เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2078 เป้าหมายแรก
ตั้งแต่ฟางหยวนเริ่มบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นชีวิตก่อนหน้าหรือตอนนี้ สระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าก็เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของเขาเขาต้องใช้ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทั้งหมดที่มีมันยังรวมถึงทรัพยากรบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเส้นทางแห่งกฎเส้นทางแห่งปัญญาเส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางสายอื่นๆ
ด้วยการคงอยู่ของสระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าความสามารถในการหลอมรวมของ
ฟางหยวนเพิ่มขึ้นอย่างมากเขากลายเป็นตัวตนอันดับหนึ่งบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของโลกยุคปัจจุบันในแง่ของความสําเร็จ เขาเป็นกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมแม้แต่ในประวัติศาสตร์เขาก็ยังเป็นตัวตนอันดับต้นๆ
แต่เนื่องจากเขาต้องใช้จ่ายวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเส้นทางแห่งกฎและเส้นทางสายอื่นๆรากฐานบนเส้นทางสายอื่นๆของเขาจึงลดลง
ในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนป้อมปราการบนภูเขาที่สงบสุขได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วคลังเก็บพลังงานอมตะของเขากลับสู่สภาวะปกติวิญญาณอมตะจํานวนมากถูกใช้จ่ายแต่เนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากความแข็งแกร่งโดยรวมของฟางหยวนจึงไม่ลดลงตรงข้ามมันเพิ่มขึ้น!
สถานการณ์ของฟางหยวนเริ่มดีขึ้น
เมื่อคิดถึงก่อนหน้านี้ชีวิตของฟางหยวนตกอยู่ในอันตรายเขาถูกผลักให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแรงด้วยกลอุบายของเหล่าเทพและถูกไล่ล่าไปทุกหนทุกแห่งโดยวังสวรรค์ตอนนี้เทพปีศาจจิต วิญญาณตายแล้ววังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรกําลังพักฟื้นฟางหยวนไม่มีแรงกดดันจากภายนอกมากนักเขาสามารถวางแผนการฝึกฝนและผ่อนคลายจิตใจ
จากมุมมองระยะยาว การสร้างสระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก!
“ตอนนี้ได้เวลายกระดับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคของข้าไปสู่ระดับแปดแล้ว” ฟางหยวนมองสระหลอมรวมสี่ธาตุแห่งความโศกเศร้าด้วยความภาคภูมิใจเขามีแผนการอยู่ในใจแล้ว
ในช่วงเวลาที่วิญญาณชะตากรรมยังอยู่อัตราส่วนอิทธิพลระหว่างโชคชะตากับโชคในโลกใบ
นี้อยู่ที่เก้าต่อหนึ่ง ตอนนี้วิญญาณชะตากรรมถูกทําลายไปแล้ว อิทธิพลของเส้นทางแห่งโชคย่อมเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสงครามห้าภูมิภาคปะทุขึ้นความโกลาหลจะทําให้เส้นทางแห่งโชคจะส่งผลกระทบมากขึ้น
“ทรัพยากรอมตะในการครอบครองของข้าบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยการคงอยู่ของ
พวกมัน ข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคระดับแปดแต่มันยังไม่เพียงพอที่
จะสร้างทะเลหลอมรวมที่สมบูรณ์ หือ?”
ขณะที่ฟางหยวนกําลังไตร่ตรองเรื่องนี้ข้อความจากนางเสือดําก็ถูกส่งมาหาเขาผ่านสวรรค์สีเหลือง
“พวกนางยังมีชีวิตและติดอยู่ในเส้นโลหิตปฐพี น่าสนใจ พวกนางซ่อนตัวอยู่ในคลังสมบัติปฐพี!นี่เป็นหนึ่งในสิบปฐพีที่ล้ำค่าคลังสมบัติปฐพีมีทรัพยากรอมตะมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรัพยากรอมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งโชคหัวใจแห่งโชคดวงนั้นมาในจังหวะที่เหมาะสมจริงๆ!”
ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขมาก
ทรัพยากรอมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งโชคสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งโชคแต่หัวใจแห่งโชคที่อยู่ในคลังสมบัติปฐพีเพียงดวงเดียวยังไม่เพียงพอ
ท่ามกลางทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งโชคในการครอบครองของฟางหยวนส่วนใหญ่พวก
มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดมีทรัพยากรอมตะระดับแปดเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีพื้น
ฐานในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเก่าบนเส้นทางแห่งโชค
แต่การใช้ทรัพยากรอมตะระดับเก่าเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดสามารถเพิ่มโอกาสประสบความสําเร็จได้อีกเล็กน้อย
สิ่ง ทําให้ฟางหยวนกลายเป็นเสือติดปีก!
ภาคใต้ ฐานทัพใหญ่ตระกูลจื่อ
“ปัง!”
ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อคนปัจจุบันทุบโต๊ะอย่างดุเดือดและก่นเสียงออกมาจากฟันที่กัดแน่น“บังอาจ!”
ผู้อมตะระดับเจ็ดที่ดูเยาว์วัยผิวขาวและดวงตาสีเข้มแสดงสัญญาณของการดื่มสุรามากเกินไปและกําลังโกรธจัดในขณะนี้มันคือจื่อเผิง
เขาเป็นบุตรชายของจื่อชิวหยูจื่อชิวหยูผลักดันจื่อเผิงเป็นอย่างมากและต้องการให้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําาดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อคนต่อไปแม้จื่อชิวหยูจะเสียชีวิตในสงครามชะตากรรมแต่เพราะการเตรียมพร้อมของเขาจื่อเผิงจึงประสบความสําเร็จในการรับสืบทอดตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลําาดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ
หลังจากได้รับตําแหน่ง เขารู้สึกว่าสถานการณ์แตกต่างไปจากเดิมมาก
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของบิดาจื่อชิวหยูปกป้องเขาจากปัญหาต่างๆแต่ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันเหล่านั้นด้วยตนเอง
ครั้งนี้ตระกูลหยางซึ่งเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้สร้างปัญหาให้กับเขา
สาเหตุของสิ่งนี้คือมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งเสียงมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งเสียงนี้เรียกว่าเสียงคํารามมันมีประวัติศาสตร์และชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั่วมันหายสาบสูญไปนานแล้วผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงเสียงคํารามรุ่นก่อนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่ก่อนหน้านั้นมันสามารถหล่อเลี้ยงผู้อมตะระดับแปด
ข่าวลือกล่าวว่ามรดกที่แท้จริงเสียงคํารามอนุญาตให้ผู้อมตะบ่มเพาะไปถึงระดับแปดดังนั้นมันจึงมีคุณค่า
สิ่งสําคัญที่สุดคือมรดกที่แท้จริงเสียงคํารามอยู่ในอาณาเขตของตระกูลจื่อแต่มันก็อยู่ใกล้กับอาณาเขตของตระกูลหยางเช่นกัน
หลังจากจื่อชิวหยูเสียชีวิตตระกูลจื่อสูญเสียผู้อมตะระดับแปดและเกิดความขัดแย้งภายในตระกูลหยางฉวยโอกาสเคลื่อนไหวพวกเขารุกล้ำอาณาเขตของตระกูลจี่และปิดล้อมพื้นที่เก็บมรดกเสียงคํารามเอาไว้ปัจจุบันพวกเขากําลังสํารวจแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงคํารามอย่างแข็งขัน
ตระกูลหยางบุกอาณาเขตของตระกูลจื่ออย่างอุกอาจ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของพวกเขา
หากพวกเขาไม่จัดการอย่างเหมาะสม ชื่อเสียงของตระกูลจื่อจะร่วงหล่นลงจนถึงจุดต่ำสุด
แต่ตระกูลจื่อสามารถทําสิ่งใดเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเขา? ตระกูลจื่อสามารถเอาชนะการรุกรานของตระกูลหยางหรือไม่?
ขึ้น?
