ตอนที่ 2057 จะหนักใจใดมากมาย?

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

เย่หยวนมองดูหยุนยี่ด้วยสีหน้าแววตาชื่นชม

ผู้ใดที่ไม่ ‘โง่’ หรือ ‘บ้า’ ย่อมไม่อาจจะมองเห็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขาได้

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นมันเห็นเพียงแค่ประโยชน์ที่ถูกวางไว้ตรงหน้า แน่นอนว่าความสำเร็จใดๆ ในวิชาโอสถของพวกเขามันก็ย่อมจะมีขีดจำกัด

พวกเขานั้นอวดอ้างว่าตนเองแสนฉลาดหลักแหลม แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขานั้นโง่จนเหลือเชื่อ

มีเพียงแค่ ‘คนโง่’ และ ‘คนบ้า’ ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายเท่านั้นที่จะสามารถก้าวเข้าสู่เต๋าโอสถได้อย่างแท้จริง

ถามว่าพรสวรรค์นั้นมันสามารถทำได้ทุกสิ่งอย่างจริงๆ หรือ?

ความเชื่อเช่นนั้นมันเป็นความเชื่อที่โง่เง่าที่สุด!

หากไม่มีความพยายามอันมหาศาล หากไม่มีจิตใจที่มุ่งมั่นแน่วแน่ หากไม่มีความหนักแน่นที่เหนือล้ำ มีหรือที่เต๋านั้นจะเปิดรับผู้คน?

“ข้านั้นมีแค่ความพยายามและพื้นฐาน สองคำนี้เท่านั้นที่จะสอนศิษย์ พวกเจ้าจงจำมันไว้ให้ดี” เย่หยวนกล่าว

หยุนยี่และหยางซวนจึงก้มหน้าลงรับทันที “ขอรับท่านอาจารย์ ศิษย์จะจำไว้”

แต่มีหรือที่เย่หยวนจะไม่เข้าใจความคิดที่แท้ของคนทั้งสองนี้? เขาจึงกล่าวขึ้น “การเดินทางบนเส้นทางเต๋านั้นมันจะมีทางลัดใด? หากเจ้าถามว่าอาจารย์ของเจ้านี้ก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร อาจารย์ของเจ้าผู้นี้ก็คงบอกได้แค่ว่าเต๋านั้นมันอยู่ใต้เท้าที่เราย่ำเดินกัน! การคลุกตัวลงกับดินนั่นแหละคือหนทางแห่งเต๋า! พวกเจ้าเองก็น่าจะได้เห็นว่าซืออวี๋สามารถทำอะไรได้บ้างในงานชุมนุมโอสถเมฆา แต่พวกเจ้านั้นไม่ได้รับรู้ถึงความพยายามอย่างยากลำบากที่นางมี เพราะฉะนั้นหากพวกเจ้าคิดว่าข้าจะสอนสั่งทางลัดวิชาเหนือล้ำแห่งเต๋าโอสถให้แล้ว พวกเจ้าก็จงไปเสียเถอะ ข้านั้นไม่มีอะไรจะสอนพวกเจ้า”

เมื่อคนทั้งสองได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็รีบกล่าวว่าตนมิกล้าอย่างทันที

แต่ตอนนี้ความตื่นตกใจที่มีของพวกเขานั้นมันไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดใดๆ ได้

พวกเขานั้นไม่อาจจะนึกได้เลยว่าศิษย์พี่ซืออวี๋นั้นต้องใช้ความพยายามหนักหน่วงปานใด เช่นนั้นแล้วอาจารย์ของพวกเขานี้เล่าจะต้องพยายามหนักหนาขนาดไหนจึงก้าวมาถึงจุดที่เขายืนอยู่นี่ได้?

“อาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้ว! จากวันนี้ไปศิษย์จะทิ้งศักดิ์ศรีใดๆ และก้าวเดินตามคำสอนของอาจารย์”

หยุนยี่นั้นไม่ได้คิดจะขัดเย่หยวนแม้แต่น้อย ตัวเขาที่ได้ยินคำพูดนี้มันกลับเป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องลงกลางความคิด

เวลาสิบปีที่เขาฝึกฝนอย่างหนักหน่วงนี้มามันย่อมทำให้เขาจะเข้าใจความหมายในคำพูดของเย่หยวนได้อย่างลึกซึ้ง

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นจะเป็นไรไปเล่า

“เพียงแค่ว่า… อาจารย์และเทพสวรรค์เปียวหยูได้ถอนตัวจากพันธมิตรแดนใต้แล้ว มันจะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ?” หยุนยี่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

เพราะเขาเองก็ไม่ได้คิดจะเข้าข้างเย่หยวนมากมายนัก ตอนนี้ภายในจิตใจของหยุนยี่มันกำลังตีกันอยู่อย่างสับสน

ไม่ว่าอย่างไรเสียคนหนึ่งก็ทวด คนหนึ่งก็อาจารย์

ไม่ว่าจะฝ่ายไหนเขาก็ไม่อยากจะเห็นความพ่ายแพ้

หนิงซืออวี๋จึงยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยิน “พวกเจ้าก็จะประเมินอาจารย์ตนต่ำไป! ไม่นานเจ้าจะได้เข้าใจความเก่งกาจที่แท้ของอาจารย์เจ้าเอง!”

