ตอนที่ 948 การตามล่า

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ฉินอวี้โม่และสหายยังไม่ทราบถึงสถานการณ์บนเกาะโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรอย่างแน่ชัด ในเวลานี้พวกนางทำได้เพียงมุ่งหน้าตามหาตำแหน่งของเกาะลึกลับดังกล่าว

ฉินอวี้โม่ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวไปข้างหน้าขณะหลีกเลี่ยงผู้คนที่กำลังตามหาพวกตน รวมถึงผีดิบจำนวนมากที่แผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวกลางอากาศ

อย่างไรก็ตาม แม้จะตามหามานานพอสมควร พวกนางก็ยังไม่พบพิกัดของเกาะดังกล่าว เนื่องด้วยหมอกรอบตัวที่หนาทึบจนเกินไปซึ่งส่งผลต่อทัศนวิสัยเป็นอย่างมาก กอปรกับการต้องพยายามหลีกเลี่ยงจากกลุ่มศัตรูที่กำลังตามหาพวกตน การตามหาตำแหน่งของเกาะลึกลับจึงทำได้ยากขึ้นมาก

“ขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เราไม่มีทางพบเกาะนั่นในเร็ว ๆ นี้แน่”

ทุกคนภายในคฤหาสน์เฟิงหัวต่างรวมตัวกันเพื่อหารือถึงวิธีการแก้ไขปัญหานี้

การตามหาอย่างไร้ทิศทางท่ามกลางม่านบังตาเช่นนี้จะต้องใช้เวลายืดเยื้อยาวนานกว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้

เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงว่าฉินเทียนและทุกคนจะถูกจับตัวไปที่เกาะนั่นแล้ว พวกนางจึงต้องรีบหาทางไปที่นั่นและจะล่าช้านานเกินไปไม่ได้โดยเด็ดขาด

“ข้าจะออกไปจับตัวใครสักคนเข้ามาและให้เขานำทางพวกเราไป”

ฉินอวี้โม่ครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวออกไป นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่นางนึกได้ในตอนนี้

นางวางแผนที่จะออกไปจับตัวใครสักคนเข้ามา เพราะถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ต้องทราบถึงตำแหน่งของเกาะอย่างแน่นอนและสามารถนำทางพวกนางไปถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุด

“แต่ในเมื่อคนพวกนั้นเกาะกลุ่มรวมกันตลอดเวลาเช่นนี้ แล้วเราจะจับตัวใครสักคนเข้ามาโดยที่คนอื่น ๆ ไม่รู้ตัวได้อย่างไร ?”

ฟู่อวิ๋นซิวขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยถามด้วยความสงสัย แม้วิธีการนี้จะดูเข้าท่ามากที่สุดในตอนนี้ ทว่ามันก็ยังเต็มไปด้วยปัญหาและความอันตราย

คนเหล่านั้นที่กำลังตามหาพวกเขาล้วนเกาะกลุ่มรวมกันตลอดเวลา หากผู้ใดปรากฏตัวออกไปก็จะต้องตกเป็นเป้าสายตาของพวกเขาทันที เมื่อถึงตอนนั้น ฟู่อวิ๋นซิวเกรงว่าพวกตนอาจเอาชนะคนเหล่านั้นไม่ได้

“ข้าจะให้อสูรมายาของข้าออกไปเบี่ยงเบนความสนใจก่อน จากนั้นข้าและโม่ฉือจะช่วยกันจับตัวใครคนหนึ่งเข้ามาโดยเร็ว”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมสบตากับหานโม่ฉือ คนเหล่านั้นไม่อ่อนแออย่างแท้จริง ต่อให้พวกนางออกไปและมีเป้าหมายเพียงจะจับตัวคนเดียวกลับมา พวกนางก็ต้องวางแผนอย่างเหมาะสมเสียก่อน

เมื่อตัดสินใจได้เช่นนั้น ฉินอวี้โม่ก็ควบคุมให้คฤหาสน์เฟิงหัวหยุดอยู่กับที่เพื่อเฝ้ารอให้กลุ่มคนที่กำลังตามหาพวกตนปรากฏตัวขึ้นมา

หลังจากรอเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป ในที่สุดกลุ่มคนแปดคนก็ปรากฏกายตรงหน้า

ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นก็เหนือชั้นจริง ๆ และผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็อยู่เหนือกว่าฟู่อวิ๋นซิวเสียอีกซึ่งถือเป็นกองกำลังที่น่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง

คนทั้งแปดสวมอาภรณ์สีดำสนิทและเป็นเครื่องแบบที่เหมือนกันทั้งหมด

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่รีบร้อนลงมือทำสิ่งใด และหลังจากที่เฝ้าสังเกตการณ์มาตลอดเวลาที่ผ่านมา นางก็ได้พบสิ่งที่ผิดปกติบางอย่าง

