ตอนที่ 993: ความรู้สึกของโหยวเยว่

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 993: ความรู้สึกของโหยวเยว่

ต้องขอบคุณการช่วยเหลือจากรุยจินและเฮยยู่ การเดินทางของเจี้ยนเฉินนั้นง่ายมาก เฮยยู่เปิดประตูมิติและข้ามผ่านหลายล้านกิโลเมตรไปได้ในก้าวเดียว พวกเขามาถึงที่บริเวณเหนือตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินแน่ใจแล้วว่ารุยจินและเฮยยู่ตามเขามาเพื่อที่จะได้ปกป้องพยัคฆ์ปีกเทวะ เขาชินแล้วที่มีสองคนนี้ตามติดเขาไปทุกทุกที่

ในตอนแรกเจี้ยนเฉินต้องการที่จะไปเยี่ยมตระกูลเทียนฉินในเมืองหว่าลู่เหรินเพื่อที่จะไปพอกับฉินเซียว อย่างไรก็ตาม เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้หลังจากที่คิดว่ามันจะเป็นการไม่สะดวกเกินไปสำหรับพ่อแม่ของเขาเช่นเดียวกันกับรุยจินและเฮยยู่ด้วย เขาตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องที่มีอยู่ตอนนี้ในช่วงเวลาต่อไป ก่อนที่จะไปที่ตระกูลเทียนฉินเพื่อที่จะไปพบกับฉินเซียว เขาไม่รู้ว่าฉินเซียวเป็นอย่างไรหลังจากที่เขาไม่อยู่มา 10 ปี เขาแต่งงานหรือยัง ? เขามีลูกหรือไม่ ? เขาแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนแล้ว ?

เจี้ยนเฉินพาไป๋หยุนเทียนและเจียงหยางป้าพร้อมกับรุยจินและเฮยยู่มาที่ตระกูล ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมากที่ตระกูล มีน้อยคนนักที่รู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกตกตะลึงมากกับการคืนชีพขึ้นมาของไป๋หยุนเทียนและเจียงหยางป้า

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู หยุนคงเห็นว่าการกลับมาของเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พวกเขาวางสถานะที่สูงส่งของพวกเขาเอาไว้และไปต้อนรับทั้งสองด้วยตัวเอง พวกเขาสุภาพมากและไม่แสดงความหยิ่งยโสซึ่งเห็นได้โดยปกติระหว่างคนที่ต่างรุ่นกัน

เพราะว่าทั้งสองได้ให้กับเนิดเจี้ยนเฉินที่เป็นที่ภาคภูมิใจของตระกูล

เจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนได้เข้าใจเรื่องของตระกูลมาบ้างก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึงแล้ว พวกเขาไม่ได้ตกตะลึงหรือตกใจเมื่อพวกเขาเห็นเจียงหยาง ซู หยวนเซียว เจียงหยาง ซู อวี้หยวน หรือบรรพบุรุษของตระกูลเจียงหยาง พวกเขาทักทายทั้งสามคนในฐานะที่เป็นผู้เยาว์กว่า เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นลูกหลานของเจียงหยาง ซู หยุนคงเช่นเดียวกัน

ไป๋หยุนเทียนและเจียงหยางป้าเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม เมื่อพวกเขาเห็นว่าเจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู อวี้หยวนซึ่งเป็นที่เคารพปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างสุภาพ พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลูกของพวกเขา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจมาก แต่ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำท่าทางหยิ่งยโส

ตกดึกในคืนนั้น เจียงหยาง ซู หยวนเซียวได้จัดเลี้ยงเพื่อต้อนรับการกลับมาของเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียน แม้แต่ราชาของอาณาจักรเกอซุนยังเดินทางมาไกลมากและมาต้อนรับเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนอย่างอบอุ่น เขาตัดสินใจที่จะผูกสัมพันธ์กับตระกูลนี้ให้แน่นแฟ้น เพราะว่าเขามีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนที่ตระกูลนอกเหนือจากเจี้ยนเฉินด้วย

ราชาเอ่ยถึงการแต่งงานระหว่างลูกสาวของเขาและเจี้ยนเฉินกับเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนอีกครั้งระหว่างที่พวกเขากินเลี้ยงกัน เขาใช้ข้ออ้างมากมายเพื่อพยายามที่จะให้การแต่งงานเกิดขึ้น เขาอยากให้เจี้ยนเฉินไปเป็นลูกเขยของเขา

เจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนเห็นด้วยกับคำแนะนำของราชา พวกเขาอยากให้เจี้ยนเฉินแต่งงานกับโหยวเยว่เช่นกัน แต่ด้วยฐานะของเจี้ยนเฉินในปัจจุบันนี้ พวกเขาไม่สามารถบังคับให้เขาแต่งงานได้อีกแล้ว พวกเขาต้องถามเจี้ยนเฉินด้วยตัวเอง

