ครืนๆๆๆ**!**
เจดีย์ขนาดใหญ่ทอดตัวลงมา เงาก็ทอดเหนือที่ราบเป่ยยู่ ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความกลัวขณะมองเจดีย์ พวกเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนน่ากลัวที่แผ่ซ่านออกมา
ขณะนี้จอมยุทธ์สามคนที่ยืนอยู่บนร่างเวทสวรรค์ได้ถูกดึงเข้าไปในเจดีย์ หายวับไปกับตา
ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากัน ชัดว่าฉากนี้เกินความคาดหมายนัก
“ที่มู่เฉินทำคืออะไร? เจดีย์ผลึกแก้วนั่นดูเหมือนจะไม่ใช่อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม…”
“ไม่ว่าเขาจะทำอะไร วันนี้เขาคิดจะเอาชนะสามผู้นำด้วยตัวเองจริงๆ หรือไง!”
“เป็นไปได้ยังไง…”
“ช่างเป็นการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์…”
“…”
เสียงกระซิบดังก้องที่ราบเป่ยยู่ แต่มีไม่กี่คนที่มองในแง่ดีสำหรับมู่เฉิน เพราะการสู้แบบหนึ่งต่อสามเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อยิ่งนัก
ทว่าพวกมั่นถัวหลัวไม่ได้ใส่ใจมากเกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่เจดีย์ผลึกใส พวกเขารู้ดีว่าเมื่อมู่เฉินนำเจดีย์ออกมา ผลลัพธ์ก็น่าจะใกล้กำหนดแล้ว…
ภายในเจดีย์
ผลึกคลื่นหลิงกวาดพายุออกมา โดยมีเงาขนาดใหญ่สามร่างยืนอยู่ เจ้าเมฆาม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองกำลังมองเจดีย์ขนาดมหึมาด้วยสายตาตกใจและประหลาดใจ
“หึ ไอ้เวร เวลานี้แล้วยังจะมาเสแสร้งอีกเรอะ?” เจ้าเมฆาม่วงมองไปยังมู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนที่เค้นเสียงอย่างเย็นชา
เจ้าภูเขาเหลยยิงพยักหน้า “ประมุขมู่ทำไมต้องขัดขืน? แค่พาสมาชิกตำหนักมู่ออกจากที่ราบเป่ยยู่ พวกข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”
มู่เฉินมองไปที่ทั้งสามคนก็กอดอกพลางยิ้ม “ทำไม? กลัวแล้วเหรอ?”
“ตลกร้ายแล้ว” เจ้าเมฆาม่วงเยาะเย้ย
“วาจาใหญ่โตจริง” เจ้าอินทรีทองถากถาง
“ร่วมมือกันทำลายเจดีย์นี้!” เจ้าภูเขาเหลยยิงตะเบ็งเสียง ไม่รู้เพราะเหตุใดเจดีย์นี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นควรออกไปก่อนดีกว่า
เจ้าเมฆาม่วงและเจ้าอินทรีทองพยักหน้า แม้ว่าพวกเขาจะดูหมิ่นทางวาจา แต่ในใจลึกๆ พวกเขาก็ยังหวาดผวาเกี่ยวกับเจดีย์นี้ เพราะพวกเขารู้ว่ามู่เฉินจะไม่นำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ออกมา ในเมื่อเขาก่อความวุ่นวายใหญ่โตเพื่อนำเจดีย์ออกมา ดังนั้นเขาต้องมีวิธีการบางอย่างแน่
ตู้ม!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกมาจากร่างเวทสวรรค์ ขณะที่หมอกหลิงควบแน่น พลังงานก้อนใหญ่พุ่งเข้าใส่ผนังของเจดีย์
เมื่อเห็นภาพนี้มู่เฉินก็วาดตราประทับผนึกด้วยฝ่ามือข้างเดียว
เจดีย์เริ่มสั่นสะเทือน พลังงานผลึกปกคลุมผนังของเจดีย์เพื่อต้านทานการโจมตีจากทั้งสาม
หลังจากที่เร้าการป้องกันของเจดีย์ มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาสร้างตราประทับขึ้นพร้อมกับภาพมายาวูบไหวออกมา
ขณะที่ก่อร่างตราประทับ ลวดลายโบราณก็เริ่มปรากฏขึ้นบนผนังโดยรอบเจดีย์ ภาพแปดภาพปรากฏขึ้นบนผนัง
“นั่นอะไร?”
