บทที่ 2073 บ่มเพาะอย่างกระตือรือร้น

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืนบทที่ 2073 บ่มเพาะอย่างกระตือรือร้น

การจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะใหม่บนเส้นทางแห่งกาลเวลามาถึงจุดสําคัญ

“ไป!” ฟางหยวนส่งน้ำผึ้งตะบองเพชรเข้าไปในค่ายกล

นี่เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

ในเวลาต่อมาแสงลึกลับก็ส่องประกายขึ้นและกลายเป็นจุดแสงจํานวนนับไม่ถ้วนกระจายหาย

สิ่งนี้ดูราวกับค่ายกลวิญญาณอมตะประสบความล้มเหลว

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบเขาเห็นภาพมายาของสระน้ำลอยอยู่กลางอากาศสระนี้คล้ายสระแก่นแท้ปีแต่มีขนาดไม่ใหญ่นักมันมีขนาดหนึ่งในสิบของสระแก่นแท้ปี

ฟางหยวนสังเกตมันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ การจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ

อมตะประสบความสําเร็จ

ด้วยหนึ่งความคิดเขากระตุ้นใช้งานสระแก่นแท้ปีระดับแปดที่อยู่ในสวรรค์น้อยทั้งเก้าสาขา

ของสายธารแห่งกาลเวลาไหลลงมารวมตัวกันที่สระเล็กๆแห่งนี้

เมื่อน้ำในสระสะสมจนถึงระดับหนึ่งมันก็เริ่มทํางานด้วยตัวเอง น้ำไหลลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง

หมอกสีขาวก่อตัวขึ้นและปกคลุมทะเลสาบที่มีดอกไม้หลากหลายสีสันเติบโตอยู่เกสรตัวเมียของดอกไม้ชนิดนี้เป็นอาหารของวิญญาณความเสียใจระดับแปด

ภายใต้พลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาดอกไม้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกั้น

น้ำจากค่ายกลวิญญาณอมตะกระจายไปในบริเวณที่กําจัดโดยมีกําแพงแสงสีฟ้าอ่อนคอยสกัด

“สมบูรณ์แบบ”ฟางหยวนตรวจสอบหลายครั้งและพอใจมาก ฟางหยวนได้รับวิธีสร้างกําแพงแสงสีฟ้าอ่อนมาจากถ้ำสวรรค์เวลาที่แตกต่างง

แหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ของถ้ำสวรรค์เวลาที่แตกต่างล้วนถูกห่อหุ้มด้วยกําแพงแสงดัง

กล่าว เวลาที่อยู่ภายในจะเดินเร็วกว่าภายนอกหลายเท่า ดังนั้นถ้ำสวรรค์เวลาที่แตกต่างจึงมีแหล่งทรัพยากรบนเส้นทางแห่งการเวลาที่โดดเด่น

ฟางหยวนเพิ่มสระแก่นแท้ปีเข้าไปเพื่อเป็นรากฐานให้ค่ายกลย่อยเหล่านี้สระแก่นแท้ปีเหมือนเขื่อนที่ควบคุมปริมาณน้ำของแม่น้ำสาขาที่กระจายไปยังจุดต่างๆ

มาก

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถเร่งผลผลิตของแหล่งทรัพยากรต่างๆได้มากกว่าสิบเท่าโดยธรรมชาติแล้วมันไม่ได้เร่งการผลิตทรัพยากรเท่านั้นแต่ยังใช้ได้กับวิญญาณอีกด้วย

เมื่อวิญญาณถูกวางไว้ในพื้นที่ที่เวลาเดินช้าลง ความอยากอาหารของพวกมันจะลดลงอย่าง

วิธีนี้จะส่งผลกระทบไม่มากหากมันอยู่ในมือของผู้อมตะคนอื่นๆ เหตุผลก็คือความขัดแย้ง

ระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า แต่ฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทาง

สวรรค์ มันช่วยลดแรงเสียดทานภายใน ดังนั้นวิธีนี้จึงมีประสิทธิภาพสูงมากสําหรับเขา

ด้านหนึ่งมันสามารถลดความอยากอาหารของวิญญาณอีกด้านหนึ่งมันช่วยเพิ่มผลผลิตของแหล่งทรัพยากรด้วยเหตุนี้ปัญหาเรื่องอาหารของวิญญาณจึงได้รับการแก้ไข

บรรพชนทะเลปราณจากไปแล้ว ฟางหยวนไม่ได้เคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้แดนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยผู้อมตะของทะเลตะวันออกถูกฟางหยวนกลืนกินทั้งหมด

