ตอนที่ 953 จีหวูชวงยอมคุกเข่า
“ข้าจะขอถามเจ้าอีกครั้ง”
กงกงชูป้ายประจำตระกูลในมือขึ้นสูงและก้มหน้ามองลงไปที่จีหวูชวงด้วยสายตาที่ใช้มองตัวโง่งมผู้หนึ่ง ก่อนถามเน้นย้ำทีล่ะคำว่า “เจ้าคิดที่จะช่วยบุคคลที่ดูหมิ่นนายท่านของข้าจริง ๆ หรือ?”
จีหวูชวงหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ ความหวาดกลัวท่วมท้นทั่วร่างกาย
“ป้ายประจำตระกูลนี้… ไม่ทราบว่า…”
จีหวูชวงเงยหน้ามองกงกง ความเดือดดาลก้าวร้าวไม่มีอีกต่อไป เสียงของเขาถึงกับสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวและสงสัย “ทะ… ท่าน… ท่านไปเอาป้ายนี้มาจากที่ใด?”
คำพูดตะกุกตะกัก เกือบจะพูดไม่จบประโยคเสียด้วยซ้ำ
กงกงตอบเสียงเรียบ “นายท่านมอบป้ายนี้ให้กับข้า ข้าขอถามเจ้า ใครคือผู้ออกคำสั่งให้เจ้ายื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวของตระกูลเสี่ยวแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่?”
“ป้ายประจำตระกูลนี้เป็นคุณชายหลินมอบให้กับท่านหรือ?”
เทพสงครามเซียนมนุษย์จีหวูชวงเข้าใจแล้ว
สองขาของเขาอ่อนระทวย ตัวคนคุกเข่าลงไปทันที
นี่คือป้ายประจำตระกูลของหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์แห่งจักรวรรดิเจิ้งหลง
ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงหรือลวดลายบนป้าย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คนนอกไม่สามารถปลอมแปลงได้เด็ดขาด
และผู้ที่จะจัดทำป้ายชิ้นนี้ขึ้นมาได้ก็มีแต่ตระกูลหวังของจักรวรรดิเจิ้งหลงเท่านั้น
เมื่อมีป้ายประจำตระกูลชิ้นนี้อยู่ในมือ ก็ถือเป็นผู้มีอำนาจทั่วแผ่นดินตงเต้าแล้ว
และจีหวูชวงก็มีสถานะเป็นเพียงข้ารับใช้ของตระกูลหวังเท่านั้น
ในอดีต จีหวูชวงต้องเสียสละหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย เพื่อนำพาตนเองเข้าสู่ตระกูลหวังในฐานะผู้รับใช้
ภายหลัง เนื่องจากตนเองมีพื้นฐานวิทยายุทธ์เป็นเลิศ ประกอบกับตระกูลหวังมีสิ่งให้ใช้ดูดซับพลังไม่ขาดแคลน จีหวูชวงจึงแสดงความโดดเด่นสะดุดตาและได้รับการดูแลจากตระกูลหวังดีเป็นพิเศษ
และด้วยการส่งเสริมของตระกูลหวัง จีหวูชวงจึงเริ่มมีหน้ามีตาในจักรวรรดิเจิ้งหลงขึ้นมาไม่น้อย
ชีวิตของจีหวูชวงที่ผ่านมา เขาต้องเผชิญกับความล้มเหลว ความตาย การถูกดูหมิ่นดูแคลน และความยากลำบากอีกนานัปการ… ทำให้ชาตินี้ ชายฉกรรจ์สาบานกับตนเองว่าจะไม่มีทางปล่อยมือออกจากสกุลหวังเด็ดขาด
ในชีวิตนี้ จีหวูชวงไม่รู้เลยว่าตนเองติดหนี้บุญคุณตระกูลหวังมากมายเท่าไหร่
หากตระกูลหวังสั่งให้เขาไปตาย จีหวูชวงก็ยินดีไปตายอย่างมีความสุข
ต่อให้เบื้องหน้าเป็นภูเขาไฟทะเลกระบี่ ตราบใดที่เป็นคำสั่งจากตระกูลหวัง จีหวูชวงก็ยินดีน้อมรับคำสั่งด้วยรอยยิ้ม
เพราะฉะนั้น… ต่อให้ติดสินบนจีหวูชวงเป็นศิลาบูชาหลายล้านก้อน เขาก็ยังไม่กล้าขัดขืนอำนาจผู้ที่ถือป้ายประจำตระกูลชิ้นนี้เด็ดขาด
“หลิน… ไม่ทราบว่าคุณชายหลินได้ป้ายนี้มาจากที่ใด?”
