บทที่ 2091 สรุปแล้วเกี่ยวข้องกันยังไง
นั่นคือแหวนที่แสดงถึงอำนาจสูงสุด หลังจากผู้นำของเดธโรสตาย กลับไม่พบแหวนวงนั้นอยู่บนร่าง
จี้ซิวหร่านขมวดคิ้วนิดๆ แหวนคู่นั้น ตกมาอยู่ในมือของอู๋โยวได้ยังไง
สิ่งเดียวที่จี้ซิวหร่านรู้ ก็คือผู้นำของเดธโรสรุ่นก่อน มีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับตระกูลเนี่ย ดูเหมือนว่าจะเป็นญาติห่างๆ
ในศึกครั้งนั้น ตระกูลเนี่ยกลับสวมบทผู้ผดุงความยุติธรรม มีส่วนรวมในการปฏิบัติการกวาดล้างเดธโรส
“เรื่องพวกนี้ สรุปแล้วเกี่ยวข้องกันยังไง สื่อถึงอะไรกัน…”
จี้ซิวหร่านพึมพำ ใบหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม
พอเห็นดังนั้น ไห่ถังเห็นก็มีสีหน้าร้อนใจอยู่บ้าง “ซิวหร่าน ไม่ต้องคิดแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะ…”
ร่างกายของผู้ชายคนนี้ เดิมทีก็เริ่มคุมไว้ไม่ไหวแล้ว
“มีกระดาษกับปากกาไหม”
จี้ซิวหร่านเอ่ยถาม
“มีน่ะมี แต่ซิวหร่าน ร่างกายของคุณ…”
ใบหน้าของอาเฉินเต็มไปด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไร เอากระดาษกับปากกามาให้ฉัน” จี้ซิวหร่านสั่ง
พออาเฉินได้ยินก็ถอนหายใจ ในใจเขารู้ดี เรื่องที่จี้ซิวหร่านตัดสินใจไปแล้วไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ด้วยความจนปัญญา อาเฉินจึงทำได้แค่ไปหยิบกระดาษกับปากกามา
“คนลึกลับ…แหวน สายหลัก…สามอย่างนี้ สรุปแล้วเกี่ยวข้องกันยังไง”
จี้ซิวหร่านถือปากกาไว้ เขียนคำถามลงไปบนกระดาษที่ออกเหลืองๆ แล้วอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ ภัยคุกคามอย่างหนึ่งของอู๋โยวคือกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ อีกอย่างก็คือสายหลัก
พูดให้ถูกคือ เป็นคนลึกลับรายนั้นที่สามารถเข้าออกสายหลักได้อย่างอิสระเสรี
คนลึกลับสนใจแหวนที่อยู่ในมือของอู๋โยว ดังนั้นเธอถึงได้ถูกไล่ล่า
ในขั้นนี้สรุปได้ว่า ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังคงเป็นชายลึกลับคนนั้น
กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์อยู่ในที่แจ้ง แต่คนลึกลับกลับอยู่ในมุมมืด ราวกับอสรพิษตัวหนึ่งที่เย็นชาอำมหิต
หลังจากเขียนความเชื่อมโยงลงบนกระดาษไปทีละขั้นๆ แล้ว จู่ๆ สีหน้าของจี้ซิวหร่านก็แปรเปลี่ยน
เรื่องราวบางอย่างในอดีต ผุดวาบขึ้นมาในใจ
“หรือว่าจะเป็น…”
จี้ซิวหร่านขมวดคิ้วแน่น ดวงตาฉายแววตกตะลึงแวบหนึ่ง
ไห่ถังจ้องมองจี้ซิวหร่าน คิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพบว่า กระดาษเหลืองหนาๆ ที่จี้ซิวหร่านขีดเขียนไว้เต็มไปหมด พลันถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว
จากนั้น มุมปากของจี้ซิวหร่าน ก็มีเลือดสดๆ ไหลซึมออกมาอย่างน่าตกใจ
“ซิวหร่าน!”
ไห่ถังประคองจี้ซิวหร่านไว้
ผู้ชายคนนี้ กำลังผลาญชีวิตตัวเองอยู่ เขาทำเพื่ออะไรกันแน่ แม้แต่ชีวิตตัวเองก็ไม่สนใจแล้วเหรอ!
“ไห่ถัง จี้หวง!”
