เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1408

ทันใดนั้น นักบู๊สิบกว่าคนก็จู่โจมออกมาจากทุกสารทิศ

กระพือปีกสองข้าง อย่างรวดเร็วมากจนทำให้ลู่ฝานถึงกับตกใจ!

ปฏิกิริยาของลู่ฝาน สิบสาม และหลิงเหยาต่างก็ไม่ช้า เริ่มลงมือแสดงวิชาของตนในทันที!

เพียงพริบตาเดียว เปลวไฟก็ลุกโชนไปทั่ว

เจ้าดำอ้าปากพ่นเปลวไฟสีดำ ทันใดนั้น ก็แผ่กระจายเป็นวงกว้างขนาดใหญ่

ลู่ฝานมองเห็นนักบู๊ปีกทองคนนั้นท่ามกลางเปลวไฟได้ก่อน ซึ่งการจับผู้ร้ายต้องจับตัวที่เป็นหัวโจก จึงได้ใช้กระบี่ฟาดฟันลงไป อย่างไม่ลังเล!

ตึ่งงง!

กระบี่หนักของลู่ฝาน ได้ฟันลงไปที่หอกไม้ยาวสีม่วงที่อยู่ในมือของนักบู๊ปีกทอง

พลังที่หนักหน่วง ได้ทำให้ง่ามนิ้วของนักบู๊ปีกทองฉีกขาดในทันที พร้อมกับเลือดสาดกระเด็น

กร็อกแกร็ก หอกไม้ยาวสีม่วงในมือของเขา ก็เกิดรอยแตกร้าวขึ้น

แสดงให้เห็นว่า อาวุธในมือของเขา กับกระบี่หนักไร้คมของลู่ฝาน มีความแตกต่างกันมากขนาดไหน คาดว่าหากถูกฟันอีกครั้ง คงจะต้องแยกออกเป็นสองท่อนอย่างแน่นอน

สีหน้าตกตะลึง เขาเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าพลังความสามารถของลู่ฝานจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้!

ลู่ฝานพลิกข้อมือ กระบี่หนักไร้คม ก็พลันหมุนวนที่รอบเอวครึ่งรอบ

“พลังความเป็นความตายวนเวียน ครั้งที่หนึ่ง ฟ้าดินสะเทือน! ”

พลังปราณแผ่ซ่านไปทั่ว ทันใดนั้น นักบู๊ปีกเงินที่อยู่โดยรอบต่างก็เลือดสาดกระเด็นกันออกมา

เจ้าดำ หลิงเหยา และสิบสามได้ฉวยโอกาสนี้ จู่โจมเข้าใส่ทันที

เสียงขลุ่ยของหลิงเหยาก็พลันดังขึ้น นักบู๊ที่อยู่ใกล้กับเธอนั้น ต่างก็กลายเป็นหมอกเลือดไปทั้งแถบ

เวลานี้ลู่ฝานเพิ่งจะเห็นว่า วิทยายุทธของหลิงเหยานั้น ได้มาถึงขอบเขตของนักบู๊แดนปราณดินแล้ว ส่วนนักบู๊ปีกเงินเหล่านี้ เหมือนว่าจะมีพลังความสามารถเพียงแดนปราณชีวิตชั้นสุดยอด ช่างอ่อนแอเป็นยิ่งนัก

ยังไม่จบเท่านี้ เจ้าดำตบตีตายไปหนึ่งคน แล้วก็ยังพ่นไฟเผาตายไปอีกสองคน

มันที่ทั้งกินทั้งดื่มและกินยา ใช้ชีวิตอยู่ข้างกายลู่ฝานมาโดยตลอดนั้น ก็ถึงระดับขั้นแดนนักบู๊ปราณดินแล้ว เมื่อใช้พลังทั้งหมดอย่างเต็มที่ ก็แสดงออกถึงพลังความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรที่เหนือกว่านักบู๊ ซึ่งหมายความว่า สามารถที่จะฆ่านักบู๊ธรรมดาลงได้

