ตอนที่ 1139 เอาตัวเองยังไม่รอดจะไปช่วยเหลือผู้อื่นได้เช่นไร

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ดูไม่ออก นั่นก็ดีแล้ว!

นี่มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากที่ต่อสู้ไป เฮยเย้าก็เลื่อนขั้นได้อีกครั้ง

“เจ้าเด็กนี่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามแล้ว”

“นี่มันมีสิ่งใดผิดพลาดไปหรือไม่! สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม”

“เพียงไม่กี่วันก็เลื่อนขั้นได้แล้ว”

“นี่ตกลงเผ่ามังกรของพวกเรามีพลังวิญญาณเข้มข้นขึ้นแล้วเหรอ หรือว่ามีเพียงแค่อาณาเขตของเผ่ามังกรไม้ของพวกเราเท่านั้นที่มีพลังวิญญาณเข้มข้น”

“แต่เหตุใดพวกเราถึงรับรู้ไม่ได้เลย หลอกลวงกระมัง!”

มังกรไม้เหล่านี้ต่างก็ตกตะลึงขึ้น แม้แต่มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกทึ่งมาก นึกไม่ถึงเลยว่าอัจฉริยะที่เกิดมาจากสายเลือดเผ่ามังกรดำกับเผ่ามังกรทองจะต้านสวรรค์ได้เช่นนี้

เผชิญกับความตกตะลึงของพวกเขา แต่เฮยเย้ากลับนิ่งมาก ดวงตาคู่นั้นของเขามองไปที่มู่เฉียนซี หวังจะได้รับคำชมเชยจากนาง

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เฮยเย้ายอดเยี่ยมมาก พยายามต่อไป!”

เผ่ามังกรไม้ล้วนแต่จะกลายเป็นทัพที่พ่ายแพ้ด้วยมือของเขาแล้ว

สำหรับเผ่าที่สูงศักดิ์เหล่านั้น พวกเขาไม่มีทางลงมือกับผู้ที่อ่อนเยาว์กว่าเหล่านี้อย่างไร้ยางอายแน่นอน

ไม่มีผู้ใดขวางการไปวังมังกรไม้ของพวกเขาได้ นี่คือที่อยู่ของหัวหน้าเผ่ามังกรไม้

“ท่านหัวหน้าเผ่า มีอัจฉริยะน้อยของเผ่ามังกรอัคคีมาที่นี่เพื่อขอพบท่านหัวหน้าเผ่าขอรับ”

น้ำเสียงอันอ่อนเพลียเสียงหนึ่งดังขึ้น “อัจฉริยะน้อย! ให้พวกเขาเข้ามา! ในเมื่อพวกเจ้าขวางพวกเขาไว้ไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าฝีมือของพวกเขานั้นไม่เลวเลย”

“ขอรับ!”

หัวหน้ายามรักษาการได้ออกไปเชิญมู่เฉียนซีด้วยตัวเอง เขากล่าว “เชิญด้านใน! หัวหน้าเผ่าของพวกข้ารอเจ้าอยู่”

ที่เรียกว่าวังมังกรไม้นี้ กลับไม่เหมือนกับวังที่ใหญ่โตโอฬารเหล่านั้นในเมื่อก่อนที่นางเคยเห็นมา

นี่คือวังที่สร้างด้วยไม้ทั้งหมด ไม่ได้ใหญ่โตโอฬารเช่นนั้น แต่กลับมีเอกลักษณ์มาก

มู่เฉียนซีเดินเข้าในวังมังกรไม้นั้น ด้านในมีชายร่างผอมสวมชุดคลุมยาวสีเขียวนั่งอยู่ ใบหน้าของเขาดูเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลีย เขามองไปที่มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยอย่างพิจารณา

จู่ ๆ รูม่านตาของเขาก็หดลงและลุกพรวดยืนขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นมนุษย์!”

ลมพายุอันน่าสะพรึงกลัวพัดกระโชกมา และในตอนนี้เองเฮยเย้าก็ได้กล่าวขึ้นว่า “หัวหน้าเผ่ามังกรไม้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะดูละอ่อน แต่น้ำเสียงนั้นกลับมีพลังอำนาจที่มาจากสายเลือดอยู่

หัวหน้าเผ่ามังกรไม้ตกใจสะดุ้งขึ้น นี่…

จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ และปิดกั้นลมพายุนั้นเอาไว้ได้

ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นเผยความอันตรายออกมาและมองไปที่หัวหน้าเผ่ามังกรไม้ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า “ไม่มีคราวหน้า!”

ในตอนนี้หัวหน้าเผ่ามังกรไม้รับรู้ได้ว่าตนเองกำลังถูกเทพมารจ้องเขม็งอยู่ และเหงื่อเย็นก็ผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง

หัวหน้าเผ่ามังกรไม้กล่าว “พวกเจ้าสองมนุษย์มาทำอะไรที่แดนมังกรของพวกข้า อีกทั้งยังปลอมตัวเป็นมังกรอัคคีเช่นนี้อีก”

เฮยเย้ากล่าว “พวกเขาก็มาเพื่อช่วยให้ข้าได้นั่งบัลลังก์ราชาน่ะสิ”

“ราชา? เกาะราชามังกรถูกปิดไปแล้ว สายเลือดราชามังกรก็ได้หมดสิ้นไปแล้ว จะมีราชามาจากที่ใดได้อีก?” หัวหน้าเผ่ามังกรไม้กล่าวเสียงขรึม

“มีสิ! ก็อยู่ตรงหน้าเจ้านี่ไง!” จู่ ๆ พลังของเฮยเย้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ดวงตาสีทองคู่นั้น ต่อให้เป็นยาของมู่เฉียนซีก็ไม่อาจบดบังได้

หัวหน้าเผ่ามังกรไม้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “ตาสีทอง นึกไม่ถึงเลยว่าเผ่าราชาจะหลงเหลือสายเลือดอยู่ อีกทั้งยังอยู่ร่วมกับมนุษย์อีกด้วย”

พวกเขากับมนุษย์ไม่ได้มีความเคียดแค้นกันแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างไรเสีย มนุษย์ก็ไม่ใช่เผ่าเดียวกับพวกเขา

อีกอย่าง แดนมังกรถูกปิดไปเช่นนี้ แม้แต่เผ่าเทพก็ยากที่จะบุกเข้ามาได้ การที่มนุษย์สองคนนี้เข้ามาได้ มันต้องมีปัญหาใหญ่แน่นอน

“ที่ข้ามาเผ่ามังกรไม้ครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะให้เผ่ามังกรไม้ช่วยข้าเปิดเกาะราชามังกร” เฮยเย้ามองไปที่หัวหน้าเผ่ามังกรไม้ด้วยสายตาที่เร่าร้อน

พลังอำนาจของเผ่าราชาอันสูงศักดิ์นั้นช่างรุนแรงดุจดั่งพายุโหมจริง ๆ

ถึงแม้ว่าสายเลือดของมังกรไม้กับมังกรทองจะพอฟัดพอเหวี่ยงกัน แต่อย่างไรเสียเผ่ามังกรทองก็เป็นเผ่ามังกรครองตำแหน่งราชามังกร จึงเข้มแข็งเกรียงไกรกว่าเล็กน้อย

ดูเหมือนว่ามังกรไม้ทั้งเกาะล้วนแต่รับรู้ได้ถึงพลังการกดขี่ข่มเหงนี้แล้ว และพวกเขาต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

“พลังของมังกรทองสายเลือดเผ่าราชา!”

“สายเลือดของเผ่าราชาสิ้นสุดลงไปแล้วไม่ใช่หรอกเหรอ? แล้วนี่โผล่มาจากที่ใดกัน?”

“มีมังกรทองตัวหนึ่งมาที่เกาะของพวกเรา”

อายุยังน้อยก็มีพลังเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งกว่ามังกรทองตัวอื่น ๆ ที่เขาเคยเห็นมา

หัวหน้าเผ่ามังกรไม้สูดลมหายใจลึกเข้าปอดด้วยความตกใจ ดวงตาของเขามองไปที่เฮยเย้าด้วยความสับสน และกล่าวว่า “ท่านเป็นมังกรทองสายเลือดเผ่าราชาที่เป็นทายาทคนต่อไป คำขอของเจ้า ข้าหมดคำจะพูด”

“ท่านคบหากับมนุษย์ ข้าก็ไม่อาจขัดได้”

“แต่การจะเปิดเกาะราชามังกรนั้น ในตอนนี้เผ่ามังกรไม้ของพวกเราก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย เกรงว่า…”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เผ่ามังกรไม้ของพวกเจ้าอยู่ในการปกปักษ์รักษาของเถาวัลย์นภา จะเอาตัวไม่รอดได้อย่างไรกัน”

“พวกเจ้าเก็บซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งนี้ ปลีกตัวออกจากโลกภายนอก รู้หรือไม่ว่าตอนนี้แดนมังกรมันเปลี่ยนไปเช่นไรแล้ว สองในสามของเหล่ามังกรตอนนี้หัวใจกำลังสั่นคลอน เตรียมตัวจะเป็นสุนัขรับใช้เผ่าเทพแล้ว ความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรแทบจะโดนผู้อื่นเหยียบย่ำแล้ว”

