บทที่ 1182 หยุดก่อน!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

“เสียทีน้องเจ้าสิ!” เส้นเลือดกระจายไปทั่วตาหวังเป่าเล่อ เกือบจะทันทีที่บุตรแห่งความมืดหยินหยางรวมเป็นหนึ่งผู้นั้นเผชิญหน้าเข้ามา เขาก็ส่งเสียงคำราม

เสียงคำรามมีความเดือดดาล ซ้ำยังแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง ทำให้ทั้งโลกหวาดผวา ความว่างเปล่าหมุนไปรอบด้าน แม้กระทั่งแม่น้ำแห่งความมืดด้านนอกก็ยังสั่นสะเทือน ขณะที่คำรามอยู่นั้นเอง ร่างของหวังเป่าเล่อไม่เพียงแต่ไม่หลบเลี่ยง ในทางตรงข้ามกลับก้าวไปข้างหน้า ทั้งร่างคล้ายกับเป็นภูเขาลูกหนึ่งที่ก่อเกิดความบ้าคลั่ง ตรงเข้าไปปะทะบุตรแห่งความมืดที่เผชิญเข้ามาผู้นี้

ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน บุตรแห่งความมืดหยินหยางรวมหนึ่งนั้นช่างทรงพลังนัก ตอนที่ยังไม่รวมร่างกัน ร่างของทั้งสอง เดิมทีต่างก็เป็นถึงดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรแล้ว พลังต่อสู้ไม่ธรรมดา ต้นทุนธรรมชาติยิ่งน่าผวา ตอนนี้หลังจากรวมตัวเป็นหนึ่ง การระเบิดพลังต่อสู้ไม่ซ้ำซ้อน ทว่าระเบิดเป็นเท่าทวีคูณ ทำให้ร่องรอยพลังงานของมัน…ได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว ณ เวลานี้

วิญญาณเทพของมัน… พริบตานั้นก็ถึงระดับร้อยก้าวของดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร ยิ่งกว่าเหนือชั้น เหยียบเข้าสู่ระดับจักรพิภพ ส่วนชั้นกายเนื้อของมันแม้จะต่ำกว่าบ้าง แต่ก็อยู่ในสถานะยี่สิบ สามสิบมสิบก้าวของดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร ย่างเข้าสู่ระดับจักรพิภพ

มีเพียงฐานฝึกตนที่ไม่ได้เป็นเช่นนี้ มันไม่ได้ย่างเข้าสู่จักรพิภพ แต่ก็ยังเป็นสามสิบกว่าก้าวของดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร กล่าวได้ว่า…คนผู้นี้ นับเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าระดับสุดยอดที่อาจพบได้ในโลก

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงภายในดาราจักรโลกันตร์แล้ว เขาไม่เป็นรองผู้ใด เป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าอันดับหนึ่งก่อนหวังเป่าเล่อจะมา

แต่…เมื่อเทียบกับหวังเป่าเล่อก็ยังต่ำกว่าอยู่บ้าง ด้านที่เขาต่ำกว่าคือชั้นกายเนื้อ ส่วนอีกด้านหนึ่ง…ก็คือการสู้ไม่ถอย และไม่มีการประนีประนอม

ท่ามกลางเสียงร้องก้อง หวังเป่าเล่อและบุตรแห่งความมืดปะทะกันในทันที ขณะร้องคำรามก้องฟ้า ร่างหวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน ถอยกลับไปหลายก้าว ด้านบุตรแห่งความมืดหยินหยางรวมหนึ่งนั้น บ้าคลั่งไปทั้งร่างถอยออกไปไกลกว่าสิบจั้ง เลือดไหลออกมาจากมุมปาก

การประะมือครั้งแรกของสองฝ่าย หวังเป่าเล่อชนะในความแข็งแกร่งของชั้นกายเนื้อ และแม้ระดับฝึกตนจะไม่เทียบเท่า แต่เขาเป็นพรดาวเคราะห์เต๋า นั่นจึงสามารถชดเชยให้เขาได้ ส่วนวิญญาณเทพ แม้วิญญาณเทพของหวังเป่าเล่อยังไม่ขึั้นถึงระดับจักรพิภพ แต่มองเฉพาะด้านพลังแห่งชั้นกายเนื้อ เขาย่อมเป็นต่อ

เพียงแต่…ด้วยความไม่เท่าเทียมของวิญญาณเทพและระดับฝึกตน ดังนั้นบุตรแห่งความมืดที่หยินหยางรวมหนึ่งนั้นจึงสังเกตได้ในทันที ด้านกระบวนเวทพลังเทพของหวังเป่าเล่อด้อยกว่าเล็กน้อย ดังนั้นขณะที่บุตรแห่งความมืดหยินหยางรวมหนึ่งนี้ถอยกลับไป สองมือก็ผนึกมุทรา ปล่อยร่องรอยพลังงานสีเทาจำนวนมากออกมาทันที ร่องรอยพลังงานเหล่านี้ก่อตัวเป็นสัตตบงกชสีเทาดอกหนึ่งที่มีสิบสองกลีบอยู่ด้านหลังเขา

