ตอนที่ 1449

Alchemy Emperor of the Divine Dao

กู่ต้าวอี้เกรี้ยวกราด

ตัวเขานั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียน ตอนนี้แม้จะล่วงหล่นลงมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่วิสัยทัศน์ของเขาก็ยังสูงส่งไม่เปลี่ยนแปลง ในความคิดของเขา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นเพียงดินแดนล้าหลังเท่านั้น

มุมมองที่เขามีต่อจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนการที่จอมยุทธของดินแดนมองจอมยุทธจากโลกใบเล็ก

แต่ตอนนี้มดปลวกตัวจ้อยกลับกล้ายั่วยุเขา จะไม่ใช่เขาโกรธได้อย่างไร?

ต้องจำกัด!

เขาเค้นเสียงและปลดปล่อยออร่าอันทรงพลัง เงาดวงดาราที่ปรากฏอยู่เบื้องหลังของเขาทำดูราวกับเป็นเทพเจ้าที่สามารถบดขยี้ดวงดาวด้วยเท้าเพียงข้างเดียว

“มดปลวกโอหัง เจ้ากล้าดูหมิ่นข้า!” กู่ต้าวอี้ผลักฝ่ามือออกไปด้านหน้า ปราณก่อเกิดถูกควบแน่นกลายเป็นนิ้วมือขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่น่าสะพรึงกลัว นิ้วมือปราณก่อเกิดยาวร้อยฟุตและหนาสามสิบฟุตจู่โจมเข้าใส่หลิงฮัน

อำนาจของนิ้วมือนี้ปลดปล่อยออร่านี้เหลือกว่าระดับดาราขั้นต้นออกมาอย่างสิ้นเชิง พลังทำลายของมันคือระดับดาราขั้นกลางหรืออาจจะขั้นสูง

อย่างที่รู้ว่าพลังบ่มเพาะของทุกคนนั้นถูกลดลงมายังระดับดาราขั้นต้น การที่จะการโจมตีจะมีพลังทำลายเทียบเท่าระดับดาราขั้นสูงได้นั้น กู่ต้าวอี้ต้องมีพลังต่อสู้มากเพียงใด?

ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนสีโดยพลัน

เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?

จากระดับดาราขั้นต้นไปถึงระดับดาราขั้นสูงนั้นคิดเป็นพลังต่อสู้ถึงแปดดาว ซึ่งพลังต่อสู้เช่นนี้ไม่ควรมีอยู่นอกจากจอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นสมบูรณ์ แต่ตอนนี้กู่ต้าวอี้ถูกลดพลังบ่มเพาะเหลือระดับดาราขั้นต้น เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีพลังต่อสู้เช่นนี้?

กู่ต้าวอี้ผู้นี้คืออัจฉริยะอันดับหนึ่งตลอดกาลแท้จริง!

หลิงฮันจะป้องกันได้อย่างไร?

ต่อให้หลิงฮันป้องกันการโจมตีได้แผ่นใต้เท้าของหลิงฮันก็ต้องถูกทำลายอยู่ดี

“จบสิ้นแล้ว ถ้าเขาไม่อยากตายก็ต้องยอมสละแผ่นหินทิ้งเพื่อหลบการโจมตี”

“ใครใช้ให้เขาไปยั่วยุกู่ต้าวอี้กันล่ะ? หากเขาไม่พยายามทำตัวโดดเด่นและเว้นระยะห่างจากกู่ต้าวอี้ ต่อให้เขาจะไม่สามารถขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งได้แต่อย่างน้อยก็คงขึ้นไปได้สูงกว่านี้”

“…แต่จากที่ดูแล้ว กู่ต้าวอี้เป็นคนยั่วยุก่อนไม่ใช่รึไง?”

“กู่ต้าวอี้คือใคร? เขามีคุณสมจะทะนงตนอยู่แล้ว หากหลิงฮันเข้าใจวิธีการวางตัวเขาก็สมควรยอมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”

“ถูกแล้ว หลิงฮันเป็นฝ่ายแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง”

“ไปเริ่มใหม่จากล่างสุดแล้วกัน!”

แต่ทว่าหลิงฮันก็ได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ เขาไม่ได้กระโดดลงจากแผ่นหินเพื่อหลบหลีกแต่กลับยกฝ่ามือขึ้นและลงมือตอบโต้นิ้วมือยักษ์ก่อเกิด

บ้าไปแล้ว!

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน

นิ้วมือปราณก่อเกิดนั่นไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นสามารถรับมือได้ การเผชิญหน้ากับมันตรงๆก็เปรียบเสมือนแส่หาที่ตาย

ผู้คนมากมายส่ายหัว หลิงฮันช่างโง่เขลานัก

‘พรึบ’ หลิงฮันตอบโต้นิ้วมือขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามา พริบตานั้นเองนิ้วมือขนาดใหญ่ก็ค่อยๆถูกกัดกร่อนด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อนิ้วมาพุ่งเข้ามาถึงหลิงฮันมันก็แหลกสลายออกเป็นเศษซากนับชิ้นไม่ถ้วนอย่างสมบูรณ์

อะไรกัน!

เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ทุกคนอ้าปากค้างพูดไม่ออก

นี่มัน… พวกเขาเพิ่งพูดไปว่าการโจมตีของกู่ต้าวอี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นจะรับมือได้ แต่ผ่านไปพริบตาเดียวหลิงฮันก็ตบหน้าพวกเขาดังลั่นเสียแล้ว

หลังจากเวลาผ่านไปหลายปี หลิงฮันหมั่นฝึกฝนทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีใต้ต้นสังสารวัฏอยู่ตลอดเวลาทำให้เขาในตอนนี้บรรลุจุดสูงสุดของทักษะแล้ว

ต่อให้ไม่มีสายเลือดของตระกูลติง ความเข้าใจในกาลเวลาแปรผันพันปีของเขาก็เหนือกว่าคนของตระกูลติงส่วนใหญ่ไปแล้วแน่นอน

กู่ต้าวอี้ตกตะลึงเช่นกัน ถึงแม้นิ้วมือปราณก่อเกิดนั่นจะไม่ใช่การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขา แต่เขาคือใคร? อัจฉริยะจากดินแดนแห่งเซียน ด้วยแก่นกำเนิดนิรันดร์ที่กำเนิดขึ้นจากชีวิตทั้งสิบชาติภพ พลังต่อสู้ของเขาสมควรไร้เทียมทานที่สุดในระดับพลังเดียวกันบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้

“นี่มัน… อำนาจแห่งกาลเวลา!” เขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด

ถึงแม้จะกล่าวได้ว่าหลิงฮันเข้าใจหลักการของอำนาจแห่งกาลเวลาเพียงปลายเส้นขน แต่การที่มดปลวกสามารถเข้าถึงหลักการของมันได้นั้นสำหรับเขาแล้วก็ยังเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากอยู่ดี

ต่อให้เป็นในดินแดนแห่งเซียน หากไม่ใช้พลังของสายเลือดแล้วมีเพียงจอมยุทธระดับโลกียนิพพานเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงอำนาจแห่งกาลเวลาได้

หรือหลิงฮันจะเป็นสายเลือดที่มาจากดินแดนแห่งเซียนที่ถูกขับไล่ออกมาเหมือนกับเขา?

ไม่ผิดแน่ ไม่งั้นแล้วอีกฝ่ายจะรู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนได้อย่างไร?

ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมอีกฝ่ายถึงกล้ายั่วยุเขา ที่แท้ตนเองก็มาจากดินแดนแห่งเซียนเหมือนกัน!

“ฮึ่ม แค่เข้าใจหลักการของอำนาจกาลเวลาเพียงเส้นขน ยังคิดจะต่อต้านข้ารึ?” กู่ต้าวอี้กล่าวด้วยใบหน้าเหยียดหยามแต่ก็ระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม

อำนาจแห่งกาลเวลานั้นคืออำนาจอันแข็งแกร่ง หากต้องสู้กับอีกฝ่ายด้วยระดับพลังเดียวกันเขาจำเป็นต้องใช้พลังที่แท้จริง

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “นอนหลับไปตั้งหลายร้อยล้านปี พอตื่นขึ้นมาก็พูดเสียเยอะเลยนะ”

สีหน้าของกู่ต้าวอี้เปลี่ยนเป็นมืดมน ปากของเจ้าหนูนี่ช่างร้ายกาจนัก!

“เจ้ารนหาที่ตายเอง!” กู่ต้าวอี้ควบคุมแผ่นหินให้ลอยไปทางหลิงฮันพร้อมกับชี้นิ้วออกไป ที่ปลายนิ้วของเขาปลดปล่อยคลื่นแสงสีแดงฉานราวกับโลหิต “ดรรชนีโลหิตพระเจ้า!”

หลิงฮันยังคงตอบโต้ด้วยกาลเวลาแปรผันพันปี แต่เขากลับพบว่าการโจมตีของกู่ต้าวอี้นั้นหนักหน่วงราวกับเป็นขุนเขาที่ถูกอัดแน่นย่อขนาดเหลือเท่าไข่ไก่ ผลกระทบที่ได้รับจากกาลเวลาแปรผันพันปีเองก็ค่อยๆลดน้อยลง

ดังนั้นเมื่อคลื่นแสงจากนิ้วมือถูกสลายพลังเปลือกนอกไปจนหมด อำนาจกาลเวลาแปรผันพันปีก็สิ้นสุดไปพร้อมกัน แต่ถึงอย่างนั้นพลังทำลายของคลื่นแสงจากนิ้วมือยังคงอยู่

‘ปัง’ คลื่นแสงจากนิ้วมือปะทะเข้ากับร่างของหลิงฮันจนจนร่างถูกส่งลอยกระเด็นไปร้อยฟุต

กู่ต้าวอี้แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ ว่าคิดว่าจะไม่มีวิธีจัดการกับอำนาจกาลเวลา? น่าขัน! เขามีทักษะลับอยู่ไม่รู้มากมายเพียงใด ซึ่งทุกทักษะล้วนแต่เป็นทักษะระดับนิรันดร์ทั้งสิ้น

แต่พริบตาต่อมา สีหน้าภาคภูมิใจของเขาก็ต้องเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกตะลึง

นั่นเพราะหลิงฮันยังคงขยับร่างกายได้ปกติราวกับไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย

หากการโจมตีเมื่อครู่เล็งไปยังแผ่นหินใต้เท้า หลิงฮันคงจะร่วงสู่พื้นไปแล้ว แต่หากเล็งการโจมตีมาที่ร่างกายของเขาน่ะรึ? ขอโทษที แต่พลังทำลายจากการโจมตีของระดับดาราขั้นต้นนั้นยังไม่เพียงพอ!

ต่อให้เป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์จากดินแดนแห่งเซียนก็ไม่มีข้อยกเว้น ทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เองก็มาจากดินแดนแห่งเซียนเช่นกันแถมยังเป็นทักษะระดับสูงมากอีกด้วย!