“หากไม่มีราชาคุมอำนาจ เผ่ามังกรทั้งหมดก็จะล่มสลายไปในที่สุด”

หัวหน้าเผ่ามังกรไม้โกรธเกรี้ยวขึ้น “มนุษย์อย่างเจ้าจะไปรู้อะไร ที่เกาะราชามังกรถูกปิดไปก็มีเหตุผลเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น เผ่ามังกรทั้งห้าเผ่าของพวกเราเก็บสั่งสมกำลังและจิตใจก็เพื่อที่จะรับมือกับเจ้านั่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะออกมาจากผนึกได้เร็วเช่นนี้”

“ในตอนนี้เผ่ามังกรทองเหลือเพียงแค่เจ้าเด็กผู้นี้ เส้นสนกลในของพวกเราสี่เผ่าทำอะไรมันไม่ได้ หากถึงตอนนั้นพวกเราไม่สามารถต้านทานได้ เมื่อเกาะราชามังกรเปิดขึ้น ทั่วทั้งแดนมังกรก็ดับสิ้นไม่มีเหลือ”

พวกเขาก็กำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่ และสับสนตัดสินใจไม่ถูกเช่นกัน!

ทางเลือกระหว่างเอาชีวิตรอดกับละทิ้งศักดิ์ศรี!

เขากล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ตอนนี้พวกเรายังเอาตัวเองไม่รอด เผ่ามังกรไม้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ตอนนี้ข้ากับเหล่าผู้อาวุโสล้วนแต่คิดหาวิธีรับมือไม่ได้ หากมีวิธีพวกเราไม่มีทางผิดสัญญาแน่นอน”

เฮยเย้ากล่าว “เรื่องอะไร ข้าอยากรู้”

“เผ่ามังกรไม้ของพวกเรามีพลังมาจากต้นไม้ใบหญ้า แต่ตอนนี้ต้นไม้ใบหญ้าในเกาะว่านเซินฉงของพวกเราเริ่มล้มตายกันไปแล้ว พลังในร่างกายของพวกเราก็ไม่ได้อบอุ่น และอารมณ์ความรู้สึกก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนดั่งเมื่อก่อนแล้ว นับวันอารมณ์ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราก็จะสูญเสียนิสัยเดิมไปแน่นอน”

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ผงะไปครู่หนึ่ง ตอนที่พวกเขาเข้ามาและถูกมังกรไม้เหล่านี้ท้าต่อสู้ เดิมทีก็คิดว่าเป็นเพราะพวกเขามีความแค้นต่อเผ่ามังกรอัคคี

นึกไม่ถึงเลยว่าสาเหตุใหญ่มันจะเป็นเช่นนี้

มู่เฉียนซีกล่าว “เผ่ามังกรไม้ของพวกเจ้าน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่ามังกรอัคคี เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ควรจะไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาไม่ใช่เหรอ?”

หัวหน้าเผ่ามังกรไม้กล่าวด้วยความท้อถอยว่า “ข้าได้ขอความช่วยเหลือจากเผ่ามังกรวารีแล้ว แต่พวกเขาหาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ บางที อาจจะถึงวันจบสิ้นของเผ่ามังกรไม้แล้วก็ได้”

มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้าเผ่ามังกรไม้ เจ้ารู้ว่าข้าเป็นมนุษย์ แต่เจ้าคงจะไม่รู้ว่าข้าก็เป็นนักปรุงยาคนหนึ่งด้วย! เจ้าให้ข้าช่วยตรวจร่างกายให้เจ้าได้หรือไม่”

หากมีปัญญาทางด้านร่างกายก็น่าจะมีวิธีแก้ไข

ต่อให้นางจะไร้ซึ่งหนทาง แต่นางก็สามารถคิดหาวิธีปลุกนิรันดร์ให้ช่วยได้

“เจ้ามนุษย์ แม้แต่เผ่ามังกรวารีก็ไม่อาจจะแก้ไขปัญหานี้ได้ เจ้าเป็นมนุษย์นักปรุงยาคนหนึ่ง จะทำได้เช่นไร?” หัวหน้าเผ่ามังกรไม้เหลือบมองมู่เฉียนซีพลางกล่าว แม้ว่าเขาจะไม่มีเจตนาร้าย แต่เขาก็ไม่เชื่อในความสามารถของมนุษย์