เมื่อภาพทั้งแปดปรากฏ ความผันผวนน่ากลัวก็แผ่กระจายออกไป ทั้งสามคนที่สัมผัสได้ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังกำแพงด้วยความตกใจ
ภาพแปดภาพบนผนังดูโบราณมาก ท่าทางโหดเหี้ยม ความโกรธเกรี้ยวที่พล่านในดวงตา ราวกับว่ากำลังปลดปล่อยพลังทำลายล้าง เพียงแค่การจ้องมองก็ส่งผลให้ผู้คนตกอยู่ในความกลัวที่ไม่มีสิ้นสุด
ภายใต้สายตาของภาพทั้งแปด แม้แต่จอมยุทธ์อย่างผู้นำทั้งสามก็ยังรู้สึกถึงความกลัวในใจ…
มู่เฉินก็มองภาพที่ดุร้ายทั้งแปด พวกมันราวกับเทพปีศาจยืนอยู่บนกำแพงเงียบๆ มองไปที่ศัตรู เตรียมพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังทำลายล้างทุกเมื่อ
นี่ก็คือเจดีย์แปดองค์นั่นเอง
“วันนี้ข้าขอใช้พวกเจ้าทดสอบพลังของเจดีย์แปดองค์นี่หน่อยละกัน…”
มู่เฉินมองทั้งสามอย่างไม่แยแสก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อ ของเหลวจื้อจุนไหลทะลักออกมาแล้วรวมตัวกันราวกับสายธาร
ในนี่มีปริมาณของเหลวจื้อจุนถึงแปดสิบล้านหยด
การที่จะกระตุ้นเจดีย์แปดองค์จะต้องใช้พลังงานหลิงจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่มู่เฉินก็ไม่สามารถทำได้แม้ว่าเขาจะใช้พลังงานทั้งหมดที่มีก็ตาม ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ของเหลวจื้อจุนจำนวนมหาศาลเพื่อช่วยเหลือ
ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นเพราะมู่เฉินบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว มิฉะนั้นเขาจะต้องใช้ของเหลวจื้อจุนถึงร้อยห้าสิบล้านหยดเป็นอย่างน้อย…
“โชคดีที่ข้านำคลังของตำหนักมู่มาด้วย…”
มู่เฉินถอนหายใจในใจก่อนที่จะสูดหายใจลึก โดยไม่ลังเล ตราประทับก็เริ่มเปลี่ยนไป สายธารที่เกิดจากของเหลวจื้อจุนก็พวยพุ่งออกมา
ยามนี้ภาพร่างที่น่ากลัวทั้งแปดบนผนังก็เปิดปากเริ่มกลืนกินสายธารของเหลวล้ำค่า
ขณะที่พวกมันกลืนกินพลังงาน ภาพปีศาจทั้งแปดก็เริ่มขยับร่างกายส่วนบนผลักตัวออกจากผนังกำแพง
ตอนนี้พวกมันกลายเป็นของจริงแล้ว
หวือ หวือ!
แรงกดดันจากคลื่นหลิงน่าสะพรึงดังขึ้นภายในเจดีย์ผลึกแก้ว ความกดดันนี้ทำให้ใบหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างมากจากภาพปีศาจทั้งแปด
“ออกจากเจดีย์เร็ว!”
ทั้งสามตะเบ็งเสียงพร้อมกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็เปิดฉากการโจมตีพยายามฉีกเส้นทางมิติ เพื่อพาตัวเองออกไป
ทว่ามู่เฉินจะให้โอกาสพวกเขาทำเช่นนั้นได้ยังไง? เขาใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อดำเนินการกับเจดีย์แปดองค์ ดังนั้นเขาต้องเก็บเกี่ยวจากเรื่องนี้
เขาวาดตราประทับอีกครั้ง
โฮก!
เมื่อเขาสร้างตราประทับ ภาพปีศาจทั้งแปดก็คำรามเสียงดังลั่น ซึ่งอัดแน่นด้วยรัศมีการทำลายล้าง
ภาพปีศาจทั้งแปดภาพจ้องมองอย่างดุร้ายไปที่ทิศทางของเจ้าเมฆาม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทอง ก่อนที่จะเหยียดนิ้วออกแตะมิติตรงหน้า
ฟิ้ว!
ลำแสงแปดสายพุ่งออกมาจากนิ้ว ทำให้มิติแตกสลาย กระทั่งคลื่นหลิงยังถูกลบเลือนไปโดยสิ้นเชิง
ลำแสงสีดำพุ่งเข้ามา แม้จะไม่ได้ดูอลังการอะไร ทว่าจอมยุทธ์ทั้งสามถึงกับเปลี่ยนสีหน้ารุนแรงความกลัวพล่านในดวงตาส่วนลึกของพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกถูกคุกคามจากสิ่งนี้
“โจมตีพร้อมกัน!”
ทั้งสามไม่สามารถสงบใจเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป พวกเขาร้องคำรามทันที
“โอบเมฆม่วง!”
“ระฆังวัชระยืนยง!”
“เกราะปีกเทพทองคำ!”
ร่างเวทสวรรค์ทั้งสามรวมพลังกัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งออกมาสร้างปราการป้องกันสามแห่งบนท้องฟ้าเหนือร่างพวกเขา
ชั้นแรกเป็นหมอกสีม่วงปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกซึ้ง ชั้นสองเป็นระฆังสีทองขนาดใหญ่และสุดท้ายเป็นเกราะที่ประกอบขึ้นด้วยปีกสีทอง…
เผชิญหน้ากับลำแสงสีดำ ทั้งสามก็ใช้ปราการป้องกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยไม่ลังเลใดๆ
นอกเหนือจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริง ก็ไม่มีใครสามารถทำลายปราการทั้งสามได้!
ฟิ้ว!
เมื่อแนวป้องกันทั้งสามถูกสร้างขึ้น ลำแสงแปดสายก็มาถึงทันที พุ่งเข้าโรมรันแสงสีม่วงชั้นแรกโดยไม่ลังเลใดๆ
ชี่ ชี่!
ในการปะทะกันไม่มีความปั่นป่วนใดเกิดขึ้น แต่เจ้าเมฆาม่วงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโอบเมฆม่วงถูกลำแสงทั้งแปดแทงทะลุในทันที
นิยามได้ว่าถูกบดขยี้แท้จริง!
เคร้ง!
ระฆังสีทองส่งเสียงก้องกังวาน แต่ฟังดูเหมือนเสียงโหยหวนแห่งความสิ้นหวัง เพราะไม่รอให้พวกเขาดีใจ รอยแตกก็เริ่มกระจายออกมาบนระฆังทองก่อนที่จะสลาย
ชี่!
ระฆังทองแตกออก แสงสีดำก็ส่องลงบนเกราะปีก ทันใดนั้นสีดำก็กระจายออกราวกับว่าถูกกัดกร่อน เพียงไม่กี่อึดใจชิ้นส่วนของชุดเกราะขนาดใหญ่ก็กลายเป็นของเหลวสีดำหยดแหมะลงไป
เฮือก
จอมยุทธ์ทั้งสามสูดลมหายใจเย็น ความหวาดผวาพล่านในดวงตา แนวป้องกันทั้งหมดของพวกเขาแตกพ่ายง่ายดายภายใต้ลำแสงสีดำ!