สามเดือนผ่านไปในพริบตา!

ในเช้าวันนี้เหล่าเถ้าแก่ร้านทั้งหลายได้มารวมตัวประชุมกันบนห้างโอสถเมฆาอีกครั้ง

ติงเสี่ยวกล่าวขึ้นด้วยท่าทางสบายใจ “สุภาพบุรุษทั้งหลาย เรานั้นทำได้ตามเป้าหมายจริงๆ สามเดือนมานี้เราได้ต่อสู้กันอย่างสวยงาม! เวลานี้ส่วนแบ่งตลาดในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์กว่าเจ็ดในสิบได้ตกมาอยู่ในมือเราแล้ว! เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วต่อให้ชิวเทียนหยูผู้นั้นมันจะเก่งกาจปานใดมันก็ไม่อาจพลิกกลับมาได้แน่!”

“ฮ่าๆๆ! ในที่สุดข้าก็จะรายงานความสำเร็จกลับไปได้เสียที! บางทีเราอาจจะใช้เวลาขยี้หอมหาสมบัติไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ” เถ้าแก่หลินกล่าวเสริม

เถ้าแก่อีกคนในที่ประชุมก็ได้พูดขึ้นตาม “หึๆ เรื่องนั้นมันช่วยไม่ได้หรอก ไม่ว่าหอมหาสมบัตินั้นจะเก่งกาจปานใด ไม่ว่าเทพสวรรค์เปียวหยูจะเก่งกาจปานใด ไม่ว่าเย่หยวนนั้นจะเก่งกาจปานใด มันก็ย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงกับพันธมิตรแดนใต้ทั้งหมดทั้งสิ้นได้! ทรัพยากรที่เรามีในมือ หากไม่นับเหล่ายอดค่ายสำนักทั้งหลายแล้วทรัพยากรในแดนใต้นี้มันก็นับว่าอยู่ในมือเราเกือบครึ่ง หากเช่นนี้เรายังจะแพ้ได้อีกข้าก็คงต้องเอาหัวไปโขกเต้าหู้ตายแล้ว!”

ติงเสี่ยวพยักหน้ารับ “ตามข่าวที่ข้าได้ยินมาเวลานี้เหล่ายอดจอมเทพโอสถจากแดนใต้ทั้งหมดทั้งสิ้นมันได้ไปรวมตัวกันและทำการหลอมโอสถขึ้นอย่างมหาศาล ให้เราได้ค้าขายอย่างไม่ต้องกังวลของจะขาดตลาด ไม่นานเราคงได้ใช้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นี้เป็นศูนย์กลางการค้าขยายเขตอำนาจไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิต่างๆ อีกมากมาย”

เมื่อเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นขึ้นตามๆ กัน

การควบคุมได้กว่าเจ็ดในสิบของส่วนแบ่งตลาดมันย่อมจะหมายความว่าเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายนี้ยึดถือว่าตนเองเป็นผู้ชนะไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะตอนนี้ร้านต่างๆ ที่มาตั้งแข่งขันนี้มันมีกว่าสี่สิบถึงห้าสิบร้าน

และแต่ละร้านนั้นล้วนเป็นร้านจากยอดค่ายสำนักในแดนใต้ เรื่องของความพ่ายแพ้นั้นมันย่อมจะไม่เคยเกิดขึ้นในหัวของพวกเขาทั้งหลาย

ต่อให้เย่หยวนจะมีไม้ตายใดๆ ในมือแต่ในสายตาของพวกเขาแล้วมันก็คงทำได้แค่ยืดเวลาที่หอมหาสมบัติจะพ่ายแพ้ลงเท่านั้น

“อ่า จริงด้วย! ข้าได้ยินว่าชิวเทียนหยูคิดจะขึ้นราคานี่? ฮ่าๆ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ายิ่งขึ้นราคาแล้วมันจะยังมีใครไปซื้อโอสถจากหอมหาสมบัติอีกหรือไม่!” เถ้าแก่หลินหัวเราะขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนั้นได้

“แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

เสียงของเถ้าแก่หลินยังไม่ทันจางหายคนรับใช้ผู้หนึ่งก็พุ่งตัวเข้ามาภายในห้องประชุมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ติงเสี่ยวที่เห็นจึงร้องตวาดว่าขึ้นทันที “อะไรเล่า? เข้ามาเอะอะเสียมารยาทนัก เจ้ารู้จักกาลเทศะหรือไม่?”

