เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1414

ลู่ฝานพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม: “ทำไม เธอหวังที่จะให้ฉันเป็นเหรอ? ”

หลิงเหยาหยิกไปที่ท่อนแขนของลู่ฝานอย่างแรงและพูดขึ้นว่า: “หวังที่ไหนกันล่ะ นายเป็นคู่พรหมลิขิตของฉันต่างหาก แต่ธิดาเทพนั้นเมื่อพูดแล้วก็ไม่รักษาคำพูด คาดว่าคงเป็นแค่คำพูดหนึ่ง ที่ล่อลวงคนอื่นไปทั่วเท่านั้น! ”

ลู่ฝานอมยิ้มโดยไม่พูดอะไร สำหรับเรื่องนี้เขาไม่เคยคิดว่าเป็นความจริงมาก่อนเลย

ไม่เพียงแต่เขา ขุนนางทั้งราชสำนักของประเทศอู่อาน คาดว่าก็คงไม่มีใครเชื่อในเรื่องนี้เป็นแน่

จำได้ว่าตอนที่เขาทูลลาต่อฉินซางต้าตี้นั้น ฉินซางต้าตี้และคนอื่น ๆ ยังหัวเราะเขาด้วย เพราะไม่นึกว่าเขาจะเชื่อในคำพูดของธิดาเทพ

ธิดาเทพอยากจะทำอะไรก็เชิญตามสบาย อยากที่จะประลองยุทธก็ประลองยุทธ ลู่ฝานไม่อยากที่จะพูดมาก หวังเพียงว่าเธอจะรักษาคำพูดทำตามข้อตกลง พาเขาไปยังประเทศตันเซิ่ง และพาเขาเข้าไปภายในประเทศตันเซิ่งก็เพียงพอแล้ว!

อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ ธิดาเทพก็ยังคงแสดงความเป็นมิตรต่อกัน และยังคงมีท่าทางที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้กันไว้อยู่

บนแท่นสูง เมื่อธิดาเทพพูดจบ นักบู๊ของประเทศหลิงคนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมา

ในมือถือหอกไม้ยาว และยังจะเปล่งประกายแสงสีทองอีกด้วย

นักบู๊ของประเทศหลิงคนนี้ยิ้มแย้ม และพูดขึ้นว่า: “ฉันคือเจี๋ยหลิน เป็นนักบู๊แดนปราณนอกอันดับหนึ่งแห่งเมืองท้องฟ้า! ขอความกรุณาจากธิดาเทพด้วย! ”

แดนปราณนอก?

ลู่ฝานแทบจะหัวเราะออกมา

นักบู๊แดนปราณนอกยังกล้าที่จะขึ้นสังเวียนมาท้าประลองด้วย ช่างไม่รู้เสียจริงว่าคำว่าตายนั้นสะกดอย่างไร

สีหน้าท่าทางของธิดาเทพ ก็ประหลาดใจเหมือนกัน ในความเห็นของเธอประมาณว่า การที่คู่ต่อสู้แบบนี้ขึ้นสังเวียนมาท้าประลอง มันช่างเป็นการดูถูกเหยียดหยามเธออย่างมากทีเดียว!

แต่นักบู๊ที่ชื่อเจี๋ยหลินผู้นี้ กลับดูมีความมั่นใจอย่างที่สุด พลังปราณสีขาวนวลในร่างกายพลุ่งพล่านขึ้น แสดงถึงพลังอานุภาพที่น่าเกรงขาม

เป็นเวลานานแล้วที่ลู่ฝานไม่ได้เห็นพลังปราณลำแสงห้าธาตุ เมื่อนึกคิดขึ้น ก็รู้สึกคิดถึงมันจริง ๆ