เจี้ยนเฉินเพิ่งกลับมาที่ทวีป ดังนั้นเขาจึงมีหลายเรื่องที่จะต้องไปจัดการ แม่ของเสือขาว รัม กุยเนสจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ และเสือขาวเองก็ต้องการที่จะแก้แค้นด้วย เจี้ยนเฉินยังต้องการที่จะล้างแค้นให้กับการสังหารหมู่ของตระกูลไป๋อีกด้วย จัดการกับตัวตนของเถี่ยต้า จัดการกับภัยจากทวีปสัตว์เทวะ จัดการกับเรื่องเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และเรื่องอื่น ๆ อีก เรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลามากมายในการจัดการ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาที่จะคิดถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องเลื่อนเวลาออกไปอีกครั้ง เขารู้ว่านี่ไม่ยุติธรรมกับโหยวเยว่มาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

โหยวเยว่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินดีใจมากทันทีที่นางได้ยินพ่อของนางเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานกับเจี้ยนเฉิน นางตั้งหน้าตั้งตารอ แต่นางก็ต้องผิดหวังในตอนสุดท้าย

“เซียงเอ๋อ เจ้าไม่ใช่เด็ก ๆ อีกแล้ว มันถึงเวลาที่เจ้าต้องคิดถึงเรื่องแต่งงานแล้ว โหยวเยว่รอมาเป็นสิบปีแล้ว เจ้ายังจะให้นางต้องรออีกหรือ ? ” ไป๋หยุนเทียนพูดออกมา ในขณะที่นางโน้มน้าวเขาอย่างจริงจัง นางชอบโหยวเยว่ในฐานะที่เป็นสะใภ้มาก

เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เขาพูด “ท่านแม่ ข้าจะหาเวลามาแต่งกับโหยวเยว่หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องที่มีอยู่ตอนนี้” หลังจากคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหวงหลวนที่เขาตกหลุมรัก เช่นเดียวกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ที่เขาเคยหลับนอนกับนางเพราะไม่มีทางเลือกในตอนนั้น อารมณ์ของเขาปั่นป่วน

“ท่านแม่ เดี๋ยวพวกเราค่อยมาคุยกันหลังจากที่เจี้ยนเฉินจัดการเรื่องของเขาจบแล้ว โหยวเยว่ก็ยุ่งอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเช่นกันในตอนนี้ ดังนั้นข้าจึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะจัดการเรื่องแต่งงานในครั้งนี้เหมือนกัน” โหยวเยว่พูดออกมาอย่างนุ่มนวล น้ำเสียงนุ่มนวลของนางน่าฟัง แม้ว่านางจะพูดแบบนี้ แต่สายตาที่นางมองไปที่เจี้ยนเฉินก็ยังแฝงไปด้วยความขมขื่น

ในงานเลี้ยง เจียงหยาง ซู หยุนคงได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้เจียงหยางป้าเป็นหัวหน้าตระกูลอีกครั้ง เจียงหยางป้าต้องจัดการเรื่องทุกอย่างของตระกูล ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลถูกส่งต่อมาอย่างเป็นทางการแล้ว

ตำแหน่งนี้ไม่ได้มีความหมายอะไร แต่อย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่าเจียงหยางป้าได้รับการยอมรับและความเคารพจากเจียงหยาง ซู หยุนคง

พระอาทิตย์ตกหลังจากที่งานเลี้ยงจบ อย่างไรก็ตามตระกูลเจียงหยางยังคงคึกคัก กลุ่มยามรักษาการเดินยืดอกตรวจตราไปรอบ ๆ พวกเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและมองไปรอบ ๆ อย่างต่อเนื่องด้วยสายตาที่แหลมคม

เจี้ยนเฉินและโหยวเยว่เดินไปรอบ ๆ สวนที่ค่อนข้างมืด พวกเขาเดินไปด้วยกันช้า ๆ และไม่ได้พูดอะไร เจี้ยนเฉินสงบและคิดไปเป็นครั้งคราว เขาดูเหมือนจะมีเรื่องในใจมากมาย ในขณะเดียวกัน โหยวเยว่ก็มองไปที่เจี้ยนเฉินเป็นครั้งคราว ตาของนางสดใสและมีเสน่ห์

ในตอนท้าย เจี้ยนเฉินและโหยวเยว่มาถึงที่ศาลาในสวน สายลมยามค่ำคืนช่างอ่อนไหว เจี้ยนเฉินยืนขึ้นในศาลาและเอามือไพล่หลัง ในขณะที่เขามองไปที่ปลาที่อยู่ในทะเลสาบ ชุดสีขาวที่หรูหราของเขาพลิ้วไหวอย่างนุ่มนวลไปกับสายลม

“เจี้ยนเฉิน เจ้ามีอะไรในใจหรือไม่ ? ” โหยวเยว่พูดออกมาอย่างนุ่มนวล ในขณะที่นางมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสดใส

“โหยวเยว่ ข้าทำให้เจ้าผิดหวังจริง ๆ ข้าให้เจ้ารอมานานกลายปีมากแล้ว แต่ข้าก็ยังมีเรื่องที่จะต้องไปจัดการอีกในตอนนี้…” เจี้ยนเฉินพูดขอโทษออกไป เขารู้สึกผิด

โหยวเยว่ยกมือของนางขึ้นมาอย่างนุ่มนวลและใช้นิ้วของนางปิดปากของเจี้ยนเฉินเอาไว้ นางหยุดสิ่งที่เจี้ยนเฉินกำลังจะพูดต่อและมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความรักที่อ่อนโยน นางพูดอย่างนุ่มนวล “เจี้ยนเฉิน ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ว่ามันคงหนักมากสำหรับเจ้าในหลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้ารุ่งโรจน์มากในเปลือกนอก แต่ความรุ่งโรจน์ทั้งหมดก็แลกมาด้วยการเสี่ยงชีวิตของเจ้า ในหลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้าทำงานหนักเพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าและเกือบจะตายไปแล้วหลายครั้ง เจ้าทำงานหนักกว่าใคร สถานการณ์น่ากลัวที่เจ้าเจอมาเหนือกว่าอะไรก็ตามที่พวกเราจะจินตนาการได้”

“เจี้ยนเฉิน ไปจัดการเรื่องของเจ้าโดยไม่ต้องกังวลเถอะ ข้าอ่อนแอและไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ข้าจะรอเจ้าอยู่อย่างเงียบ ๆ ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้าและตามเงาของเจ้าไป และคอยช่วยเหลือเจ้า”

ทันใดนั้นเอง เจี้ยนเฉินก็มองไปที่ใบหน้าของโหยวเยว่เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาสะเทือนใจอีกครั้งในขณะที่เขามองไปที่ใบหน้าที่อิดโรยของนาง

“เยว่เอ๋อ…” เจี้ยนเฉินพูดอย่างนุ่มนวล เขากางแขนออกและกอดโหยวเยว่ไว้แน่น ทันใดนั้นเอง กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ก็โชยเข้ามาที่จมูกของเขา เมื่อได้ใกล้ชิดกับร่างเล็กของโหยวเยว่ เจี้ยนเฉินก็รู้สึกลุ่มหลง

ความตกตะลึงอย่างเห็นได้ปรากฏอยู่ในสายตาของโหยวเยว่เมื่อเจี้ยนเฉินดึงตัวนางเข้ามากอด แต่นางก็สงบใจลงอย่างรวดเร็ว แก้มของนางเริ่มจะเป็นสีแดงจาง ๆ นางยื่นแขนไปกอดเจี้ยนเฉินและซบไปที่อกของเจี้ยนเฉินอย่างนุ่มนวล นางหลับตาช้า ๆ และเพลิดเพลินไปในทุกชั่วขณะในห้วงเวลาแห่งความรักนี้

ในตอนนี้ โหยวเยว่รู้สึกเหมือนนางได้โลกมาทั้งใบ ไม่มีอะไรที่มหัศจรรย์มากไปกว่าการที่ได้กอดกับคนที่นางรักที่สุดแล้ว

สักพักต่อมา โหยวเยว่ก็พูดออกมาอย่างนุ่มนวล “เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สามารถอยู่ที่ตระกูลได้นาน เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเจ้าจะไปตอนไหน ? “

หลังจากที่หยุดไปสักพัก เจี้ยนเฉินก็พูดออกมาอย่างยากลำบาก “พรุ่งนี้”

ร่างของโหยวเยว่กระตุก นางมองไปที่เจี้ยนเฉินและไม่ปรารถนาที่จะให้เขาไป “เจ้าเพิ่งกลับมา เจ้าอยู่ต่อนานกว่านี้สองสามวันไม่ได้หรือ ? “

เจี้ยนเฉินส่ายหัวช้า ๆ แล้วพูด “ข้าจำเป็นต้องจัดการกับเรื่องบางอย่างให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

โหยวเยว่กอดเจี้ยนเฉินแน่นกว่าเดิม นางพูดหลังจากที่ลังเลไปสักพัก “เจี้ยนเฉิน ข้าต้องการจะอยู่กับเจ้า ถ้าไม่อันตรายอะไร ได้โปรดพาข้าไปด้วย”

เจี้ยนเฉินลังเลเมื่อเขาได้ยินแบบนี้ หลังจากที่คิดไปสักพัก เขาก็คิดได้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำก็ไม่ได้อันตรายอะไร อีกทั้ง เขายังมีรุยจินและเฮยยู่อยู่ข้าง ๆ อีก เช่นเดียวกับการป้องกันจากโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดและวัตถุเซียน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ว่าโหยวเยว่จะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเขาจึงตกลง

เขาติดหนี้โหยวเยว่มามากพอแล้ว มันยากที่เจี้ยนเฉินจะปฏิเสธคำขอเล็กน้อยจากนางได้