ในเวลานี้ อาจารย์หลี่พุ่งเข้ามา แล้วรีบเอ่ยขึ้นว่า “มีไอ้หนุ่มคนหนึ่งชื่อซือเซี่ย เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน รับไม่ได้ที่ตัวเองถูกคุมขังไว้ในคุก คิดจะว่ายน้ำหนี นายว่าบังเอิญไปไหม ระหว่างที่เขากำลังหลบหนี ไม่น่าเชื่อว่าจะไปพบคลังทรัพยากรของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เข้า ข้างในมียาอยู่เยอะแยะเลย!”
“อาจจะ…ไม่มีประโยชน์แล้ว”
ไห่ถังเผยสีหน้าซับซ้อน “ร่างกายของซิวหร่าน…พึ่งแค่ยาอย่างเดียว บางที…อาจจะยื้อเอาไว้ไม่ได้แล้ว อาจารย์หลี่ คุณน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะ”
พอได้ยินคำพูดนี้ของไห่ถัง สีหน้าของทุกคนในห้องต่างก็หม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว
เป็นอย่างที่ไห่ถังพูดจริงๆ ร่างกายของจี้ซิวหร่านเริ่มมีอาการดื้อยาแล้ว ร่างกายของเขาทรุดโทรมลงอย่างสาหัส แม้ว่าจะไม่มีอาการดื้อยา ทว่าผลข้างเคียงจากตัวยา ก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตของจี้ซิวหร่านได้แล้ว
จี้ซิวหร่านสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาอีกครั้ง เขียนถ้อยคำลงไปหนึ่งย่อหน้าใหญ่ จากนั้นก็พับทบกัน แล้วซุกไว้ในอกเสื้อ
“ขอบใจทุกคนที่อยู่เคียงข้างกันมานานหลายปี”
จี้ซิวหร่านมองดูทุกคน ด้วยใบหน้าที่ฉาบรอยยิ้มที่ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิไว้
————————————————————————
บทที่ 2092 สุดท้ายกลับว่างเปล่า
บนเกาะอันโดดเดี่ยว ทุกวันจะมีเจ้าหน้าที่ล่องเรือมาหลายครั้ง เพื่อจัดเตรียมอาหารให้คนทั้งหมดบนเกาะ
ในเรือนจำที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งนี้ ในช่วงเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา จี้หวงอยู่ในคลังทรัพยากรที่ซือเซี่ยค้นพบตามลำพังมาโดยตลอด ไม่เคยออกมาเลยสักก้าว
ไม่มีใครรู้ว่าจี้ซิวหร่านทำอะไรอยู่ มีแค่ไห่ถังที่รับหน้าที่คอยส่งข้าวให้กับจี้ซิวหร่านอยู่ทุกวัน
ในช่วงไม่กี่วันหลังให้หลัง อาเฉินมาขอเข้าพบ เพียงแต่ จี้ซิวหร่ายกลับไม่ยอมพบใครเลย
ด้วยความอับจนหนทาง อาเฉินจึงทำได้เพียงถอนหายใจแล้วจากไป
….
วันนี้ สายลมแสงแดดสดใส ไร้เมฆบนท้องฟ้า ลมแรงหอบหนึ่งโชยมา แฝงความสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
มีเสียงดัง ‘แอ๊ด’ ประตูโกดังถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า
จี้ซิวหร่านในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว ก้าวออกมาจากด้านในโกดังอย่างเนิบช้า
“ซิวหร่าน…”
ไห่ถังที่เฝ้าอยู่ตรงนี้มาตลอด หลังจากเห็นจี้ซิวหร่านโผล่หน้าออกมาแล้ว ก็รีบก้าวเข้าไปหา
ในเวลานี้ มุมปากของจี้ซิวหร่านประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ ไว้ มองดูไห่ถัง พลางเอ่ยเสียงเบา “อากาศไม่เลวเลย ไปเดินเล่นกับฉันหน่อยไหม”
“ได้”
ไห่ถังพยักหน้า เดินเคียงข้างจี้ซิวหร่าน
ตลอดทาง จี้ซิวหร่านไม่พูดไม่จา ไห่ถังที่อยู่ด้านข้าง ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ จี้ซิวหร่านก็หยิบกล่องที่ห่อเอาไว้อย่างพิถีพิถันออกมาจากอก แล้วบอกไห่ถังว่า ในอนาคต ช่วยมอบกล่องใบนี้ให้เนี่ยอู๋โยวด้วย
จนกระทั่งตกบ่าย ไห่ถังก็จ้องมองจี้ซิวหร่าน “ซิวหร่าน ลมแรงแล้ว…กลับกันก่อนเถอะ”
“ให้ฉันเดินเล่นคนเดียวหน่อยได้ไหม” จี้ซิวหร่านมองไห่ถัง ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยออกมา
พอได้ยินคำพูดนี้ ไห่ถังก็ส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ด้วยสุขภาพของจี้ซิวหร่านในตอนนี้ ต้องพักผ่อนให้เยอะๆ ถึงจะดีที่สุด
“กลับไปก่อนเถอะ”
ระหว่างที่คุยกันอยู่ จี้ซิวหร่านก็พลันดีดนิ้วใส่ไห่ถังทีหนึ่ง
หลังจากเสียงดีดนิ้วดังขึ้น ไห่ถังก็เหมือนโดนมนต์สะกด เดินกลับไปในทิศทางที่เดินมาตามสัญชาตญาณ
เธอรู้ว่าตัวเองพลาดท่าให้วิชาสะกดจิตของผู้ชายคนนี้แล้ว…
หลังจากรอจนไห่ถังจากไปแล้ว จี้ซิวหร่านก็ประสานมือไพล่หลัง ยืนอยู่ริมทะเล ดวงตาที่อ่อนโยน ทอดมองท้องทะเลอันไร้ขอบเขต
“คนคิดว่าทะเลเป็นสีฟ้า แต่ไม่รู้เลยว่า สีสันของทะเล ก็แปรเปลี่ยนได้สารพัด” จี้ซิวหร่านพึมพำ “บางครั้งก็เป็นสีฟ้าเข้ม ดูคล้ายสีน้ำเงิน แต่ก็ติดเหลืองนิดๆ ออกโทนน้ำตาลแดงได้ แล้วชีวิตคน จะไม่ใช่แบบนี้ได้ยังไง…”
ชายหนุ่มเอามือไพล่หลังไว้ ลมทะเลพัดเสื้อผ้าเขาจนเกิดเสียงดังพึ่บพั่บ จ้องมองท้องทะเลอันไร้ขอบเขต ในเวลานี้ ร่างกายของเขา ราวกับถูกสตัฟฟ์เอาไว้ตลอดกาล
ผ่านไปพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็นั่งลงบนพื้น ราวกับกำลังสัมผัสความสุขอันหาได้ยากเป็นครั้งสุดท้าย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน คลื่นทะเลซัดสาดอย่างแผ่วเบา และไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปอยู่ที่ไหนแล้ว
ข้ามผ่านขุนเขาธารา ควรมุ่งหน้าไปที่ใด
ทิวทัศน์งามสายลมแผ่ว ชื่นชมสามกวีฟู่
ใจคนยากคะเน หนาวร้อนอยู่ที่ทำตัว
ผ่านพ้นหมื่นลำเค็ญ มองไม่เห็นสิ่งใด
อาทิตย์ร่อนอัสดง เคลื่อนคล้อยลงอีกครา
สายลมพัดโชยมา ไร้สิ้นซึ่งภาระ
แสงอ่อนสลัวเลือน หลุมศพอยู่ไม่ไกล
โลกานับหมื่นพัน สุดท้ายกลับว่างเปล่า…
….
ทันทีที่กลับถึงใจกลางของเกาะ ไห่ถังก็ได้สติในทันใด จึงวิ่งย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิมแทบทันที เพียงแต่ มองไม่เห็นเงาร่างของจี้ซิวหร่านอีกต่อไปแล้ว
“ซิวหร่าน…”
สองมือของหญิงสาวกำแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน “จี้ซิวหร่าน…”
ผู้ชายคนนี้ ทำให้เธอประหลาดใจมาก ในใจเธอ เขาเป็นคนผุดผ่องไม่มัวหมอง บนโลกใบนี้ไม่มีใครเทียบได้
ทว่า เขากลับอยู่ในมุมมืด ไม่อาจออกมาได้
และในช่วงสุดท้ายของชีวิต ชายหนุ่มคล้ายจะหลีกเร้นจากโลกอันวุ่นวาย ไม่มีห่วงกังวลใดๆ อีกต่อไปแล้ว
ในอดีต เขามีสิ่งที่สมควรยึดติดพะวง แต่ตอนนี้ ไม่มีสิ่งที่ต้องพะวงแล้ว และไม่มีสิ่งที่สามารถเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้แล้ว
ผู้ชายคนนี้ คล้ายจะเป็นปริศนาไปตลอดกาล ไม่เคยก้าวออกมาจากม่านหมอก และไม่เคยก้าวเข้าสู่ม่านหมอก
…………………………………….