บทที่ 796 ต้องสงสัยว่าพัวพันกับคดีฆาตกรรม

The king of War

เมื่อเห็นหมายเรียก สีหน้าของอวี๋เหวินปิงก็ซีดเผือดทันที เขาคิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะสืบมาถึงตัวเขาได้เร็วขนาดนี้

“พวกคุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?”

หลังจากผ่านช่วงเวลาสั้นๆ ของความประหลาดใจ อวี๋เหวินปิงก็พูดอย่างโกรธเคือง “หลายวันมานี้ผมยังไม่ได้ออกไปจากตระกูลอวี๋เหวินเลย กล้องวงจรปิดภายในคฤหาสน์สามารถใช้พิสูจน์ได้”

“ผมจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมได้ยังไง?”

กงเจิ้งเอาภาพถ่ายออกมาและพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “คุณรู้จักคนคนนี้ใช่ไหม?”

อวี๋เหวินปิงเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดด้วยความโมโห “เขาเป็นพนักงานของบริษัทตระกูลอวี๋เหวิน และยังเป็นพนักงานที่ดีที่สุดของผมด้วย เขาชื่อเฉินจื้อ ผมจะไม่รู้จักเขาได้ยังไง?”

“เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เราพบศพของเขาในแม่น้ำเหล่าหลง และพบว่าเขาโทรหาคุณเป็นสายสุดท้ายจากบันทึกโทรศัพท์ของเขา”

อวี๋เหวินปิงแกล้งทำเป็นตกใจ “คุณว่าอะไรนะ? เขาตายแล้วเหรอ? เขาตายได้ยังไง? เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเขายังโทรมารายงานผมเรื่องงานอยู่เลย”

“เขาเป็นพนักงานที่ดีที่สุดของผม ทำไมเขาถึงตาย? เรื่องนี้พวกคุณต้องตามหาตัวคนร้ายที่แท้จริงมาให้ได้ ผมจะไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่!”

ท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของอวี๋เหวินปิง ดูเหมือนว่าจะห่วงใยเฉินจื้อจริงๆ

กงเจิ้งขมวดคิ้ว อวี๋เหวินปิงตอบไม่ตรงคำถามเลย แต่ก็ถือว่าได้ให้คำตอบแก่เขาแล้ว

“คุณตำรวจ คุณคงไม่คิดว่าการตายของเฉินจื้อมีส่วนเกี่ยวข้องกับผมนะ?”

อวี๋เหวินปิงมองกงเจิ้งและพูดขึ้นอีกว่า “ถ้าพวกคุณสงสัยผมเพียงเพราะเขาโทรหาผมเป็นสายสุดท้าย มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”

“แม้ว่าจะพาตัวผมไปสอบสวน คุณต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มีหลักฐานผมจะไม่ออกไปกับพวกคุณ”

“ตอนนี้พ่อของผมกำลังบาดเจ็บสาหัส ยังคงนอนอยู่ในห้องไอซียู พนักงานที่ดีที่สุดของผมก็มาตายไป ทำไมพวกคุณไม่ไปตามหาตัวฆาตกร แต่กลับวิ่งมาสอบสวนผม?”

“ตอนนี้ผมกำลังจัดการดูแลตระกูลอวี๋เหวินแทนพ่อของผม หากพวกคุณไม่มีหลักฐานและมาพาตัวผมไปแบบนี้ แล้วตระกูลอวี๋เหวินจะทำยังไง?”

“อีกอย่างแล้วเรื่องชื่อเสียงของผมล่ะ? ชื่อเสียงของตระกูลอวี๋เหวินล่ะ? มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะรับผิดชอบไหวนะ”

กงเจิ้งเลิกคิ้วขึ้นและกล่าวอย่างไม่พอใจ “คุณอวี๋เหวิน นี่คุณกำลังปฏิเสธการสอบสวนใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่ว่าผมปฏิเสธการสอบสวน แต่ต้องการให้พวกคุณแสดงหลักฐานออกมา ถ้าไม่มีหลักฐาน ผมอยากจะดูว่าใครจะกล้าพาผมออกไปจากตระกูลอวี๋เหวินแม้แต่ก้าวเดียว?”