แม้คนชุดดำเหล่านั้นจะดูเหมือนกันทั้งหมด แท้จริงแล้วพวกเขามีส่วนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ในบรรดาคนชุดดำแต่ละกลุ่ม มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสติปัญญาเป็นของตัวเองในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่มีสตินึกคิดและอยู่ภายใต้การควบคุมของคนผู้นั้น

เพราะเหตุนั้น ฉินอวี้โม่และสหายจึงต้องหาทางระบุให้ได้ว่าผู้ที่มีสติปัญญาและคอยควบคุมบงการคนอื่น ๆ ในกลุ่มคือผู้ใด ซึ่งนั่นเป็นเป้าหมายที่พวกนางจะต้องจับตัวมา

คนเหล่านั้นยังคงพยายามค้นหาไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของคฤหาสน์เฟิงหัวแม้แต่น้อย

ถึงแม้คฤหาสน์เฟิงหัวในปัจจุบันนี้จะยังไม่ได้รับการพัฒนาปรับโฉมอย่างสมบูรณ์ ทว่ามันก็มิใช่สิ่งที่ลูกสมุนระดับล่างเหล่านี้จะค้นพบได้

“ข้าคิดว่าคงจะเป็นคนทางซ้ายสุด”

ฉินอวี้โม่สังเกตการณ์ครู่หนึ่งและระบุได้ว่าผู้ใดคือคนที่พวกตนกำลังตามหา

ในบรรดาบุรุษชุดดำทั้งแปด ผู้ที่อยู่ซ้ายมือสุดดูแตกต่างจากคนอื่นอย่างชัดเจน

บุรุษผู้นั้นหยุดอยู่กับที่ตลอดขณะแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจรอบตัวและปล่อยพลังมายาลงในผืนน้ำเป็นระยะ ๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังทดสอบบางอย่างอยู่ ส่วนคนอื่น ๆ อีกเจ็ดคนเพียงค้นหาทั่วบริเวณโดยไม่มีการกระทำที่โดดเด่นใด ๆ

“ใช่เขาแน่ ๆ”

เมื่อยืนยันได้อย่างชัดเจนว่านั่นคือคนที่พวกตนจะต้องจับตัว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็สบตากันก่อนมุ่งหน้าออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ บุรุษชุดดำผู้นั้นก็กำลังจะมุ่งหน้าไปทางอื่น ทว่าจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงร่องรอยความผันผวนของพลังที่ชัดเจนกลางอากาศ

“ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดก็พบพวกเจ้าเสียที !”

บุรุษผู้เป็นเป้าหมายของฉินอวี้โม่หัวเราะเสียงดังก่อนออกคำสั่งกับอีกเจ็ดคนที่เหลือ จากนั้นพวกเขาก็ปลดปล่อยการโจมตีตรงมายังทิศทางของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือทันที

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือทราบดีว่าหากยืดเยื้อเสียเวลา สถานการณ์ของพวกตนมีแต่จะเลวร้ายลงเท่านั้น ทั้งสองจึงตัดสินใจใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองอย่างไม่ลังเล

เหล่าอสูรมายาของฉินอวี้โม่ก็ออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวตาม ๆ กันและขวางหน้าคนชุดดำทั้งเจ็ดไว้

“โอ้ ถือว่ามีฝีมือใช้ได้ทีเดียว”

เมื่อเห็นว่าคนทั้งเจ็ดถูกขัดขวางไว้ หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำก็ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใด ๆ ขณะลูกแก้วลูกหนึ่งปรากฏในมือ

เขาไม่รอช้าและทำลายลูกแก้วดังกล่าวทันที จากนั้นกลุ่มคนชุดดำกลุ่มอื่น ๆ ที่กำลังตามหาฉินอวี้โม่และคณะทั่วบริเวณมหาสมุทรก็ได้รับข้อมูลและรีบมุ่งหน้ามาในทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว

เนตรปีศาจ กินเลนอัคคีและมังกรเหมันต์ก็ออกมาจากมิติเชื่อมอสูรของหานโม่ฉือและปล่อยการโจมตีตรงเข้าใส่หัวหน้าคนชุดดำ

สองมนุษย์และสามอสูรรวมพลังกันอย่างเต็มที่ แม้ว่าหัวหน้าคนชุดดำจะแข็งแกร่งอย่างมาก เขาก็มิอาจต้านทานได้เลย

หานโม่ฉือเหวี่ยงฝ่ามือเข้าใส่เขาอย่างจังในขณะที่ฉินอวี้โม่ฉวยโอกาสนั้นในการจับตัวเขาเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว

“กลับมา”

หานโม่ฉือออกคำสั่งกับอสูรมายาของตนและกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวเช่นกัน

หัวหน้าคนชุดดำที่ถูกจับตัวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นทว่าไม่สามารถหลบหนีได้เลย

ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน ฟู่อวิ๋นซิวก็ก้าวออกมาข้างหน้าและใช้แรงกดดันกดข่มเขาไว้อย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้าเป็นใครกัน ?!”