มู่เฉินเฝ้าดูฉากนี้อย่างนิ่งเฉยไม่มีความประหลาดใจเลย วิชาเจดีย์แปดองค์เป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน
ย้อนไปในอดีตผู้อาวุโสฝูถูก็ใช้วิชานี้สังหารราชาปีศาจมานับไม่ถ้วน ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่ง่ายในการจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคนที่เพิ่งได้สัมผัสกับเทียนจื้อจุน
“ไป!”
มู่เฉินเคาะนิ้วออกเบาๆ พลางพูดออกมาแผ่วเบา
ฟิ้ว!
ลำแสงแปดสายเพิ่มความเร็วขึ้น พริบตาก่อนที่ทั้งสามจะตอบสนองลำแสงทำลายล้างทั้งหมดก็กระแทกเข้ากับร่างเวทสวรรค์ทั้งสาม
ชี่ ชี่!
เมื่อสัมผัสกับลำแสงสีดำทุกสรรพพสิ่งก็ถูกสึกกร่อนกลายเป็นของเหลวสีดำ สลายไปอย่างรวดเร็ว…
เจ้าเมฆาม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองมองไปที่ร่างยิ่งใหญ่ที่ด้านล่างด้วยความหวาดกลัว พวกเขาสัมผัสได้ว่าร่างเทห์สวรรค์พังทลายลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ของเหลวสีดำที่ผิดปกติยังพยายามเข้าแทรกร่างหลักผ่านร่างเทห์สวรรค์ด้วย
ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามใช้คลื่นหลิงต้านทานอย่างไร ก็ไม่สามารถขวางทางของเหลวสีดำเหล่านั้นได้!
พวกเขาฉายใบหน้าซีดเซียว ไม่มีใครคิดว่าจะต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้!
นอกจากนี้พวกเขายังไม่เข้าใจว่ามู่เฉินใช้การโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งที่มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น…
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่เชื่อเพียงใด ความจริงก็อยู่ต่อหน้าแล้ว ร่างเวทสวรรค์ที่แข็งแกร่งใต้เท้าพวกเขากำลังพังทลายลง ลำแสงสีดำที่ครอบงำเป็นเหมือนเชื้อโรคกำลังแพร่กระจายเข้ามาในร่างหลักอย่างรวดเร็ว
“ทำลายร่างเทห์สวรรค์!”
ทั้งสามคนสบตากันกัดฟันกรอด ยามนี้พวกเขาเลือกที่จะหักข้อมือของตัวเอง มิฉะนั้นงานนี้พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักแน่ ถ้าให้ลำแสงสีดำเหล่านั้นกัดกร่อนร่างพวกเขา
ตู้ม!
เมื่อทั้งสามตัดสินใจ ร่างที่อยู่ใต้เท้าก็ระเบิดออกพร้อมกับแสงหลิงมากมายแตกกระจายออกไป
เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ก็เลิกคิ้วพลางสะบัดแขนเสื้อ เจดีย์ผลึกใสหดตัวลงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลายเป็นลำแสงกลับไปสถิตในนัยน์ตา
สามจอมยุทธ์ล่าถอย พวกเขาดีใจเมื่อเห็นว่ามู่เฉินเรียกเจดีย์กลับไป ดูเหมือนว่าการระเบิดร่างเวทสวรรค์ทำให้มู่เฉินหวาดกลัว
แต่ในขณะนี้เป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะถอยกลับ ไม่เช่นนั้นอาจถูกดูดเข้าไปในเจดีย์อีกครั้ง
ด้วยความคิดนี้ที่วูบไหวในใจ ทั้งสามคนก็ถอยกลับโดยไม่ลังเล แต่เมื่อพวกเขาพยายามที่จะหนีออกมิติเบื้องหน้าก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
ม่านตาของพวกเขาหดลงทันที
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ลำแสงสีดำหลายสายพุ่งข้ามมิติไล่ตามมา ยิงเข้าใส่ร่างพวกเขาท่ามกลางสายตาหวาดผวาสุดขีด…