ท่าทีของอวี๋เหวินปิงแข็งกร้าวมาก

“ได้ ในเมื่อคุณต้องการหลักฐาน ถ้าอย่างนั้นผมก็จะเอาหลักฐานให้คุณ!”

กงเจิ้งพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาแล้วเปิดคลิปเสียงท่อนหนึ่ง เสียงดังขึ้นมาทันที

“คุณชายปิง ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ ตอนนี้หลายคนกำลังตามหาตัวผมอยู่ ถ้าผมถูกจับ เรื่องราวต่างๆ ของคุณชายปิงจะถูกเปิดเผย คุณต้องหาวิธีช่วยผมนะ!”

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะให้คนไปหาคุณ ตอนนี้ต้องส่งตัวคุณออกนอกประเทศไปหลบดูสถานการณ์ก่อน”

“ขอบคุณคุณชายปิง! ขอบคุณคุณชายปิง! ผมอยู่ที่คลังสินค้าหมายเลข 3 แม่น้ำเหล่าหลง”

คลิปเสียงมีเพียงสามท่อน แต่เสียงในท่อนที่สองเป็นของอวี๋เหวินปิง

ส่วนอีกสองท่อนที่เหลือเป็นเสียงของเฉินจื้อ

แม้ว่าการสนทนาจะสั้น แต่ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า เฉินจื้อทำผิดเรื่องใหญ่และกำลังถูกคนจำนวนมากตามล่า

แต่อวี๋เหวินปิงกลับบอกว่า จะส่งเฉินจื้อไปหลบดูสถานการณ์ที่ต่างประเทศ ซึ่งก็เพียงพอที่จะบอกว่า อวี๋เหวินปิงรู้เรื่องความผิดของเฉินจื้อ

อวี๋เหวินปิงก็ตกใจเช่นกัน บทสนทนานี้เป็นการสนทนาครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับเฉินจื้อก่อนตาย คิดไม่ถึงว่าจะถูกเฉินจื้อบันทึกไว้

“จากการสืบสวนของเรา มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับโครงการเมืองจิ่วโจว เฉินจื้อเป็นคนจัดหานักข่าวในเมืองเยี่ยนตู และจัดการให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเข้าไปในสถานที่ก่อสร้างของเมืองจิ่วโจว”

“และเรายังได้บันทึกการโทรกับคุณครั้งล่าสุดจากมือถือของเขาด้วย”

“ไม่ใช่แค่นี้ ศพของเฉินจื้อยังถูกพบในแม่น้ำหลงเจียง ก่อนตายเขาได้บอกสถานที่หลบซ่อนของเขากับคุณ”

“แม้ว่าหลักฐานเหล่านี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้โดยตรงว่า อุบัติเหตุในสถานที่ก่อสร้างของเมืองจิ่วโจวครั้งนี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณ แต่อย่างน้อยก็บอกได้ว่า คุณเป็นผู้ต้องสงสัยที่เป็นไปได้มากที่สุดใช่ไหม?”

“และการตายของเฉินจื้อ คุณก็เป็นผู้ต้องสงสัยที่เป็นไปได้มากที่สุดด้วย ดังนั้นในวันนี้แม้ว่าจะมีเทพมาช่วย คุณต้องมากับพวกเรา!”

กงเจิ้งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่เกรงกลัวฐานะอวี๋เหวินปิงเลยแม้แต่นิด

“ดี ดีมาก ในเมื่อคุณต้องการพาตัวผมไปสอบสวน ผมก็จะไปกับคุณ แต่คุณแน่ใจเหรอว่าต้องการทำแบบนี้?”

ดวงตาของอวี๋เหวินปิงเต็มไปด้วยการข่มขู่ คำพูดของเขาก็มีกลิ่นอายของการเตือนอย่างเข้มข้น

กงเจิ้งพ่นลมหายใจแรง “แน่นอน ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงไม่มาหาคุณที่นี่หรอก พาตัวไป!”

ชายติดอาวุธสองคนเดินตรงไปข้างหน้า อวี๋เหวินปิงพูดอย่างเย็นชา “ผมเดินเองได้ ไปให้พ้น!”