“หวังเป่าเล่อ แม้เจ้าจะเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋า แต่ตรงนี้…ภายใต้สัตตบงกชสีเทาเต๋า เจ้าทำไม่ได้”

ขณะที่กล่าวออกมา ตรงหน้าบุตรแห่งความมืดหยินหยางรวมหนึ่ง ดอกบัวนั้นหมุนเปลี่ยน กลีบดอกร่วงหล่นทีละกลีบอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเจดีย์เต๋า เจดีย์เต๋าเหล่านี้สีพื้นคือสีเทา แต่ขณะที่ลอยออกไปกลับส่องประกายหลากแสงสี มีกฎเกณฑ์และกฎเวทมากมายรวมอยู่ในนั้น

ตามแหล่งที่มาของกฎเกณฑ์และกฎเวท แรงที่ฉุดทั้งหมดย่อมเป็นเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืด และก็คือ…ภายในความว่างเปล่าเหนือท้องฟ้า เต๋านั้นทำให้ร่างในใจของหวังเป่าเล่อฉีกขาด!

ร่างนี้แม้ไม่ได้ลงมือ แต่ในฐานะที่เป็นเต๋าสวรรค์ ดวงจิตของเขาย่อมไม่ผ่านการลงมือ เวลานี้เจดีย์เต๋าเหล่านี้ส่องประกาย แต่ละองค์มีพลังที่มหาศาลตรงเข้ามากำราบหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นทันที พลังชั้นกายเนื้อได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว ปราณโลหิตที่น่าหวาดผวาระเบิดอยู่ภายในร่าง จากนั้นจึงก่อเกิดปราณโลหิตระเบิดอยู่นอกร่าง แผ่กระจายไปทั่วภูเขาและมหาสมุทรโดยรอบ

“เจดีย์เต๋า…เจ้าเข้าใจว่าสิ่งใดคือเต๋าหรือไม่!” สายตาหวังเป่าเล่อส่งประกายสังหาร ขณะที่พลังชั้นกายเนื้อระเบิดมือขวาก็กำหมัด ส่งตรงไปที่เจดีย์เต๋าแต่ละอันที่เผชิญเข้ามา

หนี่งหมัด สองหมัด สามหมัด…หวังเป่าส่งออกไปเจ็ดหมัดภายในลมหายใจเดียว

แต่ละหมัด ล้วนตกลงไปบนเจดีย์เต๋าส่งเสียงก้องไปรอบทิศ แต่ละครั้งที่ตกลงล้วนเป็นพลังทั้งหมดของหวังเป่าเล่อที่ส่งออกไป เส้นเลือดนับไม่ถ้วนบนร่างของเขาปูดขึ้น เวลานี้พลังปราณโลหิตของเขาดูเหมือนจะครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้า

ท่ามกลางเสียงร้องก้อง เจดีย์เต๋าเหล่านั้นต่างทลายลง และหลังจากผ่านไปเจ็ดหมัด เจ็ดเจดีย์ก็แหลกละเอียด!

การแตกกระจายแต่ละครั้ง มีเศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปทั่ว มันพังทลายอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เสียงที่ส่งมานั้นไม่สิ้นสุด ความว่างเปล่ารอบด้านล้วนบิดเบี้ยว โลกด้านนอกแม่น้ำแห่งความมืดยิ่งเกิดการม้วนตัวมากขึ้น

แท้จริงแล้วการลงมือของคนทั้งสอง ฝีมือต่อสู้เหนือกว่าขั้นจักรพิภพปกติ ทว่า แต่ละหมัดของหวังเป่าเล่อ ล้วนสามารถจู่โจมสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับจักรพิภพชั้นต้นได้ และพลังเทพของเคล็ดวิชาลับที่บุตรแห่งความมืดหยินหยางรวมหนึ่งนั้นสำแดงกลายเป็นเจดีย์เต๋าก็เป็นเช่นนี้!

พลังเทียมฟ้า!

ก่อนหน้านั้นไม่นาน เมื่อเข้าต่อสู้กับหวังเป่าเล่อ ใบหน้าของผู้ฝึกตนพวกนั้นที่ถูกเขาขัดขวางก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แม้แต่ผู้เฒ่าจักรพิภพสามท่านก็ล้วนเป็นเช่นนี้ต่างมีสีหน้าประทับใจมาก

ความจริงแล้วหวังเป่าเล่อขณะนี้ ทั้งร่างดูเหมือนดาวมฤตยู ภายใต้การปราบปรามอย่างบ้าระห่ำของเจดีย์เต๋า

เพียงแต่… พวกเขาก็ดูออกว่า เวลานี้ชั้นกายเนื้อของหวังเป่าเล่อได้มาถึงขีดสุดแล้ว ยังมีอีกห้าเจดีย์ที่ตามมา พร้อมด้วยพลังทำลายล้าง ร้องก้องเข้ามา