มีหรือที่คนรับใช้ผู้นี้จะยังกล้าสนใจเรื่องการลงโทษใดๆ เวลานี้เขาได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังทิศหนึ่ง “เถ้าแก่ติง เกิดเรื่องแล้ว! ตอนนี้ร้านของหอมหาสมบัติที่ตรงข้ามเรามันมีคนไปเข้าคิวแน่นจนแทบล้นร้าน! เหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นดูราวกับคลั่งหวังต่อสู้แย่งชิงกันจะเข้าไปซื้อโอสถจากร้านนั้น ตอนนี้ลูกค้าของร้านเราทั้งหลายเองก็มุ่งหน้าไปยังร้านพวกนั้นกันสิ้นแล้ว”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

ติงเสี่ยวเบิกตากว้าง ได้แต่สงสัยว่าหูตนเองเพี้ยนไปหรือไม่

ทำไมเหล่านักยุทธทั้งหลายถึงจะไปออกันอยู่ที่ร้านของหอมหาสมบัติตรงข้ามกันเล่า?

สีหน้าของเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายเองก็แสดงความไม่คิดอยากเชื่อออกมา

ความคิดของพวกเขาทั้งหลายในเวลานี้มันแทบไม่ต่างกัน ก็คือพวกเขาคิดว่าคนรับใช้นี้คงโกหกแน่แล้ว!

“หอมหาสมบัติมันเพิ่งจะขึ้นราคาโอสถทั้งหลายวันนี้มิใช่หรือ เหตุใดเหล่านักยุทธจะไปแย่งกันซื้อโอสถที่ร้านของพวกมันกันเล่า? เจ้าพูดจาไร้สาระใดอยู่กันนี่?” ติงเสี่ยวได้แต่ถามขึ้น

เพราะแม้เขาจะรู้ดีว่าคนรับใช้นี้คงไม่โกหกแน่แล้ว แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ

คนรับใช้ผู้นั้นได้แต่ยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น “เถ้าแก่ติง ต่อให้ท่านจะเอาใจหมีดีเสือที่ไหนมาให้ข้ากินข้าก็คงไม่กล้ามาพูดจาไร้สาระเช่นนั้นแน่!”

ติงเสี่ยวขมวดคิ้วแน่น “ไป! รีบนำทางข้าไปดูหน่อย!”

พูดไปเขาก็เดินลงจากตัวตึกมาทันที

แต่ในตอนที่เขาลงมาถึงหน้าร้านติงเสี่ยวก็ต้องหยุดเท้าลงก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นความยิ้มแย้ม

เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้มันคือลูกค้ารายใหญ่ของห้างโอสถเมฆาผู้ไม่อาจจะเสียมารยาทด้วยได้

“ฮ่าๆ ผู้นำตระกูลซู ผู้นำตระกูลเหริน ท่านมีเรื่องใดหรือถึงได้มาหาข้าวันนี้?” ติงเสี่ยวยกมือขึ้นคารวะก่อนจะถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม

คนทั้งสองนี้มันคือผู้นำตระกูลซูและตระกูลเหริน สองในห้าตระกูลใหญ่แห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์

ในเวลาหลายเดือนมานี้ติงเสี่ยวได้ใช้ความพยายามอย่างสุดตัวเพื่อที่จะดึงมือของคนทั้งสองนี้ออกมาจากหอมหาสมบัติ

และในเวลานี้สองตระกูลใหญ่นี้ก็ได้หันมาใช้โอสถจากทางห้างโอสถเมฆาจนสิ้น

ผู้นำตระกูลซูยิ้มขึ้น “ซูผู้นี้มากับน้องเหรินในวันนี้ก็เพราะมีเรื่องจะรบกวนเถ้าแก่ติงสักหน่อย”

ติงเสี่ยวรีบยิ้มรับทันที “ย่อมได้เสมอ! พวกท่านทั้งสองนั้นคือลูกค้ารายใหญ่ของติงผู้นี้ ข้าย่อมจะบริการอย่างดีแน่นอน! หรือว่าโอสถที่ใช้กันมันจะไม่พอหรือ? ไม่มีปัญหา ข้าย่อมจะให้คนรับใช้ไปจัดการเพิ่มปริมาณให้ได้ในทันที”

ผู้นำตระกูลซูนั้นส่ายหัวออกมา “ไม่ต้องๆ! โอสถที่ตระกูลซูเรามีนั้นมันมากจนเกินพอแล้ว!”

ติงเสี่ยวจึงได้แต่ถามขึ้นอย่างสงสัย “เช่นนั้น… ผู้นำตระกูลซูท่านมีธุระใดหรือถึงได้มาหาติงผู้นี้?”

ผู้นำตระกูลซูนั้นหันไปมองผู้นำตระกูลเหรินด้วยสีหน้าหนักใจ แต่ดูท่าทางผู้นำตระกูลเหรินจะเป็นคนตรงๆ ไม่อ้อมค้อมมากกว่าจึงได้กล่าวขึ้น “จะหนักใจใดมากมายเล่า? เถ้าแก่ติง ผู้นำตระกูลซูและเหรินผู้นี้มาในวันนี้ก็เพื่อจะขอยกเลิกสัญญาที่เรามีกับห้างโอสถเมฆา ในวันหน้าเรื่องของโอสถที่สองตระกูลเราจะใช้นั้น เราคงไม่ต้องลำบากห้างโอสถเมฆาจัดหาให้อีกต่อไป!”

…………………