ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 777 ท่านโชคไม่ดี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อได้ยินจางเชาพูดถึงเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าของคังเม่าเซิงและคังจิ่นหยวนสองพี่น้องก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที

คังจิ่นหยวนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ดวงตาสาดประกายเย็นเยียบไม่หยุด

คังเม่าเซิงจ้องมองจางเชา เกิดความคิดมากมายในชั่วพริบตา

ตราประทับตะวันกับมงกุฎจันทราต่างถูกค้นพบในโลกแปดพิภพ ส่วนพวกจางเชา เมิ่งหวาน และถังหยงฮ่าวก็มาจากโลกแปดพิภพเหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอ

นี่ยังไม่ได้พูดถึงว่า พวกจางเชามีความเข้าใจต่อเยี่ยนจ้าวเกอมากล้ำยิ่งกว่าพวกตน คนในทะเลหวงเจีย หรือแม้แต่คนในสำนักแสงสว่าง

โดยเฉพาะทั่วทั้งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องต่างสนใจมาโดยตลอดว่า เยี่ยนจ้าวเกอกับตราประทับตะวันเกี่ยวข้องกับราชาพระอาทิตย์หรือไม่

คังเม่าเซิงมองจางเชา กล่าวอย่างเชื้องช้า “เรื่องนี้ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ อีกเดี๋ยวข้าจะแนะนำท่านให้ท่านพ่อรู้จัก ท่านไปพบท่านพ่อของข้าเถอะ”

จางเชาพยักหน้า “รบกวนท่านแล้ว”

หลังจากเขาเว้นครู่หนึ่งก็พูดต่อว่า “บิดาของท่านมีพลังสูงส่งยิ่ง คาดว่าครั้งนี้สำนักแสงสว่างคงจะพบกับความพินาศ

“แต่ที่นี่มีพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดม้วนพัด เจ้าสำนักแสงสว่างหลัวจื้อเทาเองก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอย่างกงจักรสุริยันจันทราติดตัว เกิดว่าเขาฉวยโอกาสหนีไปได้ ข้าบางทีอาจช่วยราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องตามหาที่อยู่ของเขาในภายหลังได้”

คังเม่าเซิงกับคังจิ่นหยวนดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

“ถ้าหากจำเป็นจริงๆ เช่นนั้นก็ประเสริฐ” คังเม่าเซิงว่า สายตาตกบนร่างเมิ่งหวาน มองดูมงกุฎจันทราบนศีรษะของนางเงียบๆ

จางเชามองเมิ่งหวานแวบหนึ่ง “มงกุฎจันทราชิ้นนี้ค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง ต้องเป็นสตรีที่ครอบครองจันทรากายถึงจะกระตุ้นได้”

คังเม่าเซิงพลันเข้าใจ “ที่แท้เป็นเช่นนี้ มิน่าเล่า…”

มิน่าของวิเศษเช่นนี้ สำนักแสงสว่างจึงไม่มีความสามารถครอบครองไว้ในมือของตัวเอง แต่ถูกเมิ่งหวานยึดไว้

เขามองจางเชาพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มงกุฎจันทรานี้ก็ยังคง…”

คังเม่าเซิงพูดได้ครึ่งหนึ่งก็พลันหยุด ลางสังหรณ์เกิดขึ้นในใจ หมุนตัวไปอีกทางทันที

“มงกุฎจันทรา ท่านอย่าคิดจะนำไปเลย” พร้อมกันนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของทุกคน

ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอโผล่ขึ้นด้านหน้าพวกจางเชา คังเม่าเซิง และเมิ่งหวาน

ด้านในวังที่เกิดจากซากเลือดเนื้อของเทาเที่ย เยี่ยนจ้าวเกอสวมอาภรณ์สีขาว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงิน เหมือนกับคุณชายเจ้าสำราญ

ด้านข้างเขายืนไว้ด้วยสตรีที่สวมอาภรณ์อันเป็นมาตรฐานของเขากว่างเฉิงผู้หนึ่ง เป็นเฟิงอวิ๋นเซิง

เมิ่งหวานที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด ดวงตากลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

เฟิงอวิ๋นเซิงสบตากับนาง ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แต่คนทั้งสองกลับยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา

เยี่ยนจ้าวเกอมองจางเชา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้ว่าจะเสียเวลาไปหลายปีเพราะสำนักแสงสว่าง แต่สุดท้ายแล้วมงกุฎจันทราจะต้องเป็นของเขากว่างเฉิง ครั้งนี้จะไม่ให้คนอื่นมารบกวนอีกแล้ว”

สายตาของเขาเลื่อนจากตัวจางเชาไปอยู่บนร่างคังเม่าเซิงและคังจิ่นหยวน

สายตาของคังจิ่นหยวนเต็มไปด้วยเพลิงโทสะและความเคียดแค้น อยากจะพุ่งเข้ามาใจจะขาด แต่กำลังฝืนควบคุมตัวเองอยู่

คังเม่าเซิงมีสายตาเย็นชาเช่นกัน ใบหน้าที่เคร่งเครียดในตอนแรก ตอนนี้เคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม

มารดาผู้ให้กำเนิดเขาตายไปนานแล้ว ก่อนที่คังฮูหยินจะเลี้ยงดูเขาด้วยตัวเองเหมือนลูกในไส้

เยี่ยนจ้าวเกอมองพวกเขาแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็ตกลงบนร่างจางเชา ทอดถอนใจขึ้นมา

เรือของสำนักแสงสว่างขณะกำลังจะพลิกคว่ำ จางเชาที่พึ่งพิงสำนักแสงสว่างคิดจะเปลี่ยนที่อยู่ เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ ยึดครองดินแดนในทะเลหวงเจีย และมีศัตรูร่วมกันกับสำนักแสงสว่างและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เป็นเยี่ยนจ้าวเกอ

ถึงแม้ว่าสำนักแสงสว่างจะผูกความแค้นกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง แต่ว่าจางเชาไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

เพียงแต่ก่อนหน้านี้ยังติดตามจังหวะก้าวเท้าของสำนักแสงสว่างติดๆ ต่อมากลับมากอดขาราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ทำลายสำนักแสงสว่าง ยากจะไม่ทำให้ผู้คนไม่ทอดถอนใจไม่ได้จริงๆ

จากสีหน้าของถังหย่งฮ่าวก็รู้ว่าในใจเขาสับสนและไม่พอใจขนาดไหน

แต่ว่าพอจางเชาเป็นคนทำเรื่องนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย

นับตั้งแต่เขาทราบถึงวีรกรรมของบุคคลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และถูกขนามนามว่าเป็นมนุษย์สุริยันศักดิ์สิทธิ์ตอนอยู่ในโลกแปดพิภพผู้นี้ เขาก็ทราบว่า จางเชามีความสามารถในการยืดได้หดได้ล้ำเลิศยิ่ง

บุคคลที่ยิ่งใหญ่ซึ่งลอยมาถึงโลกซ้อนโลกได้เป็นคนแรกของประวัติศาสตร์โลกแปดพิภพผู้นี้ ในตอนที่วางแผนโจมตีเขากว่างเฉิง เมื่อเผชิญหน้ากับผู้สะเทือนสวรรค์จ่านตงเก๋อ ก็ถอยหนีโดยไม่หันหน้ากลับแม้แต่น้อย

หลังจากเกิดเรื่องเขาก็ไปหลบในภูเขาไฟ ขังตัวเองไว้หลายปี เพื่อแลกกับการดับเพลิงโทสะของจ่านตงเก๋อ

รอถึงตอนที่โลกปีศาจอัคคีรุกรานโลกแปดพิภพ เขาค่อยวิงวอนกับจ่านตงเก๋อ สุดท้ายผู้สะเทือนสรรค์ก็อนุญาตให้เขาออกจากเขามาร่วมกันรับมือปีศาจอัคคี

ต่อมาจ่านตงเก๋อสิ้นชีวิต จางเชาในที่สุดก็ได้ผ่อนคลาย สำนักแสงสว่างเดินไปสู่จุดสูงสุดของประวัติศาสตร์ของตัวเอง สยบโลกแปดพิภพ

