ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 9 การลอบสังหารที่ริมแม่น้ำเวิ่นสุ่ย

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ก้อนหินริมน้ำมีรอยแยกมากมาย รอยแยกหนึ่งเชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำที่ทอดผ่านอารามเต๋า

ในช่วงเวลากลางวัน ตระกูลถังได้ส่งคนมาเพื่อทำลายค่ายกลในบริเวณนี้และเติมท่อด้วยของสีดำชั่วร้าย

น้ำโคลนค่อยๆ ไหลเข้าไปในรอยแยก ซึมเข้าสู่ท่อระบายน้ำใต้อารามเต๋า มันไหลต่อไปไม่ส่งเสียงแต่อย่างใด วัตถุนี้ดูเหมือนจะปกคลุมด้วยสสารลึกลับที่ป้องกันมันจากการแปดเปื้อนของเหลวสีดำ

สายตาของเฉินฉางเซิงตกไปที่อีกฝั่งของแม่น้ำ

เขาไม่รู้ว่าในเวลากลางวัน อีกฝั่งของแม่น้ำมีกิจกรรมคึกคัก มีคนงานทางการ พ่อค้า หมอดูและแม้แต่นักดนตรีตาบอดที่ฝั่งนั้น ร้านอาหารก็คึกคักทีเดียว หลัวปู้ก็ดื่มสุราไปสองไหในที่แห่งนี้

เขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าพื้นดินด้านหลังบวมเล็กน้อย และหญ้าสีน้ำค้างแข็งสองต้นก็คลานมาถึงเท้าของเขาแล้ว

โคลนสีดำระเบิดออกอย่างไร้เสียงราวกับดอกไม้ตูม มือน่าเกลียดปกคลุมไปด้วยเกล็ดและขนยื่นออกมาจากพื้นดิน

ปราณของโลกเกิดความวุ่นวายเล็กน้อย ด้วยประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเฉินฉางเซิง เขาสังเกตได้ในทันที

แต่ปฏิกิริยาของเขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง

มันสายเกินไปที่จะใช้ย่างก้าวหยั่งเทวาที่ว่องไวที่สุดหรือใช้แขวนดวงสุริยันส่งตัวเองออกไป

มือที่น่าเกลียดน่ากลัวพุ่งออกจากพื้นและตอนนี้ก็กำอยู่รอบข้อเท้าของเขา

ปราณที่ไม่อาจบรรยายได้แผ่ออกมาจากมือนั้นและเคลื่อนไปตามข้อเท้าของเขา แผ่ไปตามส่วนที่เหลือในร่างกาย

เฉินฉางเซิงรู้สึกเหมือนเขาได้ตกลงไปในปากภูเขาไฟ ทั่วทั้งร่างดูเหมือนจะถูกล้อมเอาไว้ด้วยลาวาร้อนลวก ผิวทั่วร่างเจ็บแสบจนแทบชาด้วยความเจ็บ

นี่คือความรู้สึกลวง เพราะปราณนี้ไม่ได้ร้อน แต่เย็นเยียบ

ปราณที่เย็นจัดและเน่าเหม็นไหลเข้าสู่เส้นลมปราณของเขา เริ่มกัดกินเลือดเนื้อ

นี่น่ากลัวยิ่งกว่าคือปราณเย็นเน่าเหม็นที่ดูเหมือนจะมีชีวิตของมันเอง เปลี่ยนเป็นแผ่นบางที่ปิดกั้นจุดลมปราณสามร้อยหกสิบห้าจุดจนหมดสิ้น นี่ย่อมหมายถึงประกายดาวในจุดลมปราณพวกนี้ไม่อาจที่จะฝ่าออกมาได้ในระยะเวลาอันสั้น