สิบสามก็ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงแล้ว หลังจากที่กินยาเปลี่ยนโลหิตเข้าไปแล้ว วิทยายุทธก็เข้าสู่แดนปราณดิน ร่างกายขยายใหญ่ ดวงตาแดงม่วง วิชากายพลุ่งพล่าน แฝงไปด้วยพลังสังหารอันโหดเหี้ยม

นักบู๊ปีกเงินที่พุ่งจู่โจมเข้ามาอย่างกำเริบเสิบสานเมื่อครู่นี้นั้น แทบจะชั่วพริบตาเดียว ก็ได้ถูกลู่ฝานและพวกพ้องสังหารลงไปอย่างไม่มีชิ้นดี

ลู่ฝานไม่แม้แต่จะมองไปที่พวกนักบู๊ปีกเงิน เมื่อรับรู้ถึงระดับพลังความสามารถของพวกเขาแล้ว เขาก็วางใจในตัวของสิบสามและเจ้าดำอย่างมาก

พูดตามจริง ตอนนี้นักบู๊ที่ไม่ถึงขั้นแดนปราณดิน ลู่ฝานนั้นไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย

เปลวเพลิงได้ผุดขึ้นมาในอากาศ บวกกับสายฟ้าสีดำ

กระบี่มังกรคู่สายฟ้าเปลวเพลิง!

ลู่ฝานฟาดฟันกระบี่ลงไปอีกครั้ง ทั้งเปลวไฟและสายฟ้าดังสนั่นกึกก้อง สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วท้องฟ้า ชั้นเมฆใต้ฝ่าเท้าแตกกระจายไปทั่ว

นักบู๊ปีกทองมีวิชากายที่ไม่เลว สามารถที่จะหลบหลีกไปได้

แต่ร่างกายของเขาส่วนหนึ่งก็ถูกเปลวไฟสายฟ้าของลู่ฝานโจมตีเข้าใส่เหมือนกัน

ทันใดนั้น นักบู๊ปีกทองก็ส่งเสียงร้องโอดครวญ พยายามถอยร่นลงไปอย่างสุดชีวิต หอกไม้ยาวสีม่วงในมือของเขา เวลานี้ถือว่าได้กลายเป็นผุยผงลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว!

ลู่ฝานตะโกนเสียงดัง: “จะหนีไปไหน! ”

เท้าเหยียบลงบนย่ำก้าวยอดเมฆาฟ้า เหาะเหินตามไป

แต่ทันใดนั้น เงาร่างของนักบู๊ปีกทองก็พลันหายสูญไปในชั้นเมฆที่ห่อเหี่ยว

ลู่ฝานใช้กระบี่ฟันไปในอากาศ ชั้นอากาศธาตุแตกสลาย เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจัดกระจาย

“ไอ้ค่ายกลที่บัดซบ! ”

ลู่ฝานกัดฟันพูดขึ้น

ทางด้านหลัง เจ้าดำพาหลิงเหยาตามมาอย่างรวดเร็ว โดยพวกนักบู๊ปีกเงินนั้น ได้ถูกพวกเขาสังหารลงไปอย่างราบคาบแล้ว เหลือเพียงแค่สองคนที่หลบหนีหัวซุกหัวซุนไปได้

ในขณะนั้นเอง ภายในร่างของลู่ฝาน ก็มีเสียงของไอ้เก้าดังขึ้น

“ฮ่าฮ่า เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ฉันทำลายค่ายกลลงได้แล้ว จะให้เก็บไว้ไหม! ”

ลู่ฝานดวงตาเป็นประกาย พูดเสียงดังว่า: “เก็บไว้! ”

ทันใดนั้น ในมือซ้ายของลู่ฝาน เงาลางของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรก็ปรากฏขึ้น

จากนั้น เมฆหมอกบริเวณโดยรอบก็กลายเป็นลำแสงดวงหนึ่ง เข้ามาสู่ในมือของลู่ฝาน

ดอกไม้บริเวณโดยรอบปรากฏกลับคืนขึ้นมาอีกครั้ง นี่ต่างหากที่เป็นสภาพแวดล้อมเดิมของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งสิ่งที่สะท้อนขึ้นในม่านตานั้น ยังมีนักบู๊ปีกทองและคนอื่น ๆ ด้วย!