ถ้าไม่ใช่เพราะความอึดอย่างเหนือความคาดหมายของบุรุษเทียมฟ้าจ่านซีโหลว เขากว่างเฉิงที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการรุกรานของปีศาจอัคคี เกรงว่าจะถูกสำนักสุริยันทำลายไปแล้ว

ตอนนี้เมื่อมาถึงโลกซ้อนโลก แม้ว่าพลังของจางเชาจะแข็งแกร่งมาก แต่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า คนที่แข็งแกร่งกว่าเขามีอยู่นับไม่ถ้วน

จางเชาจึงเริ่มปรับตำแหน่งของตัวเองอีกครั้ง

การเลือกสละสำนักแสงสว่างซึ่งเปรียบเหมือนเรือที่กำลังจะคว่ำ แล้วปีนขึ้นราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่เป็นเรือลำใหญ่อย่างของคนที่ยืดหดได้เช่นนี้ไม่น่าประหลาดเท่าใดนัก

มาตรว่าจะดูแล้งน้ำใจ แต่ในสายตาของจางเชากลับไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน “คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงจริงๆ หลังจากพี่น้องแซ่จ่านของเขากว่างเฉิง กลับมีพวกเจ้าสองพ่อลูกแซ่เยี่ยนอีก หรือว่า ฟ้าจะช่วยสนับสนุนกว่างเฉิงจริงๆ?”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างราบเรียบ “ฟ้าย่อมช่วยเหลือคนแข็งแกร่ง เบื้องบนสนับสนุนเขากว่างเฉิงอยู่หรือไม่ ข้าเองก็ไม่ทราบ แต่ท่านก็โชคไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ”

คังจิ่นหยวนกัดฟันมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้ามาอยู่ที่นี่เองหรือนี่?!”

“ท่านมาได้ เขามาได้ ข้าย่อมมาได้” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะร่า

ดวงตาของคังจิ่นหยวนแทบจะมีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา “ถ้าไม่ใช่เพราะคนของเขาโถงทองคอยปกป้องเจ้า เจ้าคงเป็นคนตายไปนานแล้ว ยังกล้ามาที่นี่อีกหรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มให้คังจิ่นหยวน คังเม่าเซิง และจางเชา “ความรักของมารดาเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การชมเชย สามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ ครั้งก่อนมารดาท่านช่วยพวกท่านไว้ ไม่ทราบว่าครั้งนี้จะมีใครอีกหรือไม่?”

ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็ยกมือขึ้น สภาวะฝ่ามือปกคลุมยอดกระโจม หมายจะครอบคนทั้งสามไว้ใต้ฝ่ามือพร้อมกัน

คังเม่าเซิงดึงตัวคังจิ่นหยวนไปไว้ด้านหลัง กระบี่ตรงเอวดีดออกจากฝัก กลายเป็นประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำพุ่งขึ้นท้องฟ้า ปะทะกับฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ

จางเชาถอนใจ ลงมือพร้อมกัน วิชาหมัดถึงตะวัน วรยุทธ์สูงสุดของสำนักแสงสว่างถูกใช้ออกมา เหมือนกับดวงอาทิตย์กลางหาวสาดส่องฟ้าดิน

เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย ฝ่ามือกว่างเฉิงลอบใช้รอยตราพลิกนภา พลังอันน่ากลัวพุ่งลงใส่ศัตรูด้วยสภาวะบีบอัดท้องฟ้า

พลังอันแข็งแกร่งของการกลับด้านเอกภพและหยินหยาง ทำให้ความร้อนเร่าที่วิชาหมัดถึงอาทิตย์ของจาเชาปล่อยออกมาอุณหภูมิลดลง ถึงกับเปลี่ยนเป็นเย็นลง

สภาวะฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้กวาดเมิ่งหวานเข้ามาด้วย

แต่ว่ามงกุฎจันทราบนศีรษะของเมิ่งหวานเริ่มสาดแสงสว่างออกมาแล้ว

นางมองเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ตรงหน้า เห็นม่านตาทั้งสองข้างขออีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นอาทิตย์ยะเยือกสีฟ้าสองดวงในทันใด

ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกดีดออกจากฝักพร้อมเสียงดังลั่น