร่างจิตวิญญาณของวีรชนขึ้นอีกครั้ง? จิตปรารถนาคืออะไร แล้วการก่อร่างจิตวิญญาณของวีรชนขึ้นอีกครั้งทำได้ด้วยวิธีไหน?” จางเซวียนออกจะงง