สําหรับถ้ำสวรรค์ของสองสวรรค์ ฟางหยวนตั้งใจปล่อยพวกมันไปก่อน

ประการแรก มิติช่องว่างจักรพรรดิต้องการอาหาร มันต้องกลืนกินถ้ำสวรรค์เป็นครั้งคราวด้วย

การคงอยู่ของถ้ำสวรรค์เหล่านั้นฟางหยวนจะสามารถจัดการพวกมันได้ตามปรารถนา

ประการที่สอง ถ้ำสวรรค์เหล่านั้นเหมือนกระถางต้นไม้ที่ผลไม้ปราณกําลังเติบโตขึ้นการปล่อยให้ผลไม้ปราณเติบโตต่อไปไม่เพียงจะเป็นการปราบปรามสมาชิกกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์

แต่มันยังเป็นการหล่อเลี้ยงร่างแยกบรรพชนทะเลปราณอีกด้วย

ฟางหยวนกลืนกินถ้ำสวรรค์สามแห่งก่อนหน้านี้เพราะเขามีความจําเป็น

ฟางหยวนต้องการเติมเต็มพลังงานอมตะของเขาอย่างเร่งด่วน

แหล่งที่มาของพลังงานอมตะระดับแปดคือการผลิตขึ้นมาด้วยตนเองแต่ผลผลิตของมันขึ้นอยู่

กับการพัฒนามิติช่องว่าง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องกลืนกินถ้ำสวรรค์ทั้งสามเพื่อเพิ่มแหล่งทรัพยากรอย่างรวดเร็ว

สงครามชะตากรรมทําให้ฟางหยวนสูญเสียพลังงานอมตะไปเป็นจํานวนมากหลังจากนั้นฟาง

หยวนยังไม่มีเวลาพักผ่อนเขาต้องวิ่งไปรอบๆเพื่อค้นหาวิธีจัดการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์หลังจากพบวิธีแล้วเขาก็เข้าสู่วังสวรรค์และเริ่มการต่อสู้ไล่ล่าทันที

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนต่อสู้บ่อยเกินไปและการต่อสู้ทั้งหมดล้วนเป็นการต่อสู้บนจุดสูงสุดทั้งสิ้น

จนถึงตอนนี้พลังงานอมตะของฟางหยวนลดลงจนถึงจุดที่น่ากังวลแล้วเขาจําเป็นต้องพักฟื้น

และไม่สามารถต่อสู้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

“โชคดีที่ข้าครอบครองสระแก่นแท้ปีและมีวิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากมายที่สามารถ

เร่งเวลาของมิติช่องว่างจนถึงขีดจํากัด มิฉะนั้นพลังงานอมตะของข้าคงหมดไปแล้ว”

“น่าเสียดายที่ข้าไม่มีวิญญาณบัวสมบัติสวรรค์ระดับแปด มิฉะนั้นข้าจะไม่พบปัญหานี้”วิญญาณบัวสมบัติสวรรค์สามารถผลิตพลังงานอมตะเจ้าของเดิมของมันคือเทพอมตะบัวสวรรค์เขาเป็นเทพอมตะที่มีพลังงานอมตะสํารองมากที่สุดตั้งแต่เทพอมตะบัวสวรรค์เริ่มต้นการบ่มเพาะเขาไม่เคยกังวลเกี่ยวกับพลังวิญญาณหรือพลังงานอมตะในทางตรงข้ามศัตรูของเขามัก

ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเกี่ยวกับการใช้พลังวิญญาณหรือพลังงานอมตะเมื่อต่อสู้กับเทพอมตะบัวสวรรค์

ฟางหยวนขาดพลังงานอมตะในเวลานี้และมันทําให้เขาต้องการเวลาพักฟื้น

เพื่อสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันเขาต้องการพลังงานอมตะ

เพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณเขาต้องการพลังงานอมตะ

เขาสูญเสียวิญญาณอมตะไปหลายดวงและต้องหลอมรวมพวกมันขึ้นมาใหม่เขามีวิญญาณอมตะระดับต่ำจํานวนมากและต้องยกระดับพวกมันวิญญาณอมตะที่ได้รับความเสียหายต้องได้รับ

การซ่อมแซมโดยวิธีการหลอมรวมทั้งหมดล้วนต้องการพลังงานอมตะ

ตอนนี้เขาขาดพลังงานอมตะดังนั้นเขาจึงทําต้องหยุดทุกสิ่ง

การทดลองท่าไม้ตายใหม่ก็ต้องใช้พลังงานอมตะเช่นกันแต่มันยังอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้