ปราณนี้ไหลเข้าอกในทันที แช่แข็งแดนลี้ลับจนกลายเป็นภูเขาน้ำแข็ง

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้นที่สุด

ใบไม้เหลืองบนต้นตกลงจากกิ่งได้แค่นิ้วเดียวเท่านั้น ในขณะที่ดวงดาวยังไม่ทันกะพริบแสงด้วยซ้ำ

ร่างของเฉินฉางเซิงถูกยึด ทั้งลมหายใจและหัวใจถูกแช่แข็ง

อย่าว่าแต่ตอบโต้กลับ ส่งเสียงก็ยังไม่อาจทำได้

การลอบโจมตีจากใต้ดินนี้ร้ายกาจเกินไป ปราณนี้ก็เย็นและชั่วร้ายเกินไป

ผู้บำเพ็ญตนคนอื่น แม้แต่ยอดฝีมือในจุดสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาว หากถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวจากการโจมตีที่ชั่วร้ายที่ไม่เคยปรากฏบนโลกมานานหลายปี ก็คงถูกยืดร่างและตายไปอย่างเงียบงัน

แต่เฉินฉางเซิงจะตายอย่างนี้เช่นนั้นหรือ ในอารามของนิกายหลวงที่ได้รับการคุ้มกันจากยอดฝีมือนับไม่ถ้วน ใต้แสงดาวสีเงินเช่นนี้

กวนเฟยไป๋เดินออกมาจากอารามพร้อมกระบี่ แต่เขาก็ยังอยู่ห่างจากเฉินฉางเซิงออกไปสิบกว่าจั้ง

ที่สำคัญนอกจากสัมผัสด้ถึงสายลมที่เย็นลงบ้างแล้ว เขาก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติใด

ค่ายกลของอารามเต๋าไม่อาจสัมผัสได้ถึงมือสังหารที่ร้ายกาจ

เฉินฉางเซิงหายใจช้าลง นับจากการลอบโจมตีเริ่มขึ้นลมหายใจครั้งที่สองนั้นยาวกว่าครั้งแรกเจ็ดเท่า

ในเวลาเดียวกัน การเต้นของหัวใจก็ช้าลง นับจากการลอบโจมตีเริ่มขึ้นเช่นกัน การเต้นครั้งที่สองของหัวใจก็ช้ากว่าการเต้นครั้งแรกหลายเท้า

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การหายใจครั้งต่อไปคงไม่มีทางมาถึง การเต้นของหัวใจจะหยุดลง แล้วเขาก็จะตาย

เฉินฉางเซิงใกล้ตายอย่างมากแล้วในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงความตายมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา

นับจากอายุสิบขวบ เขาก็อยู่ในเงาของความตายมาตลอด ใต้สะพานอุดรใหม่ ริมทะเลสาบที่หานซาน หรือยอดเขาสุสานเทียนซู เขาได้พบกับสถานการณ์อันตรายมากกว่านี้มาแล้ว ดังนั้นแม้จะเห็นความตายใกล้เข้ามาเขาก็ไม่ตื่นตระหนก

ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเขามีประสบการณ์ในเรื่องการรับมือกับปราณเย็นเช่นนี้

เขาถูกจี๊ดจี๊ดพ่นลมหายใจมังกรใส่หลายรอบ ในช่วงหลายปีมานี้ เขามักกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในถ้ำไม่ก็ก้อนน้ำแข็งลอยน้ำในทะเลสาบของตำหนักร้าง

ลมหายใจของมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งนั้นเป็นสิ่งที่เย็นเยียบที่สุดในโลก แม้ว่าปราณของมือสังหารนี้จะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้เย็นเยียบถึงเพียงนั้น

ในบางแง่มุมเฉินฉางเซิงเป็นคนที่สามารถต้านทานปราณเย็นได้ดีที่สุดในโลก ในแง่ของทั้งร่างกายและจิตใจ เขาสามารถทนทานได้มากกว่าคนทั่วไป และแม้แต่ยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่แน่ว่าจะเทียบเขาได้ในแง่นี้