เรื่องอวี๋เหวินปิงถูกนำตัวไปสอบสวนรู้ไปถึงหูของหยางเฉินอย่างรวดเร็ว

“เรื่องนี้คุณเป็นคนทำเหรอ?”

หยางเฉินมองไปที่หม่าชาวและถามขึ้น

หม่าชาวส่ายหน้า “พี่เฉิน ผมอยากจะไปฆ่าไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นให้คุณเหลือเกิน แต่ผมก็ไม่เคยขัดคำสั่งของคุณ”

“มันพิสูจน์ให้เห็นว่า ก่อกรรมไว้มากก็รับผลกรรมที่ทำไว้! ครั้งนี้อวี๋เหวินปิงเดือดร้อนจริงๆ แน่”

พอได้ยินว่าหม่าชาวไม่ได้เป็นคนทำ หยางเฉินก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“อีกครึ่งเดือนก็จะสิ้นปีแล้ว งานแต่งงานของคุณกับพี่อ้ายเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”

ทันใดนั้นหยางเฉินก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

พอพูดถึงเรื่องแต่งงาน หม่าชาวยิ้มอย่างมีความสุขและกล่าวว่า “พูดให้ถูกต้อง อีกสิบสามวันก็จะเป็นวันมงคลของผมกับพี่อ้ายแล้ว สิ่งที่ควรเตรียมก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว”

“งั้นก็ดีแล้ว คุณแต่งงานคราวนี้ ผมจะมอบของขวัญใหญ่ให้คุณแน่นอน” หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หม่าชาวหัวเราะแหะแหะ ดูท่าทางคาดหวัง “พี่เฉิน ของขวัญใหญ่อะไรเหรอ? แอบบอกผมได้ไหม?”

หยางเฉินกลอกตาให้หม่าชาว “ถ้าบอกตอนนี้จะเซอร์ไพรส์เหรอ? คุณรอไปก่อนเถอะน่า แค่สิบสามวันเอง แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”

“เออใช่ เรื่องจัดตั้งหน่วยองครักษ์เงาไปถึงไหนแล้ว?” หยางเฉินถามอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้การจัดตั้งองครักษ์เงาได้ให้หม่าชาวรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ และรับผิดชอบเรื่องฝึกฝนด้วย

ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองเยี่ยนตูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางทีอีกไม่นานก็สามารถส่งองครักษ์เงาลงสนามได้แล้ว

“ถึงองครักษ์เงาจะเป็นการจัดตั้งขึ้น แต่ก็เมื่อเทียบกับที่ชายแดนเหนือแล้ว ก็ยังด้อยกว่าอยู่มาก”

หม่าชาวทำหน้ารังเกียจ “พี่เฉิน เมื่อไหร่คุณจะหาทหารที่ปลดประจำการจากชายแดนเหนือมาให้ผมได้ ไม่งั้นเรื่ององครักษ์เงาจะไม่น่าทำเลย”

ที่สร้างความประหลาดใจให้กับหม่าชาวก็คือ ครั้งนี้หยางเฉินไม่ได้ปฏิเสธ เขาโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่งทันที ให้อีกฝ่ายช่วยแนะนำทหารที่ปลดประจำการมาจากชายเหนือหลายคน

หยางเฉินวางสายไปไม่ถึงห้านาที โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีก อีกฝ่ายพูดอย่างตื่นเต้น “พี่เฉิน ถ้าคุณไม่รังเกียจ พรุ่งนี้ผมจะปลดประจำการแล้วไปหาคุณ”

หยางเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมพูดชัดเจนแล้วว่า ห้ามคุณทำเรื่องรั่วไหลออกไป ผมแค่ต้องการทหารที่ปลดประจำการตามขั้นตอนปกติ”

“พี่เฉิน คุณไม่ต้องกังวล ผมรับประกันว่าจะไม่มีใครรู้ฐานะของคุณ ที่จะไปหาคุณ รับประกันได้เลยว่าเป็นทหารที่ปลดประจำการตามปกติ และเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถมากด้วย”