กระนั้น… แม้ความคิดของพวกเขาจะถูกต้อง แต่ก็ไม่แม่นยำ

นี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของหวังเป่าเล่อ แม้วิญญาณเทพและระดับฝึกตนจะไม่เทียบเท่า แต่เขายังมีร่างแห่งการตระหนักรู้ในอดีตชาติ ขณะต่อมา…ร่างของหวังเป่าเล่อพลันปรากฏเงาทับซ้อน  ร่างเผ่าเทพอัคคีออกมาทันที คำรามก้องมุ่งไปทางเจดีย์เต๋า

จากนั้นร่างผีดิบ ร่างทหารอาฆาต ผู้ฝึกตนวิญญาณแค้น รวมทั้งกวางขาวน้อยก็ปะทะเข้าไปอย่างแรง

ร่างของชาติที่ห้าเกือบจะชนกับเจดีย์เต๋าทั้งห้าในเวลาเดียวกัน ฟ้าดินแผดเสียง แม่น้ำแห่งความมืดบังเกิดคลื่นใหญ่ สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดระเบิดระลอกคลื่นสะเทือนฟ้าดิน เจดีย์เต๋าสิบสององค์จึงพังทลายลงทั้งหมด!

และบุตรแห่งความมืดหยินหยางรวมหนึ่งนั้น เวลานี้ภายใต้แรงสะท้อนกลับ มันกระอักเลือดออกมา ขณะที่ร่างถอยกลับไปไม่หยุด เส้นโลหิตสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางหว่างคิ้ว นี่ไม่ใช่อาวุธคมที่ตัดขาด แต่คือ…ตัวมันเองในขณะที่แรงสะท้อนกลับ สภาพการผนึกกายของหยินหยางภายในร่างตอนแรกก็ถูกทำลายอย่างรุนแรง

ท้ายที่สุด… มันยังไม่สมบูรณ์แบบ!

เว้นแต่จะสามารถฝึกตนและก้าวเข้าสู่จักรพิภพ มิฉะนั้นแล้ว เส้นทางหยินหยางแห่งการรวมเป็นหนึ่งของชีวิตและความตายที่เลือกเดินนี้ ก็จะยังมีข้อบกพร่อง เวลานี้ท่ามกลางเสียงร้อง ขณะที่กระอักเลือดออกไม่หยุด รอยแตกบริเวณหว่างคิ้วก็ยิ่งแดงขึ้น กระทั่งเมื่อถอยไปถึงร้อยจั้งแล้ว ร่างของมันพลันสั่นเทา และแยกออกจากกัน กลายเป็นเงาร่างชายหนึ่ง หญิงหนึ่งตามเดิม จากนั้นจึงมองไปทางหวังเป่าเล่ออย่างไม่ยินยอม

ด้านหวังเป่าเล่อ เวลานี้ถอยร่างกลับไปเช่นกัน เขาถอยไปกว่าสามสิบจั้ง จนถึงเบื้องหน้าร่างของหมิงคุนจื่อ จึงกระอักเลือดออกมา หวังเป่าเล่อไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เลือดที่กระอักออกมาเกิดจากชั้นกายเนื้ออ่อนล้า ขณะเดียวกันวิญญาณเทพและระดับฝึกตนของเขาก็สูญเสียไปมาก แต่ยังคงมี…พลังต่อสู้!

“ท่านอาจารย์ ข้าไม่เอาซากศพจักรพรรดิแห่งความมืดแล้ว!” หวังเป่าเล่อหายใจหอบ สายตาแสดงความแน่วแน่ หมิงคุนจื่อจ้องไปที่หวังเป่าเล่อด้วยความเมตตา ความปลาบปลื้มท่วมท้น ท้ายที่สุดก็พยักหน้ากำลังจะเอ่ยปาก

แต่ในขณะที่เขาพยักหน้านั้น เสียงถอนหายใจค่อยๆ ส่งออกมาจากท้องฟ้านอกโลก จากในความว่างเปล่าของดาราจักรโลกันตร์ ตอนนั้นเอง เงาร่างสายหนึ่งจากด้านนอกแม่น้ำแห่งความมืดก็มุ่งไปทางสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ก้าวเข้าไป…ทีละก้าว!

ขณะที่เขาเดินมา แม่น้ำแห่งความมืดพลันแยกออกจากกัน

ขณะที่เขาเดินมา สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดพลันสั่นสะเทือน

ขณะที่เขาเดินมา สัตตบงกชสีดำพลันปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา

ขณะที่เขาเดินมา… ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้ รวมทั้งรักษาการบุตรแห่งความมืดที่แยกร่างชายหญิงต่างคุกเข่าโดยพร้อมเพรียง สีหน้าแสดงความกระตือรือร้นและความนับถือ

หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นและจ้องไปยังร่างนั้น ดวงตาของเขาดูสับสน ลังเล และมึนงง แต่สุดท้าย… กลับกลายเป็นความแน่วแน่

“เฉินชิงจื่อ หยุดก่อน!”

…………………………………