พวกเขาสามารถต่อสู้หรือไม่?พวกเขาจะต่อสู้ได้อย่างไร?หากพวกเขาสู้ไม่ได้จะเกิดสิ่งใดนี่คือปัญหาที่จื่อเผิงกําลังเผชิญอยู่
“พวกเจ้าทั้งสามคิดอย่างไร?”จื่อเผิงถามสามผู้อมตะระดับเจ็ดที่อยู่ด้านหน้า
จื่อต้าไป่ตอบเสียงดัง “แน่นอน เราจะต่อสู้และสังหารวายร้ายตระกูลหยาง!”
“ลดเสียงของเจ้าลงบ้าง” จื่อเผิงส่ายศีรษะและมองไปที่จื่อกุ้ย
จื่อกุ้ยขมวดคิ้ว“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งเราต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ”
“เจ้ากลัวงั้นหรือ!?” จื่อต้าไปตะโกน“ตระกูลหยางไม่มีผู้อมตะระดับแปดพวกเขาส่งผู้อมตะดับเจ็ดมาเพียงสองคนในครั้งนี้หากตระกูลจื่อของเราไม่ตอบโต้กองกําลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดของภาคใต้จะหัวเราะพวกเรา!”
จื่อกุ้ยถอนหายใจ “แม้พวกเขาจะส่งผู้อมตะระดับเจ็ดออกมาเพียงสองคนแต่ทั้งสองต่างเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงหยางหยินกวงเชี่ยวชาญการแช่แข็งดวงวิญญาณมันยากที่จะป้องกันหยางเว่ ยกุ้ยบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งข้อมูลเขาเป็นสมองของตระกูลหยาง”
“จากการตรวจสอบของเราผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลหยางประจําการอยู่ในอาณาเขตของ
พวกเขาแต่เราไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าตระกูลหยางจะไม่ลอบส่งกําลังเสริมมาแม้ตระกูลหยางจะไม่แสร้งทําเรายังต้องพิจารณาถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลหยางเนื่องจาก
ตระกูลหยางบุกเข้ามาในอาณาเขตของพวกเรามันมีโอกาสที่พวกเขาจะเก็บคฤหาสน์วิญญาณอมตะไว้ในมิติช่องว่างของพวกเขา มันเป็นเพียงว่าพวกเขายังไม่ได้น่ามันออกมาเท่านั้น”“ถูกต้อง”จื่อเผิงพยักหน้าและมองไปทางจื่อซาน“เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
จื่อซานอยู่ในชุดคลุมสีขาวเขาดูหล่อเหลาแต่สายตาของเขากลับเหม่อลอย
“จื่อซาน จื่อซาน” จื่อเผิงเรียกเบาๆ
แต่ดูเหมือนจื่อซานจะไม่ได้ยินดวงตาของเขามองไปข้างหน้าแต่ราวกับมองไม่เห็นสิ่งใด
สามผู้อมตะมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าจิตใจของจื่อซานล่องลอยออกไปอีกครั้งเขาเป็นอัจฉริยะของตระกูลจื่อที่จะ
กลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลในอนาคตเขามักเหม่อลอยและคิดถึงปัญหา
เกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณจนลืมกินข้าวหากไม่ใช่เพราะความห่วงใยของคนในตระกูลเขาคงลืมกินข้าวและตายไปแล้ว
จื่อซานไม่สนใจจื่อเผิงจื่อเผิงโกรธแต่เขายังต้องปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเป็นอย่างดีก่อนสงครามชะตากรรมจื่อชิวหยูเรียกจื่อเผิงไปพบเขากล่าวว่าจื่อซานจะเป็นผู้ช่วยที่สมบูรณ์แบบของจื่อเผิง
ในความเป็นจริงผู้อมตะทั้งสามที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของจื่อเผิงแต่ผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือเหล่านี้กลับไม่สามารถแก้ปัญหาในปัจจุบัน