นอกเหนือจากการสะสมพลังงานอมตะและคิดค้นท่าไม้ตายใหม่ ฟางหยวนกําลังย้ายแหล่ง

ทรัพยากรและคัดแยกทรัพยากรอมตะต่างๆ

แหล่งทรัพยากรจากถ้ำสวรรค์ทั้งสามที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ถูกย้ายไปวางไว้ในสถานที่ที่เหมาะสมทั้งหมดแล้ว

ทรัพยากรจํานวนนับไม่ถ้วยถูกคัดแยกและเก็บไว้ในคลังสมบัติหลายแห่งกระจายอยู่ในมิติ

ช่องว่างจักรพรรดิ

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ได้รับความโปรดปรานจากเจตจํานงสวรรค์ถ้ำสวรรค์ของพวกเขา

จึงร่ารวยมาก

ท่ามกลางทรัพยากรเหล่านี้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งไม้มีมากที่สุดเนื่องจากเซียวเหอเจี้ยนและนักพรตป่าเขียวเป็นมนุษย์จิ๋ว นอกจากพวกเขายังมีถ้ำสวรรค์บนเส้นทางแห่งไม้อยู่อีกสองแห่ง

ฟางหยวนได้รับทรัพยากรอมตะบนเส้นทางสายอื่นเช่นกันแต่สิ่งที่ทําให้เขารู้สึกประหลาดใจ

ก็คือเขาได้รับทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งโชคจํานวนมาก

ตัวอย่างเช่นแมวนําโชคซึ่งเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งโชค

มันเป็นแมวตัวเล็กๆที่สามารถกลิ้งไปมาบนฝ่ามือของมนุษย์

แมวนําโชคมีขนสีขาวที่งดงามและดูอ่อนโยน เมื่อมันร้องเหมียวๆ มันจะทําให้ผู้คนคลั่งไคล้

นอกจากนี้ยังมีหยกโชคลาภที่เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งโชคมันจะส่อง

ประกายระยิบระยับเป็นครั้งคราวมันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคอยู่อย่างหนาแน่น

น้ำพุช่องฟันเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งโชคมันดูไม่ต่างจากน้ำพุทั่วไปแต่หากบางคนดื่มมันเข้าไปมันจะติดอยู่ในช่องว่างระหว่างฟันของคนผู้นั้นและทําให้โชคของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว

“สมาชิกกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์ไม่มีผู้ใดบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชคแต่คนเหล่านี้

สามารถพัฒนาแหล่งทรัพยากรบนเส้นทางแห่งโชคเพราะพวกเขาแยกตัวออกจากโลกภายนอก

มานานโชคของพวกเขาค่อนข้างสูงโดยธรรมชาติสิ่งสําคัญที่สุดคือพวกเขาเป็นที่โปรดปรานของเจตจํานงสวรรค์!”ฟางหยวนไตร่ตรองและเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งโชคเหล่านี้มีค่ามากสําหรับฟางหยวนและพวกมันมาในเวลาที่เหมาะสม

เพราะฟางหยวนต้องการยกระดับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคและคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อปรุงโชค

ฟางหยวนคาดว่าเขาจะได้รับทรัพยากรอมตะจํานวนมากเพิ่มขึ้นในอนาคตเพราะเชลยอมตะ

ของทะเลตะวันออกยังถูกขังอยู่ในมิติช่องว่างของจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว

จดหมายขู่กรรโชกของฟางหยวนถูกส่งออกไปยังกองกําลังใหญ่ทั้งหมดของทะเลตะวันออก

กองกําลังใหญ่เหล่านี้ส่งต่อจดหมายขู่กรรโชกไปยังบรรพชนทะเลปราณและขอให้เขาตัดสินใจ

บรรพชนทะเลปราณพึ่งเสร็จสิ้นการวิ่งไปรอบๆเพื่อกําจัดผลไม้ปราณที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ของพันธมิตร

ปัจจุบันร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณของเขาทะลุสองล้านร่องรอยเรียบร้อยแล้ว

ในเวลาน้อยกว่าครึ่งเดือน พลังการต่อสู้ของบรรพชนทะเลปราณพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

บรรพชนทะเลปราณไม่ได้ประกาศเรื่องนี้และเก็บมันเป็นความลับ

‘หากผลไม้ปราณสามารถเติบโตขึ้นอีกครั้ง มันจะดีกว่านี้’ บรรพชนทะเลปราณลอบตั้งความ

หวังแต่เขารู้ว่าสิ่งนี้มีโอกาสไม่มากที่จะเกิดขึ้น

ผลไม้ปราณเกิดจากกระแสลมปราณหลังจากการต่อสู้ไล่ล่าฟางหยวนกระแสลมปราณที่

อาละวาดไปทั่วเริ่มสงบลงแล้ว

บรรพชนทะเลปราณกําลังไตร่ตรองเกี่ยวกับการบ่มเพาะของเขา

เขาไม่ขาดแคลนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหรือพลังงานอมตะแต่เขาขาดท่าไม้ตายอมตะ

บรรพชนทะเลปราณมีท่าไม้ตายอมตะไม่มากแม้เขาจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดแต่วังสวรรค์คุ้นเคยกับท่าไม้ตายเหล่านั้นมากเกินไปพวกมันต้องถูกดัดแปลง

ความทะเยอทะยานของบรรพชนทะเลปราณไม่ได้จํากัดอยู่เพียงแค่นี้

หลังจากทั้งหมดเขาต้องการสร้างระบบการต่อสู้ของตนเอง!

ลําพังเพียงท่าไม้ตายอมตะสามารถรังแกผู้อมตะระดับแปดหรือคนที่อ่อนแอกว่าแต่เมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนเช่นเทพปีศาจจิตวิญญาณหรือราชันมังกรเขาต้องมีระบบการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของผู้อมตะไม่ได้มีเพียงระดับการบ่มเพาะแต่ยังรวมถึง

ท่าไม้ตายอมตะวิญญาณอมตะพลังงานอมตะเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์และไพ่ตายต่างๆเช่นท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน นอกจากนี้ระบบการต่อสู้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งเช่นกัน

สําหรับผู้อมตะส่วนใหญ่ระบบการต่อสู้ไม่จําเป็นเพราะปัจจัยอื่นๆเพียงพอแล้วที่จะสร้างความแตกต่างและตัดสินผลลัพธ์

แต่สําหรับตัวตนเช่นฟางหยวนและบรรพชนทะเลปราณระบบการต่อสู้เป็นสิ่งจําเป็น

เมื่อปัจจัยอื่นไม่สามารถตัดสินผลลัพธ์ระบบการต่อสู้จะกลายเป็นตัวชี้วัดที่สําคัญ

จดหมายขู่กรรโชกของฟางหยวนมาถึงโต๊ะทํางานของบรรพชนทะเลปราณเรียบร้อยแล้ว

แต่บรรพชนทะเลปราณไม่แม้แต่จะชําเลืองมองพวกมันเพราะเขารู้รายละเอียดอยู่แล้ว

“อาการบาดเจ็บของข้าไม่เบา ข้าต้องปิดประตูพักฟื้น” ประโยคเดียวของบรรพชนทะเลปราณทําให้กองกําลังใหญ่ของทะเลตะวันออกสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อต้านฟางหยวนทันทีเมื่อบรรพชนทะเลปราณไม่ออกหน้า ผู้ใดจะกล้าต่อต้านฟางหยวน

แต่พวกเขาต้องจ่ายทรัพยากรอมตะเพื่อแลกกับเชลหรือไม่?

บรรพชนทะเลปราณกล่าวอีกครั้ง “ข้าติดต่อวังสวรรค์แล้ว บางทีพวกเขาอาจส่งกําลังเสริมมาให้”

สมาชิกกองกําลังพันธมิตรฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกรู้สึกซับซ้อนและไม่สามารถกล่าวสิ่งใด

บรรพชนทะเลปราณได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขายังติดต่อวังสวรรค์เพื่อพวกเขาเขาไม่ได้เพิก

เฉยต่อพวกเขาอย่างสมบูรณ์

ในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษที่ก้าวเข้าสู่ฝ่ายธรรมะ บรรพชนทะเลปราณถือว่าทําดีที่สุดแล้ว

สําหรับผู้อมตะตระกูลเซี่ยพวกเขายังพักอยู่ในทะเลปราณผู้อาวุโสสูงสุดลําาดับที่หนึ่งของตระกูลเซียถูกฟางหยวนสังหารไปแล้วผู้อมตะตระกูลเซี่ยเหลืออยู่ไม่กี่คนพวกเขาต้องเชื่อฟังบรรพ

ชนทะเลปราณมากขึ้น

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยเชื่อฟังเมื่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์หลบหนีออกจากภาคกลาง

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยเหล่านี้มีความสุขมากและวางแผนทวงคืนบ้านของพวกเขาทันที

แต่ผลลัพธ์คือความพินาศ!