บทที่ 910 นายหญิงคนแรกของตระกูลเทวเทพ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 910 นายหญิงคนแรกของตระกูลเทวเทพ
หลังจากเส้นหมี่กลับมาถึงเดอะวิวซี จึงบอกกับไชยันต์ว่าเธอตกลงแล้ว

ไชยันต์แสดงออกมาว่าดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ เขาจึงโทรศัพท์เรียกพิมเจ้ามาแล้ว หลังจากนั้นให้พ่อบ้านสินพาไป สามคนไปด้วยกันที่แรก——สมรมณ์วัลย์

“หมี่ คุณไม่ต้องกลัวหรอก สมรมณ์วัลย์ถึงแม้ว่าจะเป็นที่พักของคุณท่านใหญ่ แต่ว่าคุณท่านของพวกเราบอกให้คุณมา เขาไม่สามารถทำอะไรกับคุณได้หรอก”

ในทางที่กำลังไป พิมเจ้าได้เห็นเส้นหมี่ตื่นเต้นนิดหน่อย จึงรีบปลอบเธอ

เส้นหมี่ยิ้มออกมาอย่างเก้กัง

เธอตื่นเต้นจริงๆ

แต่ว่า ไม่ใช่เพราะว่ากำลังจะไปที่สมรมณ์วัลย์ แต่ทว่าเป็นครั้งแรกที่เธอควบคุมดูแลเรื่องแบบนี้ เธอกลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดี

เส้นหมี่พยายามสงบจิตสงบใจลง หลังจากนั้นเปิดดูสมุดบัญชีที่อยู่ในมือเล่มบางเล่มนั้น

กลับพบว่า ในสมุดบัญชีเล่มบาง จดบันทึกแยกเอาไว้เกี่ยวกับจำนวนเงินที่หลายปีมานี้แบ่งจ่ายให้กับประพันธ์สายหลัก แล้วก็เครือญาติสายรอง แต่ว่า ทั้งสองนี้มีส่วนต่างกันมาราวฟ้ากับดิน

“ทำไมลำธารณีณของพวกคุณถึงได้น้อยมาก?”

“ใช่แล้ว พวกเราด้านโน้นยังมีการเพาะปลูกของตัวเอง แล้วก็ธุรกิจเล็กๆน้อยๆ จึงไม่ได้ต้องการเงินจากเดอะวิวซีในจำนวนมาก”

พิมเจ้าอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

คนตระกูลเทวเทพ……ยังมีการเพาะปลูกด้วย?

เส้นหมี่ทั้งตกใจและประหลาดใจแล้ว

ไม่ได้มีเจตนาอะไรหรอก เธอเห็นว่าประพันธ์สายเลือดหลัก ในทุกๆปีได้รับเงินจากเดอะวิวซี ต่างมากกว่าลำธารณีณทางด้านโน้นเป็นสิบเท่า โดยเฉพาะครอบครัววุฒิพล ยังมีครอบครัวของขุนรักษ์ สุดยอดจริงๆ!

พวกเขาเอาเงินตั้งมากมายไปทำอะไร?

ยอดเงินจำนวนนี้ ตามประสบการณ์การทำงานของเธอมองดูแล้ว เพียงพอต่อการเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทระดับพันล้านแล้ว

เส้นหมี่ “เพี๊ยะ”ตบลงที่สมุดเล่มนั้น แววตามองไปที่ด้านหน้ายิ่งใกล้จุดหมายเข้ามาแล้ว เปลี่ยนเป็นเป็นขุ่นมัวอย่างมาก

หลังจากนั้นยี่สิบกว่านาที

จริงด้วย เมื่อพวกเขามาถึงสิ่งเก่าแก่อันนี้ แต่ความจริงแล้วคฤหาสน์เรือนสี่ประสานหลังนี้ถ้าตีราคาตามตลาดหลักทรัพย์คงจะมากกว่าพันล้าน เส้นหมี่ได้เห็นสตรีวัยกลางคนคนหนึ่งยืนรออยู่ที่หน้าประตู

“โอ๊ะ พ่อบ้านสิน คุณมาแล้ว?”

“มาแล้ว คุณท่านใหญ่ล่ะ?”

ตาสินเหมือนกับว่ารู้จักกับสตรีวัยกลางคนคนนี้ หลังจากที่เธอเรียกเขาอย่างสนิทสนม เขาลงมาจากรถ ก็ถามออกมาอย่างคุ้นเคยกัน

พิมเจ้าที่อยู่ด้านข้างได้เห็นแล้ว จึงกระซิบข้างหูของเส้นหมี่ทันที:“คุณยายคนนี้เป็นแม่บ้านของสมรมณ์วัลย์ ชื่อยายบุญ อยู่กับคุณท่านใหญ่มาหลายปีแล้ว”

ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง

เส้นหมี่พยักหน้า

เมื่อทักทายเสร็จแล้ว พวกเขาจึงถูกนำพาเดินเข้ามาโดยยายบุญแล้ว

แต่ว่า เส้นหมี่สังเกตเห็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ในตอนที่เข้ามาที่นี่นั้น ยายบุญคนนี้บ่นกับตาสินมาตลอดทาง

ในทางกลับกันเจ้าบ้านของเธอคนนี้ไม่พูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ

นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจแล้ว

เส้นหมี่เดินตามพวกเขาเข้ามาแล้ว

“คุณท่านใหญ่ ตาสินพวกเขามาแล้วค่ะ”

“……”