บุรุษผู้นั้นเอ่ยถามโดยสัญชาตญาณ ทว่ารู้สึกได้ทันทีว่านั่นเป็นคำถามที่โง่เขลาสิ้นดีและสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย

“นำทางพวกเราไปที่เกาะนั่นและพวกเราจะไว้ชีวิตเจ้า”

ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ปรากฏตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวแล้ว ทั้งสองปิดผนึกพลังมายาของบุรุษชุดดำไปโดยตรงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ถือว่ามีความสามารถทีเดียว ไม่แปลกใจเลยที่พวกเราจะตามหาพวกเจ้าไม่พบสักที”

บุรุษชุดดำไม่แสดงถึงความหวาดหวั่นขณะลุกขึ้นยืนและจ้องหน้าฉินอวี้โม่อย่างกล้าหาญ

“สหายของพวกเจ้าอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว การที่ข่มขู่ข้าเช่นนี้ ไม่กลัวรึว่าชีวิตของคนเหล่านั้นจะตกอยู่ในอันตราย ?”

เขากล่าวขึ้นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่

“ฮ่า ๆ ๆ อย่างมากเจ้าเป็นได้แค่หัวหน้าของกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ต่อให้เจ้าหายตัวไปก็คงไม่มีใครสนใจหรอก ยังมีหน้ามากล่าววาจาข่มขู่พวกข้าเช่นนี้อีกรึ ?”

ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และยื่นมือออกไปดึงผ้าคลุมบดบังใบหน้าของบุรุษตรงหน้าซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าที่ดูมีอายุไม่เกินสิบเก้าปีซึ่งถือว่าหล่อเหลาในระดับหนึ่งและมีความเป็นผู้ใหญ่พอสมควร

“การที่ยังมีอายุน้อยเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงต้องการเข้าร่วมกับพวกจอมยุทธ์ปีศาจพวกนั้นล่ะ !”

ฉินอวี้โม่ยืนยันตัวตนของบุรุษตรงหน้าและคนอื่น ๆ ได้ทันที กลิ่นอายพลังของบุรุษผู้นี้เหมือนกับจอมยุทธ์ปีศาจที่นางเคยเผชิญหน้าในเมืองเทียนหยวนก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน

นอกจากนี้ สิ่งนี้ก็ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ข้อสันนิษฐานเดิมของพวกนางว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของจอมยุทธ์ปีศาจจริง ๆ

“เหอะ หากคิดจะฆ่าข้าก็เชิญเลย ข้าไม่กลัวพวกเจ้าหรอก !”

กล่าวได้ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้กล้าหาญทีเดียวขณะแค่นเสียงออกมาโดยที่ไร้ซึ่งความหวาดหวั่น

“โอ้ ใจกล้าไม่เบาเลย”

ฉินอวี้โม่กล่าวพลางยกยิ้มมุมปาก บุรุษหนุ่มผู้นี้น่าสนใจจริงเชียว…

“น้องชายเอ๋ย เดิมทีเจ้าก็อยากจะจับตัวพวกเรากลับไปที่เกาะมิใช่รึ ? ตอนนี้ก็แค่เปลี่ยนวิธีเท่านั้น พวกเราจะปล่อยให้เจ้านำทางพวกเราไปที่นั่น ถึงอย่างไรผลลัพธ์มันก็แทบจะเป็นสิ่งเดียวกัน”

อวิ๋นซื่อเทียนยืนขึ้นและกล่าวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“เดี๋ยวก่อน…พี่สาวเข้าใจแล้ว เจ้าคงจะคิดว่าพวกเราทรงพลังมากเกินไปและกังวลว่าเราจะทำลายแผนการของพวกเจ้าเมื่อไปถึงเกาะ เพราะเหตุนั้นจึงไม่กล้าพาพวกเราไปสินะ ?”

นางกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“ตลกสิ้นดี !”

บุรุษหนุ่มหัวเราะอย่างไม่แยแส

“ด้วยระดับพลังที่อ่อนแอเช่นนี้ ต่อให้ไปถึงที่เกาะ พวกเจ้าก็คงเป็นได้เพียงปลาบนเขียงเท่านั้น ในเมื่ออยากจะรนหาที่ตายนัก ข้าก็จะพาพวกเจ้ากลับไปรวมตัวกับสหายคนอื่น ๆ !”

เดิมทีบุรุษหนุ่มกังวลเกี่ยวกับแผนการของฉินอวี้โม่และสหายเหล่านี้ ทว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้วและจะนำทางพวกนางไปที่เกาะเพื่อหลอกล่อให้พวกนางเข้าไปติดกับดัก