ในมุมมองของมือสังหารร่างกายและดวงจิตของเฉินฉางเซิงคงจะถูกแช่แข็งไปเรียบร้อยแล้ว แม้แต่ความคิดจิตใจก็หยุดชะงัก ทำให้ความคิดว่าจะตอบโต้กลับนั้นเป็นเรื่องเหลวไหล

เฉินฉางเซิงไม่อาจเคลื่อนไหวได้จริงๆ แต่เขายังสามารถใช้ความคิดได้

ตราบใดที่เขายังใช้ความคิดได้ ก็ไม่มีใครรั้งเขาได้

จิตของเขาเคลื่อนไหวท่ามกลางช่องว่างไร้สิ้นสุดระหว่างลมหายใจและการเต้นของหัวใจ

กระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากฝัก เล่มแล้วเล่มเล่า!

เจตจำนงกระบี่ที่รวดเร็วและแข็งแกร่งนับไม่ถ้วนห้อมล้อมสวนหลังเอาไว้จนหมด

ประกายกระบี่นับไม่ถ้วนฟันใส่พื้นที่โดยรอบ สลายแสงดาวและตัดใบหญ้า รอยกระบี่ลึกเกิดขึ้นไปทั่วพื้นในขณะที่ดินโคลนปลิวขึ้นไปทั่วบริเวณ

ค่ายกลในอารามเต๋าถูกกระตุ้นขึ้นในที่สุด แสงสดใสพุ่งขึ้นจากหลังคา ห้อมล้อมอารามและสวนเอาไว้ทั้งหมด

ภายในประกายกระบี่นับไม่ถ้วน มีเสียงครางเบาๆ ดังขึ้น มันดังขึ้นพร้อมเสียงฉีกขาด ราวกับมีบางอย่างแตกหัก

สนามหญ้าบวมขึ้นเป็นแนว ราวกับมีบางอย่างใต้พื้นดินกำลังพยายามหลบหนี

ปราณชั่วร้ายเน่าเหม็นขาดจากต้นกำเนิด ดังนั้นชีวิตของเฉินฉางเซิงจึงไม่ได้อยู่บนขอบเหวแห่งความตายอีกต่อไป แต่เขาก็ยังไม่อาจเคลื่อนไหวได้ในตอนนี้ ยังคงอยู่ในอันตราย

กระบี่บินกลับมา ลอยอยู่รอบกายเขาและก่อเป็นค่ายกลกระบี่ที่ไม่อาจเล็ดลอดเข้าไปได้ ส่งเสียงดังหึ่งๆ

……

……

กวนเฟยไป๋มองดูเฉินฉางเซิงจากระยะไกลและรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น

ลมหายใจและการเต้นของหัวใจที่ช้าลงของเฉินฉางเซิงไม่อาจซ่อนจากดวงจิตที่สว่างเจิดจ้าของเขาได้

จากนั้นเขาก็เห็นโคลนบนพื้นหญ้าและมือที่กำข้อเท้าของเฉินฉางเซิง

เขาชักกระบี่ยาวและพุ่งเข้าไป เขารู้สึกเป็นกังวลอย่างมากเพราะเขาตระหนักว่าอาจจะสายเกินไป

ในตอนนี้เองที่ประกายกระบี่ปรากฏขึ้นบนพื้นหญ้า ตัดแสงดาวและหญ้าเป็นชิ้นๆ บีบมือสังหารให้ปรากฏตัว

เห็นพื้นหญ้านูนขึ้น กวนเฟยไป๋ก็ซัดกระบี่ยาวไปทางนั้น

ความมืดมิดริมแม่น้ำเวิ่นสุ่ยพลันส่องสว่างขึ้นด้วยประกายกระบี่สีขาว

แสงดาวจากดวงดาวนับไม่ถ้วนดูเหมือนจะหม่นมัวลง หญ้าแช่แข็งโค้งงอ ใบไม้เหลืองแหลกสลาย