ตอนที่ 862 ความวุ่นวายสงบลง

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

“การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกเหรอ?”

หมายความว่าอย่างไรกัน ทำไมเริ่มต้นด้วยเรื่องพื้นฐานแบบนี้

ตั้งใจจะสอนนักคณิตศาสตร์ที่เก่งๆ พวกนี้หรืออย่างไร

โมลิน่าแสดงสีหน้าประหลาดใจขณะที่กำลังจ้องมองลู่โจวราวกับว่าลู่โจวเป็นคนบ้า

นี่มันไม่ใช่การเรียนทฤษฎีตัวเลขที่พรินซ์ตันนะ!

ผู้ที่ได้รับเหรียญฟิลด์ตั้งหลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ยังไม่รวมผู้ชนะรางวัลอาเบลอีกด้วย…

ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วแน่ๆ !

คนที่นั่งข้างๆ เธอคือเถาเจ๋อเซวียน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม สีหน้าของความกระตือรือร้นเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว…”

โมลิน่ามองไปที่เขาและอดที่จะถามไม่ได้ “คุณหมายความว่าอย่างไรคะ”

“เขาพูดถูก! “

หลังจากที่เถาเจ๋อเซวียนคิดทบทวนเสร็จ เขาก็ยืดไหล่และเอนตัวลงบนเก้าอี้พร้อมรอยยิ้มที่มั่นใจราวกับว่าเกิดมาพร้อม IQ 230 …

“ถ้าคุณสงสัยก็ดูต่อไป”

จริงๆ แล้วเถาเจ๋อเซวียนไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้นด้วยซ้ำ

เพราะโมลิน่าก็กำลังดูอยู่

ไม่เพียงแค่โมลิน่า ชูลทซ์ที่นั่งอยู่อีกฟากของหอประชุมก็มองดูด้วยความตึงเครียด

ตั้งแต่ลู่โจวลบไวท์บอร์ดและเขียนประโยคนั้นลงไป เขาก็จดจ่ออยู่กับไวท์บอร์ด

“การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกเหรอ?”

อัคเชย์ที่นั่งติดกับเขาขมวดคิ้ว สายตาของเขาดูน่าเกรงขาม

“เขากำลังทำอะไรอยู่”

“นี่เขากำลังดึงอาวุธออกมา” ชูลทซ์จ้องไปที่ไวท์บอร์ดและยิ้มออกมาขณะที่พูด “ราวกับว่าเป็นพ่อค้าอาวุธเลย”

“ผมรู้ แต่…”

ดวงตาของอัคเชย์เบิกกว้างราวกับว่ามีสำลีจุกอยู่ที่คอ สายตาของเขาแสดงความประหลาดใจ

ชูลทซ์มองไปที่เพื่อนของตัวเองและยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็พูดในสิ่งที่เขาคิดออกมา

“เปลี่ยนวิธีการจำแนกประเภททอพอโลยีเป็นการรวมตัวของสาขาเรขาคณิตเชิงพีชคณิต…เรขาคณิตเชิงพีชคณิตนี่สุดยอดไปเลยว่าไหม”

หลังจากนั้นสักพัก อัคเชย์พยักหน้า

“ครับ…”

บางทีเขาอาจคิดผิด

ลู่โจวไม่ใช่คนขาดประสบการณ์และเย่อหยิ่งเลย…

ปากกาที่ขับเคลื่อนบนไวท์บอร์ดก็เหมือนคบเพลิง ที่ให้แสงสว่างในเขาวงกตที่ไม่มีใครแตะต้องมาสองศตวรรษ

กลุ่มเมฆสีดำรวมตัวกันด้านนอกหอประชุม

ในหอประชุมไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากความเงียบ นอกจากคำอธิบายลู่โจวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

หลังจากนั้นสักพักลู่โจวหยุดอธิบายแต่ทุกคนยังคงมองดูเขาเขียนไวท์บอร์ด

ลู่โจวจดจ่ออยู่กับโลกของตัวเลขและตัวดำเนินการ เขาไม่สนใจทุกอย่างรอบๆ ตัว

สมการพลิ้วไหวราวกับสายน้ำ กระแสน้ำมากมายจากสายน้ำนี้ไหลไปสู่ผู้ฟัง…

ด้านนอกหอประชุม

หวังเผิงรู้สึกมีอะไรบางอย่างแตะจมูก

เขามองไปที่ท้องฟ้าที่มีเมฆครึ้ม

“ฝนตก”

“ครับ…” หยางกวงเปี่ยวที่ตอนนี้เอามื้อล้วงกระเป๋ายืนพิงกำแพงพยักหน้าและพูด “ผมดูพยากรณ์อากาศเมื่อวาน ฝนจะตกหนักเลยนะครับ”

หวังเผิง “กรมเสนาธิการใหญ่กองทัพปลดปล่อยประชาชนเจอกิจกรรมอะไรน่าสงสัยในการรายงานนี้ไหม”

หยางกวงเปี่ยว “ไม่ แล้วพวกคุณล่ะ”

หวังเผิง “ทุกอย่างปกติดี”

หยางกวงเปี่ยว “…ปกติก็ดีแล้ว”

“ครับ…” หวังเผิงจุดบุหรี่และพ่นควันบุหรี่ออกมา เขาพูด “ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย”

เห็นได้ชัดว่าหวังเผิงโล่งใจที่ได้ยินว่าทุกอย่างโอเคดี

แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าใจปัญหาคณิตศาสตร์ดีอะไรขนาดนั้น…

แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าการรายงานครั้งนี้สำคัญกับวงการนักวิชาการจีนมากๆ

ดังนั้นมันจึงสำคัญสำหรับเขา

ไม่กี่นาทีผ่านไป ฝนเริ่มตกลงมา

เม็ดฝนสาดพื้นอิฐตรงทางเข้าหอประชุม

เสียงฟ้าผ่าดังเหมือนระฆังที่ดังก้องไปทั่วหอประชุมที่เงียบสนิท

อยู่ดีๆ ปากกาที่เขียนบนไวท์บอร์ดหยุดลง

ทุกคนในหอประชุมกลั้นหายใจและรออย่างเงียบๆ

รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของลู่โจว

“ถึงเวลาสรุปแล้ว” ลู่โจวบ่นพึมพำกับตัวเอง

เขาเขียนประโยคเพียงหนึ่งบรรทัด ราวกับสายฟ้าฟาดผ่านกลุ่มก้องเมฆ

ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์จับจ้องไปที่ไวท์บอร์ดพลางขมวดคิ้ว

“ใช้สูตรแพลนเชอเรลสำหรับกลุ่มไอเซนเบิร์ก…

“เช่นเดียวกับ Étale โคโฮโมโลยี!

“ไม่ มันไม่เหมือนกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงใช้การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก ผมเข้าใจแล้ว…”

อยู่ดีๆ ความคิดก็เกิดขึ้นในหัวของเขา

ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม เขาเห็นลู่โจวคล้ายๆ กับใครบางคนที่เขารู้จัก…

“ไม่แปลกใจเลย…”

ชายสูงวัยที่ยืนท่ามกลางผู้ฟังบ่นพึมพำกับตัวเอง “ไม่สงสัยเลยที่คนคนนั้นเลือกเขาในการสืบทอด”

ทุกอย่างจบแล้ว

ลู่โจวเขียนคำสุดท้ายราวกับเล่นเปียโนคีย์สุดท้าย

ทันทีที่เขาเขียนเสร็จ คนทั้งหอประชุมดูเหมือนจะนิ่งไปเหมือนกับเป็นภาพสีน้ำมัน

สิ่งเดียวที่ขยับอยู่ก็คือเข็มนาฬิกาบนกำแพง…

ลู่โจวมองไปที่ไวท์บอร์ดและทำลายความเงียบนั้น

“การวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก…นั่นคือชื่อที่ผมตั้ง”

เขาหันหลังกลับมาและมองไปที่สีหน้าแห่งความประหลาดใจของผู้ฟัง เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูด “แน่นอนว่าผมคิดชื่อนี้ออกตอนนี้พอดี บางทีผมอาจจะเปลี่ยนชื่อทีหลังถ้าคิดชื่อที่ดีกว่านี้ออก”

เขาวางปากกาบนที่ตั้งไวท์บอร์ดและเดินไปหน้าเวที เขาค่อยๆ วางมือบนขอบเวที

“ผมมั่นใจว่าความสามารถของคุณคงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจทฤษฎีนี้ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ ผมมั่นใจว่าคุณคงไม่ถามคำถามนี้ถ้าคุณเข้าใจทฤษฎีนี้”

ลู่โจวมองไปที่ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์

ลู่โจวรออยู่สักครู่แต่ชายสูงวัยไม่ได้ตอบโต้อะไร เขามองไปรอบๆ หอประชุมและพูดต่อ “วิธีการเส้นวิกฤติเป็นแนวคิดในการพิสูจน์ที่น่าสนใจ และวิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกก็เป็นเครื่องมือที่แก้ปัญหาได้จริงๆ ก็เหมือนกับการค้นหาข้อมูลแบบไบนารีที่เราเรียนตอนมัธยม เราสามารถลดค่าของ ε ไปทีละนิดจนกระทั่งถึงค่าที่เราตั้งไว้…ในที่สุด Re (s) = 1-ε = 1/2”

“ผมก็แค่พิสูจน์การมีอยู่ของ ε หวังว่ามันจะตอบคำถามของคุณได้

“นี่คือทฤษฎีทั้งหมดของผม”

หลังจากนั้นลู่โจวไม่พูดอะไรต่อ

หอประชุมเงียบสนิท

ไม่มีใครขยับตัว ไม่มีใครพูด

ทุกคนกำลังรอคำตอบจากฟาลติ้งส์

ไม่มีใครเข้าใจสมมติฐานของรีมันน์ดีไปกว่าฟาลติ้งส์ ฟาลติ้งส์จึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะสรุปเรื่องทั้งหมด

ฟาลติ้งส์ยืดไหล่และเกร็งไหล่อีกครั้ง

ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ยืนเงียบอยู่เป็นเวลานาน พร้อมสายตาของผู้ฟังที่จับจ้องไปที่เขา

หลังจากนั้นสักพัก เขายกมือขวาขึ้นและวางบนหมวกสีดำ

“คุณพูดถูก”

คำพูดของเขาส่งผ่านไปทั่วหอประชุม

คำสามคำนี้ดังก้องในใจของทุกคน

ลู่โจวพยักหน้าไปทางชายสูงวัยและยิ้มด้วยความจริงใจ

“ขอบคุณครับ”

หลังจากนั้น เขาโค้งคำนับให้กับผู้ฟังและประกาศจบการรายงาน

ทันทีที่เขาหันหลังจากเวที…

เสียงปรบมือดังกระหึ่มไปทั่วหอประชุม!

…………………