จื่อเผิงต้องตัดสินใจด้วยตนเอง
เป็นเพียงเวลานี้ที่วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกส่งผ่านสวรรค์สีเหลืองมาถึงเขา
หลังจากจื่อเผิงตรวจสอบ ดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้นด้วยความยินดี “ยอดเยี่ยมผู้นํากองกําลังพันธมิตรวูหยงได้ยินข่าวนี้และยินดีช่วยเหลือตระกูลจื่อหลังจากขับไล่ตระกูลหยางพวกเขาจะไม่ขอรับส่วนแบ่งมรดกเสียงคํารามแต่พวกเขาต้องการให้เราทําข้อตกลงเพิ่มเติมกับพวก
เขา พวกเขาต้องการให้เราช่วยสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะที่แหล่งทรัพยากรของตระกูลวู”“มีเรื่องดีเช่นนี้งั้นหรือ?”จื่อกุ้ยรู้สึกประหลาดใจมาก
“พวกเจ้าทั้งสองคิดอย่างไร?” คราวนี้จื่อเผิงเลือกที่จะเพิกเฉยจื่อซานอย่างสมบูรณ์ ขาถามเพียงจื่อต้าไปและจื่อกุ้ยเท่านั้น
จื่อต้าไป่ป่องหมัดกล่าว “การตัดสินใจขึ้นอยู่กับผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง” จื่อกุ๋ยลังเลเล็กน้อย“หากเราพึ่งพาตระกูลวูเพื่อเอาชนะตระกูลหยางในครั้งนี้มันอาจดูเหมือนเราได้รับกําไรแต่วูหยงเป็นตัวละครที่น่าเกรงขามเหตุใดเขาถึงทําธุรกรรมที่ไม่มีกําไรเช่นนี้?” จื่อต้าไป่กล่าว“เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าก่อนหน้านี้เมื่อตระกูลวูอ่อนแอตระกูลหยางบุกยึด
น้ําตกพิษและภูเขาซากศพของตระกูลวู ครั้งนั้นท่านจื่อชิวหยูน่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไป
ช่วยขับไล่พวกเขาและทําให้ตระกูลวูสามารถทวงคืนแหล่งทรัพยากรดังนั้นตระกูลวูและตระกูล
หยางมีความเป็นปฏิปักษ์กันสูงมาก”
จื่อเผิงตบหน้าผากของตนเอง “ถูกต้องจื่อต้าไปกล่าวได้ถูกต้องแล้วกล่าวถึงเรื่องนี้ตระกูลวูดูเหมือนจะพยายามผูกมัดพวกเรามาตลอดย้อนกลับไปเมื่ออาณาจักรแห่งความฝันยังอยู่ตระกูลวูยังนําตระกูลจื่อของเราเข้าสู่ธุรกิจขายโอกาสอมตะวูหยงเป็นตัวละครที่น่าเกรงขามแม้ท่านพ่อของข้าจะจากไปแล้วแต่ตระกูลจื่อของเรายังมีค่าคราวนี้เราจะปล่อยให้ตระกูลวูทํางานขณะที่
พวกเรานั่งพักผ่อนและเฝ้ามองอย่างสะดวกสบาย ฮ่าฮ่าฮ่า”
จื่อเผิงตัดสินใจแล้วจื่อกุ้ยทําได้เพียงระงับความไม่สบายใจในหัวใจของเขาเท่านั้นเขาคิดก่อนกล่าวเสริม“คราวนี้หากเราเป็นพันธมิตรกับตระกูลวูเราต้องพิจารณาถึงความรู้สึก
และความคิดของตระกูลปาด้วย”
“ถูกต้องตระกูลปา…”จื่อเผิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
กองกําลังใหญ่ต่างๆคงอยู่มานานแล้วพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมันเป็นเรื่องยากที่จะ
จัดการพวกเขาอย่างเหมาะสม
ตระกูลปาต้องการเข้าแทนที่ตระกูลวูพวกเขามีความขัดแย้งแต่ตระกูลปามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลจื่อพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงพันธมิตรแต่ยังมีความสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน