ตอนที่ 1005: หงเหลียน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1005: หงเหลียน

“มันเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะ” ไคเซอร์พูดช้า ๆ เขามองอย่างไร้ปราณีไปที่มารราคะ

ท่าทางของมารราคะยังเหมือนเดิม เขาเดาไว้แล้วว่ามันต้องเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะในตอนที่ไคเซอร์พูดมาว่าเขาต้องการจะร่วมมือด้วย

หลังจากที่เงียบและครุ่นคิดสักพัก มาราคะก็ถาม “รายละเอียดของการร่วมมือกันเป็นอย่างไร ? “

จักรพรรดิเสือพูด “เซียนจักรพรรดิมนุษย์ เจ้าเป็นคนที่ฉลาดเช่นกัน เจ้าน่าจะรู้ว่าทำไมพวกเราถึงต้องการพยัคฆ์ปีกเทวะ พยัคฆ์ปีกเทวะเป็นเทพเจ้าของสัตว์อสูร ดังนั้นพวกเราจะยอมให้เจ้าหนุ่มมนุษย์เลี้ยงเขาในฐานะสัตว์เลี้ยงได้อย่างไร ? อย่างไรก็ตาม เจ้าหนุ่มนั้นมีสองจอมยุทธที่คอยปกป้องอยู่ และพวกนั้นก็มีสมบัตที่มีพลังงานดั้งเดิมที่ปกป้องพวกนั้นอยู่ ซึ่งทำให้แม้แต่เซียนจักรพรรดิยังไม่สามารถทำอะไรพวกนั้นได้ ดังนั้น ข้าต้องการให้เจ้าช่วยและทำให้พวกนั้นคนหนึ่งยุ่งจนยื่นมือเข้ามาไม่ได้”

“ในตอนที่พยัคฆ์ปีกเทวะโต มันจะก้าวข้ามเซียนจักรพรรดิไป ไม่มีใครที่จะเทียบกับมันได้นอกเหนือไปจากจอมยุทธมนุษย์ที่สุดยอดที่สุด โมเทียนหยุนที่อยู่ในครั้งโบราณกาล เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะช่วยเจ้าและนำเอาหายนะมาที่ทวีปเทียนหยวนของข้า ? ” มารราคะพูดออกมาเสียงดัง

ไคเซอร์และแลงคีรอสคิดว่านานแล้วว่ามารราคะจะพูดแบบนี้ ท่าทางของพวกเขายังคงสงบและไคเซอร์ก็พูดออกมา “เซียนจักรพรรดิมนุษย์ เจ้ากังวลมากเกินไป พยัคฆ์ปีกเทวะจะไม่รุกรานเข้าไปในทวีปเทียนหยวนของเจ้าเว้นเสียแต่ว่ามันจะโตเต็มวัยแล้ว เพราะว่าทวีปของพวกเจ้าไม่มีอะไรเย้ายวนพวกเรา มีเฉพาะทวีปสัตว์เทวะเท่านั้นที่เหมาะสมกับพวกเราสัตว์อสูรอย่างแท้จริง ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก”

ไคเซอร์พูดต่อ “ต้องมีอะไรบางอย่างในตัวพยัคฆ์ปีกเทวะที่เจ้าสนใจเช่นกัน ถ้าเจ้าตกลงที่จะร่วมมือกับพวกเรา พวกเราจะให้เลือดบริสุทธิ์ 10 หยดของพยัคฆ์ปีกเทวะแก่เจ้าเป็นการตอบแทน เจ้าน่าจะรู้ว่าเลือดบริสุทธิ์ของมันนั้นมีค่ามากเพียงใด ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มหรอก”

ตาของมารราคะเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเขาได้ยินพวกนั้นทั้งสองคนเอ่ยถึงเรื่องเลือดบริสุทธิ์ แววแห่งความโลภปรากฎอยู่ลึกในตาของเขา

ไคเซอร์และแลงคีรอสไม่ได้พูดต่อ กลับกัน เขาจ้องไปที่มารราคะด้วยความสนใจในขณะที่พวกเขารอคำตอบอยู่อย่างเงียบ ๆ

“เอาหล่ะ ข้าจะร่วมมือกับเจ้า ข้าจะไปทำให้หนึ่งในนั้นวุ่นวาย” มารราคะตกลงในตอนท้ายหลังจากที่ลังเลบ้าง เขาต้องการเลือดบริสุทธิ์มากจริง ๆ และทางเดียวที่จะได้มันมาก็คือการร่วมมือกับไคเซอร์และจักรพรรดิเสือ นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้จอมยุทธทั้งสองที่อยู่ข้าง ๆ เสือขาววุ่นวาย

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าหวังว่าพวกเราจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข” ไคเซอร์พูดในขณะที่เขาหัวเราะออกมาดัง เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตอนนี้เพราะมารราคะสัญญาว่าจะช่วยพวกเขา

แลงคีรอสก็แอบยิ้มออกมาในขณะที่ความตื่นเต้นปรากฏอยู่ในส่วนลึกของแววตาของเขา เขาคิด “เหมือนว่า มันคงจะอีกไม่นานแล้วที่จะถึงวันที่ข้าจะเข้าไปชั้นที่ 99 ของหอคอยสัตว์เทวะได้และข้าก็จะได้ตำนานของพยัคฆ์ปีกเทวะด้วย เจ้าจะเป็นผู้ช่วยที่ดีของข้า”

ในตอนนี้ ใบหน้าของไคเซอร์และแลงคีรอสก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาแสดงท่าทางย่ำแย่ออกมาในตอนนั้นและโทสะที่เก็บไว้ไม่ได้ก็เริ่มเปล่งประกายออกมาจากพวกเขาทั้งสอง มันทำให้มิติรอบ ๆ ถูกพันธนาการ