พวกเขากี่คนที่หลุดรอดออกมาได้นั้น ถึงกับตกตะลึงอย่างที่สุด

เมื่อมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของลู่ฝาน และลำแสงในมือของเขาแล้ว ก็หันหลังวิ่งหนีไปทันที!

ลู่ฝานชี้ไปที่นักบู๊ปีกทองแล้วพูดว่า: “เจ้าดำ ไล่ตามไป ไล่ตามไอ้คนที่มีปีกสีทองนั่น! ”

เจ้าดำส่งเสียงคำราม กระพือปีกจนเกิดเป็นทะเลเพลิงไปทั้งแถบ

นักบู๊ปีกทองตื่นตกใจอย่างมาก จึงวิ่งหนีอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก

ในขณะนั้นเอง บริเวณด้านล่างก็เกิดแสงสว่างขึ้นอย่างกะทันหัน

กลุ่มพวกนักบู๊เกราะเถาวัลย์เขียวของประเทศหลิงก็เหาะเหินกันขึ้นมา มีธนู และหอกยาวอยู่ในมือ โดยได้โอบล้อมพวกเขาเอาไว้ และจ้องเขม็งไปที่ลู่ฝานและพวกพ้อง

“บังอาจนัก! ตำหนักบรรทมของฝ่าบาท ยังกล้าที่จะใช้อาวุธกันอีก ยังไม่รีบวางลงเดี๋ยวนี้! ”

นักบู๊ปีกทองเห็นว่าตนเองถูกล้อมเอาไว้ จึงกัดฟัน และตะโกนพูดขึ้นว่า: “ฉันคือหัวหน้าผู้พิทักษ์คุ้มกันของราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ใครกล้าขวางทางฉัน! ”

ขณะที่พูด ลายก้นหอยหกดวงบริเวณหลังของนักบู๊ปีกทองก็ประกายแสงขึ้น พวกนักบู๊เกราะเถาวัลย์เขียวเหล่านั้น ก็รีบโค้งตัวแสดงความเคารพทันที

ลู่ฝานขมวดคิ้วขึ้น กำลังคิดที่จะยกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง ทางนักบู๊ปีกทองที่สั่นเทาไปทั้งตัว ก็ได้เหาะหลบหนีไปแล้ว

พวกองครักษ์เกราะเถาวัลย์เขียวได้โอบล้อมลู่ฝานและพวกพ้องเอาไว้ พร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา

ลู่ฝานพูดขึ้นว่า: “ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์? พวกนายคือพวกเดียวกันเหรอ? ”

บนตัวกระบี่หนักไร้คมที่อยู่ในมือ ลำแสงเขตวิถีก็เริ่มประกายแสงขึ้น เขากำลังนึกย้อนถึงใบหน้าของราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้น ซึ่งก็คือไอ้แก่เมื่อครู่นี้ที่ขัดขวางพวกเขาที่หน้าประตูนั่น ทำให้สีหน้าของลู่ฝานเริ่มมีความโกรธแค้นขึ้นแล้ว

ขณะที่สงครามการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น ก็พลันเกิดเสียงที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน

“ฉันไม่ใช่พวกเดียวกันกับราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย! ”

ลู่ฝานหันหน้ามองไป ก็พลันพบเห็นสาวน้อยคนหนึ่งกำลังเหาะเข้ามา

“ฝ่าบาท! ”

ลู่ฝานพูดขึ้น

ฝ่าบาทประเทศหลิงถามขึ้นด้วยสีหน้าที่แปลกใจว่า: “ทำไมพวกคุณถึงได้มาอยู่กันที่นี่? ”