บทที่ 616

เย่เฉินก็พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วพูดว่า “มาๆๆ เริ่มถ่ายได้เลย”

พูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วถ่ายไปยังสองพ่อลูกตระกูลหลิว

สองพ่อลูกยืนเรียงกัน หลิวหมิงก็เช็ดน้ำตา พยายามยิ้มพูดออกมาว่า “สวัสดีครับทุกคน ผมคือหลิวหมิงผู้ตกอับ”

หลิวกว่างก็รีบพูดขึ้นว่า “ผมคือ พ่อไอ้ตกอับ หลิวกว่าง”

สองพ่อลูกพูดพร้อมกัน “วันนี้พวกเราสองพ่อลูกจะมาแสดงจำอวดให้ทุกท่านได้ดูกัน!”

หลิวหมิงก็พูดต่อว่า “ทุกท่านคงจะเห็นตัวอักษรบนหน้าผากของพวกเราแล้ว เหตุที่สลักคำว่า ตกอับ บนหน้าผากของพวกเรานั้น ก็เพราะว่าผมนั้นเป็นคนที่อวดเก่ง สลักอักษรนี้ไว้ที่หน้าผาก ก็เพื่อที่อยากจะเตือนคนอื่นๆ ว่า พวกเรานั้นเป็นคนที่ ตกอับ”

หลิวกว่างก็พูดว่า “เขาบอกกันว่า พ่อเก่งลูกกล้า แต่ผมนี่เป็นพ่อที่กล้าของลูกชายคนเก่ง ในเมื่อลูกชายของผมสลักคำว่า ตกอับ ที่หน้าผากไปแล้ว ผมก็ไม่อาจจะเป็นตัวถ่วงของลูกชายได้ ก็เลยสลักที่หน้าผากของตนเองบ้างว่า พ่อไอ้ตกอับ 4คำ”

หลิวหมิงก็พูดต่อว่า “พอเห็นจุดนี้แล้ว ทุกท่านคงจะถามว่า ทำไมผมกับพ่อถึงได้อวดเก่ง? หลักๆ ก็เพราะว่า พวกเรารู้จักกับตระกูลอู๋ของซูหาง!”

“ใช่แล้ว!” หลิวกว่างพูดอยู่ข้างๆ ว่า “ทุกคนก็รู้ดีว่าตระกูลอู๋นั่นรวยมาก แต่ตระกูลอู๋ไม่ได้มีดีแค่เงินเยอะ แต่มีลูกชายที่สามารถกินขี้ได้!”

หลิวหมิงพูดเสริมว่า “ใช่แล้วพูดถึงลูกชายของตระกูลอู๋ที่กินขี้ได้ ทุกท่านคงจะเห็นคลิปในTikTokแล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้จะต้องกิน อาหารชั่วโมงละมื้อ ขาดไม่ได้เลย เขาอยู่ที่ห้องน้ำโรงพยาบาล เพื่อที่จะอยากกินขี้อุ่นๆ ถึงกับผลักลุงแก่ๆ ที่กำลังเช็ดก้นออกไป แย่งกินขี้กินอย่างโจ่งแจ้ง ทุกท่านคิดว่ายังเป็นคนธรรมดาได้อีกหรือ? ”

หลิวกว่างก็เสริมว่า “ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่า คุณชายอู๋คนนี้ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ !”

“แน่นอน” หลิวหมิงพยักหน้ารัวๆ แล้วก็พูดยกนิ้วโป้งชื่นชมว่า “ก็ถึงได้บอกไงว่าตระกูลอู๋นั้นไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้น คุณชายคนรองของตระกูลอู๋ จะกล้าทำเช่นนี้หรือ? ”

หลิวกว่างก็ถามอย่างสงสัยว่า “เอ่อแล้วก็ ทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยได้ข่าวคุณชายคนรองของตระกูลอู๋เลยล่ะ? ”

หลิวหมิงพูดว่า “ผมได้ยินมาว่า เขาใช้ชีวิตแต่ละวันนั้น สบายเอามากๆ เลย!สุขสบายอย่างกับในวัง!”

“ไหนลองขยายความซิ” หลิวกว่างทำหน้าทำตาสอดรู้

หลิวหมิงตอบ “ตอนนี้เขาไม่เบาเลย อยู่ที่บ้านตระกูลอู๋ วันหนึ่งกินขี้วันละ20กว่ามื้อ มีคนมาคอยขี้ให้โดยเฉพาะ ได้กินแต่ของสดๆ ”

หลิวกว่างก็ถามอย่างตกใจว่า “ขนาดนั้นเชียวรึนี่? วันละ20กว่ามื้อ คนตระกูลอู๋ผลิตทันหรือนั่น? ”

หลิวหมิงก็ตั้งใจตอบว่า “ไม่ทันอย่างแน่นอน คุณลองคิดดูนะ ต่อให้คนตระกูลอู๋จะขี้เก่งแค่ไหน อย่างน้อยก็ต้องมีขี้แตกท้องเสียกันบ้าง”

“ไอ้หยา!” หลิวกว่างพูด “ถ้าเป็นอย่างนั้น มื้ออาหารของคุณชายสองตระกูลอู๋ก็ขาดตอนน่ะสิ!”

พูดจบ หลิวกว่างก็ถามหลิวหมิงว่า “พ่อครับ พ่อว่าพวกเราไปสมัครกันดีไหม ไปอยู่ที่บ้านตระกูลอู๋ที่ซูหางหลายวันหน่อย ไปผลิตขี้อุ่นๆ ให้คุณชายอู๋กินดีไหม? ”

หลิวหมิงพยักหน้ารัวๆ แล้วยิ้มพูดว่า “ความคิดนี้ไม่เลว!ถ้าพวกเราไปแล้วไอ้แก่ท่านปู่อู๋ แล้วก็ไอ้อู๋ตงไห่ไอ้ลูกหมานั่น คงต้อง

ขอบคุณพวกเราจนต้องโขกหัวคำนับแน่ๆ เลย? ”

ตอนที่พูดคำนี้ ใจของหลิวหมิงก็สั่นอย่างมาก

ให้ตายเถอะ นี่มันช่างเป็นการหาเรื่องกับตระกูลอู๋จริงๆ เนี่ย!

ใจของหลิวกว่างเอง ก็เต้นอย่างแรง แต่พอเขาไปยังเย่เฉิน ก็ได้แต่ทนพูดต่อไป “คงไม่ใช่แค่โขกหัวคำนับหรอก!คงจะซาบซึ้งจน

คุกเข่าเลียเท้าพวกเราเลยแหละ ผมได้ยินมาว่า ท่านปู่อู๋ชอบไปนับญาติว่าคนอื่นเป็นพ่อบุญธรรมไปทั่ว ไม่แน่ว่า ซาบซึ้งมากๆ ขึ้นมา อาจจะเรียกผมว่าพ่อบุญธรรมไปด้วยก็เป็นได้”

“ท่านปู่อู๋ชอบมีพ่อบุญธรรมงั้นหรือ? ” หลิวหมิงถามอย่างตกใจว่า “ทำไมถึงมีความชอบพิสดารเช่นนี้ล่ะ? ”

“ใครเล่าจะไปรู้” หลิวกว่างทำท่าไหล่ตก แล้วพูดว่า “ได้ยินว่าที่แก่ปูนนี้แล้วยังไม่ยอมตาย มีพ่อบุญธรรมไปแล้วกว่า300กว่าคน อาจจะเป็นเพราะว่าตาแก่นี่ชอบเป็นลูกชายของคนอื่นเขาล่ะมั้ง!”