แต่ธิดาเทพก็ไม่ทำให้ลู่ฝานต้องระลึกถึงนานเท่าไรนัก ก็พลันดีดนิ้วออกไปเบา ๆ นักบู๊ที่กำลังเตรียมจะแสดงกระบวนท่านั้น ก็กลายร่างเป็นลำแสงดวงหนึ่งสูญหายไปต่อหน้าของธิดาเทพในทันที

แม้แต่พลังเกล็ดน้ำแข็งก็ยังไม่อยากจะใช้ ธิดาเทพเพียงแค่ใช้ดรรชนีลมของตัวเอง ก็สามารถทำให้นักบู๊คนนี้สูญหายไปต่อหน้าของเธอได้

กลุ่มนักบู๊ของประเทศหลิงยังไม่ทันตั้งสติรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พบว่ายอดฝีมือแดนปราณนอกอันดับหนึ่งแห่งเมืองท้องฟ้าของพวกเขานั้น ได้กลายเป็นดาวตกและเคลื่อนตัวไปไกลแล้ว เมื่อเขาร่วงตกลงมา จะมีชีวิตรอดหรือไม่นั้น ก็มิอาจทราบได้

ทุกคนพากันตกตะลึง ฝ่าบาทสาวน้อยถึงกับเอามือมาปิดปากของตัวเองเบา ๆ

ลู่ฝานหมดสนุกอย่างมาก หากว่ายอดฝีมือหนุ่มของประเทศหลิงมีระดับฝีมือเพียงเท่านี้แล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับเพื่อนร่วมสำนักเดียวกันตอนที่เขาศึกษาอยู่ในสถาบันสอนวิชาบู๊เลย

ธิดาเทพสายตาเย็นชา กวาดตามองไปโดยรอบ และพูดเสียงดังขึ้นว่า: “นักบู๊ของประเทศหลิงทุกท่าน หากมีพลังความสามารถที่ไม่แข็งแกร่งพอ ก็ขอให้ประเมินตนเองด้วย พิจารณาให้ดีก่อนแล้วค่อยขึ้นสังเวียนได้ไหม? ”

ธิดาเทพสีหน้าดุดัน ใต้ฝ่าเท้าของเธอพลันเกิดน้ำแข็งขึ้นปกคลุมไปทั่วแท่นสูงนั้นในทันที

ไอความเย็นทำให้ลมบริเวณโดยรอบยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น ทันใดนั้น นักบู๊ประเทศหลิง ที่เดิมทีอยู่ใกล้และหัวเราะฮ่าฮ่ากันอยู่นั้น ต่างก็พลันถอนร่นลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมองไปยังธิดาเทพด้วยท่าทางที่หวาดกลัว

ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่นั่งอยู่ด้านข้างโดยที่ไม่ได้พูดอะไรนั้น ได้มองไปที่เงาแผ่นหลังของธิดาเทพและพูดขึ้นว่า: “ช่างเป็นผู้หญิงที่ยากจะได้มาครองเสียจริง”

ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์กวักมือเรียก ชายคนหนึ่งที่ยืนโค้งตัวอยู่ด้านหลังเข้ามาและพูดว่า: “ซงเหวินกลับมาแล้วหรือยัง? ”

ชายคนนั้นตอบว่า: “ตามที่ฝ่าบาทรับสั่ง คืนวานนี้ซงเหวินได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายใหญ่กลับมาถึงเมืองท้องฟ้าแล้ว เวลานี้ กำลังรอฟังคำสั่งอยู่ที่จวนอ๋อง”

ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดขึ้นว่า: “ดีมาก เพียงแค่ซงเหวินกลับมาแล้ว อย่างนั้นทุกอย่างก็สามารถแก้ไขจัดการได้แล้ว เรียกให้เขามาที่นี่ วันนี้พวกเราจะลงมือกระทำการครั้งใหญ่กันหน่อย! ”

ขณะที่พูด ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็หันมองไปยังฝ่าบาทประเทศหลิงที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา

ในดวงตา ค่อย ๆ เกิดเจตนาสังหารขึ้น!