เมื่อมาถึงในเรือนสี่ประสาน ที่นี่ปูด้วยกระเบื้องหินสีฟ้า รอบด้านถูกตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้ต่างๆตามสไตล์สวนหย่อมแบบเจียงหนาน แวบเดียวก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นสมัยนั้นอย่างไม่จืดจาง

หลังจากนั้น ยายบุญคนนี้พาพวกเขามาไว้ที่ในสวนแห่งนี้ หลังจากนั้นเข้าไปเรียกคนแล้ว

พ่อบ้านสินได้เห็นแล้ว จึงมาอธิบายให้เส้นหมี่ฟัง:“คุณผู้หญิง อย่าได้ถือสานะ คุณท่านใหญ่นิสัยค่อนข้างเชื่องช้า ตอนนี้น่าจะยังนอนไม่ลุกขึ้นมา”

เส้นหมี่ใจกว้างมาก:“ไม่เป็นไรค่ะ”

รออยู่ประมาณสิบกว่านาทีได้ ถือว่า ได้ยินเสียงยายบุญคนนั้นที่เข้าไปในห้องทางด้านข้างเมื่อสักครู่มีเสียงดังออกมาแล้ว ไม่นาน ตาแก่ผมสีขาว บนร่างกายสวมชุดแขนยาวสีฟ้าคนหนึ่ง เดินออกมาจากด้านในแล้ว

นี่ก็คือประพันธ์

“คุณท่านใหญ่ ต้องขอโทษ รบกวนคุณแล้ว”

“ที่แท้คือตาสินนี่เอง มามามา เชิญนั่งก่อน”

ประพันธ์กวักมือเรียก ส่งสัญญาณให้ยายบุญชงชา หลังจากนั้นก็เรียกตาสินมานั่งที่โต๊ะหินในสวนด้านนี้

พ่อบ้านสิน:“คุณท่านใหญ่ ผมแนะนำให้คุณรู้จักก่อนดีกว่า ท่านนี้คือคุณผู้หญิงของบ้านพวกเรา เธอชื่อเส้นหมี่ ครั้งนี้คุณท่านให้เธอมาจัดการเรื่องนี้”

ตาสินคนนี้ เป็นคนกระตือรือร้นในการทำงานนั่นเอง

จากนั้นเส้นหมี่ที่ยืนอยู่ที่นั่น ในที่สุดจึงมองเห็นเจ้าของสมรมณ์วัลย์คนนี้มองมาที่เธอ

คุณผู้หญิง?

แววตาของประพันธ์ไม่ได้ปกปิดความรู้สึกที่มีอยู่ ในทางกลับกัน หลังจากถูกตาสินแนะนำออกมาตรงๆแบบนี้ แววตาสีหน้าของเขา ทันใดจ้องมองไปที่เส้นหมี่อย่างเย็นชา

“ฉันรู้จัก ครั้งที่แล้วเจอกันที่ภัตตาคารอองฟอง”

“หืม?”

ตาสินไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรแล้ว

เส้นหมี่ได้เห็นสถานการณ์แล้ว ตัวเองจึงออกตัวเอง:“คุณปู่ใหญ่พูดถูก งั้นหลานสะใภ้มาในครั้งนี้ คงจะต้องรบกวนคุณปู่ใหญ่เห็นอกเห็นใจและฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”

คำพูดนี้ ไม่เพียงขจัดเรื่องยุ่งยากในการที่ผู้น้อยเข้าพอผู้ใหญ่เหล่านั้นออกไปแล้ว

เธอยังหยิบยกจุดประสงค์ที่เธอมาวันนี้ออกมาด้วย

พิมเจ้าที่อยู่ด้านข้างได้ฟังแล้วถึงกับตกใจขึ้นมา เด็กคนนี้ มองไม่ออกเลยจริงๆ ฉลาดขนาดนี้ และก็โหดมากด้วย!

สีหน้าของประพันธ์ยิ่งแย่กว่าเดิมแล้ว

แต่ว่า คำสั่งของไชยันต์ ใครก็ไม่กล้าขัด เขาไม่อดกลั้นเอาไว้ไม่ได้:“คุณคิดจะทำอย่างไร?”

“คุณปู่ใหญ่ ตอนที่ฉันมา คุณท่านของพวกเราบอกว่า ให้ฉันมารู้จักกับคนในครอบครัวของพวกเรา ไม่รู้ว่าคุณปู่ใหญ่ได้ติดต่อให้พวกเขาเข้ามาหรือเปล่า?”

“……”

“ไม่ใช่สิ พวกเราสมรมณ์วัลย์ครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ คุณอยากจะเรียกพวกเขามาทั้งหมด?”

น่าหัวเราะเป็นอย่างมาก หลังจากที่คำพูดนี้ของเส้นหมี่พูดจบ ประพันธ์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หินไม่ได้ตอบกลับมา แต่ยายบุญที่อยู่ด้านข้างกำลังยกน้ำชามาทันใดพูดออกมาอย่างไม่พอใจ

ทันใดพิมเจ้าขมวดคิ้วเป็นปม

แต่ว่า เธอไม่กล้าออกความคิดเห็นอะไร รวมทั้งพ่อบ้านสิน ก็กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

มีเพียงเส้นหมี่ มองมาที่สตรีวัยกลางคนคนนี้แวบหนึ่ง หลังจากนั้นเธอนั่งอยู่ที่นั่นแววตาเย็นชามองมาที่ชายชราที่อยู่ตรงข้าม

“สมรมณ์วัลย์สาวใช้สามารถพูดแทรกได้ตามอำเภอใจตั้งแต่เมื่อไหร่? ธรรมเนียมของที่นี่เป็นอย่างนี้?”

“……”