ตอนที่ 1134 วิปริตอย่างน่ากลัว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ลงมือก่อนที่พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากเกาะมังกรอื่น นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว อย่าได้ลังเล”

ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกล่าว “ขอรับ!”

ถูกโจมตีถึงหน้าประตูเมืองเช่นนี้ แน่นอนว่าท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นก็ได้ส่งคนออกมารับมือเช่นกัน

“อวิ๋นเทียนจ้าน เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ไม่ยอมเข้าร่วมฝ่ายเทพของพวกข้าอย่างง่ายดายยังไม่พอ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลงมือกับพวกข้าอีก” ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว

ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้ามันทรยศต่อเผ่ามังกร ไม่ควรถูกลงโทษอย่างนั้นเหรอ?”

“พวกข้าล้วนแต่คิดเผื่อเผ่ามังกรทั้งสิ้น!”

“นี่มันก็เป็นแค่ข้ออ้างในการทรยศของพวกเจ้าต่างหาก!”

“……”

ในขณะที่ทั้งสองเมืองกำลังต่อสู้กัน นึกไม่ถึงเลยว่าท่านเจ้าเมืองของทั้งสองเมืองจะมาต่อล้อต่อเถียงกันเช่นนี้

มู่เฉียนซีทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว นางมองไปที่ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นและกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋น พวกเราจะให้โอกาสเจ้ายอมจำนน หากเจ้าไม่ยอมจำนน เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะลำบากเอาได้”

ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นมองไปที่มู่เฉียนซี ครั้งนี้มีคนกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับเขา อีกทั้งยังเป็นมังกรน้อยที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะเสียด้วย

ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นมองไปที่หญิงสาวชุดม่วงผู้งดงามอย่างไร้ติด้วยความพิจารณา เขากล่าว “ชิ! เจ้าก็คือสาวน้อยของเผ่ามังกรวารีที่ทุกคนกำลังร่ำลือกันอยู่กระมัง! ข้าดูแล้ว เจ้าก็ไม่ได้เหมือนมังกรวารีเอาซะเลย สมกับที่แอบอ้างชื่อของคนอื่นมาหลอกลวงเสียจริง!”

มู่เฉียนซีไม่ทันได้โกรธ ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นก็โกรธเกรี้ยวขึ้นเสียก่อน

“เจ้าเมืองฝูอวิ๋น เจ้าอย่าได้กล่าววาจาซี้ซั้วนะ ท่านมู่จะหลอกลวงได้อย่างไรกัน”

พลังธาตุวารีอันบริสุทธิ์ปานนั้น อีกทั้งยังมีฝีมือการหลอมยาที่เยี่ยมยอดขั้นนั้น ทั่วทั้งแดนมังกรจะมีมังกรใดสามารถปลอมตัวได้ดีถึงเพียงนี้กันเล่า

“อวิ๋นเทียนจ้าน เจ้าต้องการยึดครองเมืองฝูอวิ๋นของข้าจนต้องยืมฐานะของเผ่ามังกรวารีมาเลยเหรอ เช่นนั้นข้าก็จะจับสาวน้อยผู้นี้ให้เจ้าดู ว่าตกลงแล้วนางเป็นมังกรเผ่าใดกันแน่”

ทันใดนั้นท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นก็ได้เผยกายแท้เป็นมังกรเหลืองขนาดใหญ่ขึ้น และเผ่ามังกรที่อยู่ด้านหลังต่างก็เผยกายแท้เป็นมังกรออกมาเช่นกัน

อวิ๋นเทียนจ้านก็เผยกายแท้เป็นมังกรทันที เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้!

ในตอนนี้ทุกคนล้วนแต่เผยกายแท้เป็นมังกรแล้วทั้งสิ้น และรูปร่างอันเพรียวบางนั้นของมู่เฉียนซีก็ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ

ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นหัวเราะขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ! สาวน้อยผู้นี้ไม่กล้าแปลงกายแล้ว ตัวปลอมแน่นอน”

ต้องรู้เอาไว้เลยว่าร่างมนุษย์ที่เข้าสู่สนามรบของมังกรนั้น ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้ที่ถูกบังคับให้ทำสงครามเลย

เป้าหมายของท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นก็คือมู่เฉียนซี ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นต้องการจะขัดขวางเขา แต่กลับถูกคนอื่นขวางเอาไว้

เผชิญหน้ากับพายุลมที่พัดกระโชกมาเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

ปัง!

“น้ำแข็ง!” ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นเห็นกำแพงน้ำแข็งนั้นแล้วก็ตกใจสะดุ้งขึ้น

“นี่มันก็แค่ละครปาหี่ฉากเล็ก ๆ เท่านั้น ต่อให้เจ้าสามารถใช้น้ำแข็งได้ ข้าก็ไม่มีทางเชื่อว่าเจ้าคือมังกรวารี!”

เผ่ามังกรวารีเก็บซ่อนตัวจากโลกภายนอกมานานแสนนาน จะมาปรากฏตัวอยู่ในเกาะลอยฟ้าได้อย่างไรกัน

ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นเข้ามาใกล้ พลังการกดขี่ข่มเหงนี้ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลย

ถึงแม้ว่าตอนนี้มังกรแต่ละตัวในเผ่ามังกรจะไม่ใช่สัตว์เทพ แต่นางผู้ที่มีพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

พลังธาตุวารีได้โคจรขึ้น และมังกรสีฟ้าอันเย็นยะเยือกตัวหนึ่งก็พุ่งทะยานออกไป

“มังกรวารีพิฆาต!”

พลังธาตุวารีอันบริสุทธิ์นั้นทำให้ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ผิดจริง ๆ

นอกจากเผ่ามังกรวารีแล้ว ในแดนนี้ยังมีผู้ใดสามารถมีพลังธาตุวารีที่บริสุทธิ์เช่นนี้ได้อีก

ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นตกใจผงะไปครู่หนึ่งจึงทำให้มู่เฉียนซีทำได้สำเร็จ ทว่า การโจมตีนี้ช่างอ่อนแอเกินไปจึงไม่สามารถทำลายเกราะป้องการอันภาคภูมิใจของเผ่ามังกรได้

“สาวน้อย หากเจ้าอยากจะมีชีวิตรอดก็แปลงร่างเป็นมังกรซะเถอะ! แขนน้อย ๆ ขาเล็ก ๆ เช่นนี้ เพียงแค่ข้าขยับข้อมือ เจ้าก็ไม่รอดแล้ว”

นางก็เพียงแค่คนที่ปลอมตัวเป็นมังกรเท่านั้น จะสามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้อย่างไรเล่า!

ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นก็ไม่อยากจะฆ่ามู่เฉียนซีไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นจึงหยอกล้อนางเล่น

มู่เฉียนซีโคจรพลังวิญญาณขึ้นใช้ทักษะย่างเท้าเงาเทวาหลบหลีก ทว่า ต่อให้รวดเร็วเพียงใดก็ไม่สามารถเร็วไปกว่ามังกรได้!

พลังของมังกรวารีพิฆาตนั้นไม่สามารถทำอะไรมังกรเหลืองตัวนี้ได้เลย มู่เฉียนซีจึงจำเป็นต้องใช้กระบวนท่าพิฆาตอื่น

“ทักษะโยวหลัว!”

พลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นเป็นระลอกคลื่นน้ำรอบ ๆ ตัวนาง ชั่วครู่หนึ่งการโจมตีนั้นก็ได้บังเกิดขึ้น

ตูม! ทักษะนี้ได้ตกลงไปบนร่างของท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋น ร่างของมังกรเหลืองขนาดใหญ่ตัวนั้นถอยหลังไปหลายก้าว

“นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังถึงเพียงนี้…” ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจยิ่ง

“แต่ว่า นี่มันไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ของเผ่ามังกร มันเหมือนทักษะการต่อสู้ของมนุษย์มากกว่า เจ้าเป็นมังกรของเผ่ามังกรวารี เหตุใดถึงสามารถใช้ทักษะวิญญาณของมนุษย์ได้”

มู่เฉียนซีตอบ “เผ่ามังกรไม่ใช่ว่าจะไม่มีทักษะวิญญาณของมนุษย์หลงเหลืออยู่นี่ ข้าสามารถใช้ทักษะวิญญาณของมนุษย์ได้แล้วอย่างไรกันเล่า ดูท่า เจ้าจะพูดมากเกินไปแล้วล่ะ!”

“ทักษะโยวหลัว!” มู่เฉียนซีโจมตีไปด้วยทักษะโยวหลัวอีกครั้ง

เกล็ดมังกรเกล็ดหนึ่งของท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นถูกมู่เฉียนซีถลกออกไป และสิ่งนี้ทำให้ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว

“สาวน้อย เจ้าได้คืบชักจะเอาศอกเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะต้องรู้กายแท้ของเจ้าให้ได้ว่าเจ้าเป็นมังกรเผ่าใดกันแน่!”

ภายใต้การโจมตีด้วยความโกรธของท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นทำให้มู่เฉียนซีไม่อาจหลบหลีกได้แล้ว

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

แกร่ก! ฉ่า! กำแพงน้ำแข็งได้แตกสลายไปในชั่วพริบตาเดียวภายใต้การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของมังกรเหลืองตัวนี้

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

เผชิญกับการโจมตีนี้ของเขา มู่เฉียนซีหลบหลีกด้วยความยากลำบาก เหงื่อเย็นเริ่มผุดพรายขึ้นทั่วหน้าผากของนางแล้ว

เนื่องจากท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นไม่ต้องการชีวิตของนาง นางจึงมีโอกาสได้หลบหลีก และมันยังไม่ถึงขีดจำกัดของนาง

ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นเองก็กลัดกลุ้มใจมาก ไล่ล่าสาวน้อยผู้นี้มานานถึงเพียงนี้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้นางเผยกายแท้ออกมาไม่ได้

“สาวน้อย ข้าไม่อยากจะเล่นกับเจ้าแล้ว อันที่จริงข้าโจมตีเจ้าให้บาดเจ็บสาหัสจนน่าสังเวชก็คงจะไม่เป็นอะไร เหลือลมหายใจไว้ให้เจ้าเพียงแค่ลมหายใจเดียวก็คงจะพอแล้ว ฉะนั้น…”

“ควรจะจบได้แล้ว!”

พลังอันแข็งแกร่งของมังกรได้กวาดไปทางมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเมืองฝูอวิ๋น ข้าต่างหากที่ควรจะพูดคำนี้!”

“นี่เจ้า นี่เจ้าว่าอะไรนะ…” ท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นตกใจกับคำพูดนี้ของนาง

เขาสังเกตไม่เห็นเลยว่าร่างในชุดดำร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเขาแล้ว

มันเป็นพลังที่เย็นยะเยือกและแข็งแกร่งว่าพลังมังกรของเขามาก และมันได้ครอบคลุมร่างมังกรทั้งร่างของเขาเอาไว้แล้ว

เขารู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บอันเย็นยะเยือกที่ลึกถึงกระดูกจนเข้าไปถึงจิตวิญญาณ มันเป็นความเจ็บปวดราวกับจะกระชากวิญญาณออกจากร่างของเขาได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง

เขาตะโกนขึ้นอย่างแทบขาดใจ “ไม่!”

มังกรที่กำลังต่อสู้อยู่เหล่านั้นก็เกิดความประหลาดใจเล็กน้อย เสียงนี้ เหตุใด เหตุใดถึงได้เหมือนกับเสียงท่านเจ้าเมืองของพวกเขานัก ท่านเจ้าเมืองของพวกเขาได้รับบาดเจ็บแล้วอย่างนั้นเหรอ!

ทุกคนต่างพากันมองไปทางท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋น ทว่า ทันทีที่มองไปก็ดูเหมือนว่าราวกับถูกร่ายคาถาให้ขยับร่างไม่ได้ก็มิปาน ได้แต่ยืนแน่นิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

พวกเขาเห็นร่างมังกรขนาดใหญ่ของท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นนั้น เลือดเนื้อได้แยกออกจากกันภายในชั่วพริบตาเดียว เหลือเพียงแค่โครงกระดูกในรูปลักษณ์ของมังกรเท่านั้น

พลังแห่งความมืดมิดนั้นอยู่รอบตัวเขาราวกับว่ามันสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งได้ก็มิปาน

แม้แต่ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นและพวกก็ตกตะลึงเช่นกัน “นี่ นี่มันพลังของท่านจิ่วเยี่ย!”

โดยปกติถึงแม้ว่าจิ่วเยี่ยจะลงมือ แต่ความเร็วในการลงมือนั้นทำให้พวกเขามองเห็นไม่ชัด

นี่เป็นครั้งเดียวที่พวกเขาได้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนจากการลงมือของจิ่วเยี่ย แต่ละคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดจนพูดไม่ออก และคิดในใจว่า ‘ช่างเป็นความสามารถที่วิปริตอย่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก! ภายในชั่วพริบตาเดียว มังกรที่มีชีวิตอยู่ดี ๆ ไม่เพียงแค่ตายเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเช่นนี้อีก!’