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้มารราคะตกใจเล็กน้อย เขาเริ่มระมัดระวังทันทีและถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“มีบางคนฆ่าคนที่เราจัดเตรียมไว้ที่เทือกเขาครอส” แลงคีรอสคำรามออกมา ใบหน้าของเขาหมองมัวจนถึงขั้นที่มันเริ่มดูน่ากลัว

ไคเซอร์หลับตาเบา ๆ และพูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าหนูนั้นต้องเป็นคนทำมันแน่ เขากล้าที่จะทำลายกฎที่มนุษย์ห้ามเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาครอสได้ยังไง ? เขาคิดว่ามันง่ายหรือที่พวกเราสัตว์อสูรจะยอมถูกกดขี่ ? “

จิตสังหารที่หนาแน่นสั่นไหวในตาของแลงคีรอส เขาพูดออกมา “พวกเราต้องการที่จะหาเขาพอดี แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะมายั่วยุพวกเราแทน พวกเราจะปล่อยเขาไปไม่ได้ครั้งนี้ พวกเราไปที่เทือกเขาครอสกันตอนนี้เลย”

..

รุยจินยืนกอดอกอย่างสบายอยู่ในเขตที่เต็มไปด้วยภูเขาไปที่แผดเผา เขาจ้องอย่างเงียบเงียบไปที่ภูเขาไฟที่มีลาวาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้ ลาวาก็เริ่มที่จะพุ่งออกมารุนแรงขึ้นเรื่อยเรื่อย ชั้นไฟสีขาวพุ่งออกมากปากปล่อง พวกมันร้อนมากและเปลี่ยนให้หินรอบ ๆ กลายเป็นลาวาสีแดง และทำให้ปากปล่องภูเขาไฟเปิดมากกว่าเดิมอีก

ปัง!

ทันใดนั้นเองลาวาก็ระเบิดออกมาและเสียงร้องดังของฟีนิกซ์ก็ทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า ฟีนิกซ์ตัวใหญ่พุ่งออกมาจากลาวา นางปกคลุมไปด้วยไฟที่น่ากลัว ในขณะที่นางร้องไปรอบ ๆ ในอากาศ ทันนั้นเอง อุณหภูมิรอบ ๆ ก็พุ่งพรวดขึ้นและแม้แต่รอบ ๆ ยังกลายเป็นสีแดง

“หงเหลียน ยินดีด้วยที่เจ้าพัฒนาเป็นขั้นสูงสุดได้สำเร็จ แม้ว่ามันจะช้ากว่าเฮยยู่ไปนิด” รุยจินยิ้มให้ฟีนิกซ์ในขณะที่เขายืนอยู่ข้างข้างภูเขาไฟ ไฟที่พุ่งออกมาจากภูเขาไฟเข้ามาใกล้เขาไม่ได้

ฟีนิกซ์บินไปรอบ ๆ อีก 2 รอบก่อนที่ไฟสีขาวซึ่งแผดเผาของนางก็กระจายหายไป ในท้ายที่สุด นางก็เปลี่ยนไปหญิงร่างบางที่ดูเหมือนจะอายุยี่สิบกว่า ในขณะที่นางลดตัวลงอย่างช้า ๆ

นางใส่ชุดยาวสีแดง ในขณะที่ผมสีแดงเข้มของนางก็ส่องประกายเหมือนไฟที่ร้อนแรง นางน่ารักมากและมีเสน่ห์เหมือนภาพวาดที่งดงาม

นางเป็นฟีนิกซ์เพลิงเทวะที่เพิ่งออกมาจากมิติวัตถุเซียนพร้อมกับรุยจินและคนอื่น ๆ เช่นกัน นางคือหงเหลียน

นางอยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 ในตอนที่นางออกมาจากวัตถุเซียน นางอยู่ห่างจากชั้นสวรรค์ที่ 9 เพียงนิดเดียวเท่านั้น พลังงานธรรมชาติที่ข้างนอกเข้มข้นกว่าข้างในมิติวัตถุเซียนมาก ดังนั้นนางจึงหาที่ซึ่งเหมาะสมเพื่อที่จะทำสมาธิทันทีที่นางออกมา หลังจากฝึกฝนมาหลายปี ไม่เพียงแต่นางจะเป็นชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้สำเร็จ นางยังผ่านขั้นนั้นมาในอยู่ในขั้นสูงสุดได้

หงเหลียนร่อนลงช้า ๆ ถัดจากรุยจินและพูดออกอมาอย่างประหลาดใจ “รุยจิน เจ้าว่าไงนะ ? เฮยยู่ถึงระดับสูงสุดก่อนข้างั้นหรือ ? “

“ใช่” รุยจินยิ้ม เขาดีใจที่ได้พบหงเหลียน มีคนไม่มากที่มีสิทธิ์ที่จะเป็นสหายของเขาได้ในมิติวัตถุเซียน มีเพียงเฮยยู่และนางเท่านั้น

“เป็นไปได้อย่างไร ? ในตอนที่พวกเราหลุดออกมาได้ เฮยยู่เพิ่งอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 เอง แล้วเขาจะถึงขั้นสูงสุดก่อนข้าได้อย่างไร ? ” หงเหลียนเหลือเชื่อ

รุยจินไม่ได้อธิบาย เขาพลิกมือแล้วชิ้นชุดเกราะที่ทำมากจากขนสีแดงโลหิตและปิ่นปักผมสีแดงงดงามก็ปรากฎขึ้นมา ลูกปัดสีขาวเหมือนไข่มุกติดอยู่กับชิ้นส่วนเกราะสีแดง

“หงเหลียน ดูซิว่าของเหล่านี้คืออะไร” รุยจินยิ้มในขณะที่เขาถือชุดเกราะและปิ่นปักผมเอาไว้