น้ำเสียงและคำพูดคำจาของจีหวูชวงเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
กงกงตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า “เจ้าคิดตั้งข้อสงสัยกับนายท่านของข้าหรือ?”
จีหวูชวงเหงื่อตก หัวใจกระตุกวูบ ในสมองเกิดความคิดบางอย่าง
ปรากฏว่าหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มผู้มีพลังระดับเซียนจากจักรวรรดิเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถเอาชนะมือธนูเจ้าอินทรีอวี้ซือไป๋ในการประลองเดิมพันชีวิตได้อย่างง่ายดายนั้น คือผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหวังอย่างนั้นหรือ?
จีหวูชวงยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก
บางที ตัวตนที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉินอาจไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหวังก็เป็นได้ ดีไม่ดีเด็กหนุ่มอาจจะเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของตระกูลหวังโดยตรงด้วยซ้ำ
เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา บรรดาตระกูลใหญ่ทั่วแผ่นดินตงเต้า มักจะรักษาวัฒนธรรมเก่าแก่โดยการส่งบุตรหลานของตนเองออกจากตระกูลไปเผชิญความยากลำบากเพื่อฝึกฝนความอดทนและสร้างความแข็งแกร่งในดินแดนห่างไกลบ้านเกิด
ตระกูลหวังก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จีหวูชวงก็ถึงกับตกตะลึงแทบพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ฟุบ!
เทพสงครามเซียนมนุษย์ผู้ห้าวหาญที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าทุกคนในขณะนี้ พลัน ก้มหัวลงไปคำนับพื้นดินและพูดเสียงดังกังวานว่า “ผู้ต่ำต้อยจีหวูชวงคารวะนายท่าน ผู้ต่ำต้อยทำผิดไปแล้ว ผู้ต่ำต้อยไม่ทราบว่านายท่านอยู่ที่นี่ด้วย นายท่านได้โปรดให้อภัยผู้ต่ำต้อย”
โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก!
จีหวูชวงโขกศีรษะคำนับพื้นดินเสียงดังสนั่น
บรรดาแขกเหรื่อที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงหมดสิ้น
เกิดอะไรขึ้น?
คนที่กำลังโขกศีรษะอยู่ในขณะนี้เป็นถึงหนึ่งในผู้ส่งสาส์นจากกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลางเชียวนะ
สำหรับผู้คนในจักรวรรดิเล็ก ๆ อย่างเป่ยไห่ จีหวูชวงควรมีสถานะไม่ต่างไปจากเทพเจ้า
แต่กลับปรากฏว่าบัดนี้ เทพสงครามเซียนมนุษย์จีหวูชวงกำลังคุกเข่าร้องขอความเมตตา?
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกผู้คนตกตะลึงจนกระทำตัวไม่ถูก
น่าเหลือเชื่อ!
ประเด็นสำคัญก็คือไม่มีผู้ใดเข้าใจเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ป้ายประจำตระกูลนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?
มันมีอำนาจมากมายมหาศาลถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
“เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าตนเองทำอะไรผิด?”
กงกงก้มหน้ามองลงมาด้วยแววตาเย็นชา
“ผู้ต่ำต้อยผิดไปแล้ว ผู้ต่ำต้อยสมควรตาย”
เทพสงครามเซียนมนุษย์จีหวูชวงโขกศีรษะคำนับขอโทษต่อไป
“เจ้าคิดจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเรื่องราวในตระกูลเสี่ยวอีกหรือไม่?”
กงกงถามออกมาอีกครั้ง
เมื่อจีหวูชวงได้ยินคำถามนี้ก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าโทษทัณฑ์ที่ตนเองได้รับในครั้งนี้คงไม่ถึงแก่ความตาย
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
นายท่านยังเหลือช่องทางให้เขาได้ไถ่โทษตัวเอง
จีหวูชวงก้มหน้าแนบชิดกับพื้นหิน ตอบรับด้วยความดีใจว่า “ข้าน้อยจะไม่ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงอีก และข้าน้อยจะทำให้นายท่านพอใจ”
กงกงพยักหน้าพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ประเสริฐ”
เขาเก็บป้ายประจำตระกูลเข้าไปในอกเสื้อ
กำลังจะหมุนตัวเดินจากไป
“ช้าก่อน”
อัครเสนาบดีจั่วเซียงส่งเสียงเรียกอย่างกะทันหัน “คุณชายกง… ข้าขอสอบถามได้หรือไม่ว่าคุณชายหลินนั้น…”
กงกงหยุดชะงัก ก่อนหันกลับมาพยักหน้าให้แก่จั่วเซียงและตอบรับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มขึ้นเล็กน้อย “นายท่านของข้าน้อยปลอดภัยดีขอรับ”
เมื่ออัครเสนาบดีจั่วเซียงได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายวาวโรจน์
เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่
หลินเป่ยเฉินยังคงมีชีวิตอยู่
“จริงหรือ คุณชายหลินยังไม่ตายแน่นะ?” ผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนถามออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ไม่สามารถซ่อนเร้นความดีใจได้อีกแล้ว
“ผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ นายท่านของข้าน้อยปลอดภัยแข็งแรงดี แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการประลองเดิมพันชีวิต ขณะนี้ นายท่านจึงต้องกักตัวโคจรพลัง ไม่มีเวลาออกมาจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตนเอง”
กงกงอธิบายเสียงดังฟังชัด
ในงานเลี้ยงที่จวนตระกูลเสี่ยวพลันบังเกิดเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้น
ปรากฏว่ายังคงมีขุนนางใหญ่จำนวนไม่น้อยรู้สึกประทับใจในตัวหลินเป่ยเฉิน
อย่าว่าแต่ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มเคยไปถล่มสถานทูตของจักรวรรดิจี้กวง สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก และการเอาชนะตัวแทนของอีกฝ่ายอย่างอวี้ซือไป๋ได้อย่างราบคาบ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชื่อเสียงของหลินเป่ยเฉินโด่งดังไปทั่วจักรวรรดิเป่ยไห่ยาวนานอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปี
เมื่ออัจฉริยะเช่นนี้ยังคงอยู่ ความหวังของประเทศชาติก็ยังคงอยู่เช่นกัน
แต่สำหรับเสี่ยวอี้ เสียวหยวนและพรรคพวกนั้น ข่าวดีครั้งนี้ไม่ต่างจากแผ่นดินถล่มแผ่นฟ้าทลาย
“ไม่นะ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง…”
“นี่ต้องเป็นฝันร้ายแน่ ๆ ข้าต้องรีบตื่นขึ้นมา ข้าต้องรีบตื่น!”
เสี่ยวอี้กระซิบ
“คุณชายกง ข้าอยากขอเข้าพบนายน้อยของท่าน ไม่ทราบว่าพอเป็นไปได้หรือไม่?” เทพสงครามเซียนมนุษย์จีหวูชวงรวบรวมความกล้าถามออกไป
กงกงปรับน้ำเสียงกลับมาเรียบเฉยตามเดิมอีกครั้ง “นายท่านกล่าวว่าต้องขอดูความประพฤติของเจ้าก่อน”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ ร่างของชายฉกรรจ์ผู้ไว้ผมจุกบนศีรษะก็เลือนหายไปในอากาศราวกับเป็นเพียงวิญญาณตนหนึ่ง
เมื่อร่างของกงกงหายไปแล้ว บรรยากาศในงานเลี้ยงของจวนตระกูลเสี่ยวก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
จีหวูชวงรีบลุกขึ้นเดินมาหาผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนโดยไม่ลังเล ก่อนจะประสานมือก้มหัวคำนับแสดงความนอบน้อม “ขออภัยท่านผู้เฒ่า ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินท่านผู้เฒ่าไปไม่น้อย ความผิดครั้งนี้ข้าน้อยสมควรตาย แต่ข้าน้อยอยากวอนขอความเมตตาจากท่านผู้เฒ่า ได้โปรดมอบโอกาสให้ข้าน้อยมีชีวิตอยู่รอด เพื่อชดใช้ความผิดในครั้งนี้ด้วยเถิด!”
ทุกคนถึงกับตกตะลึงแล้ว
แม้กงกงจะจากไป แต่ความหวาดกลัวของเทพสงครามเซียนมนุษย์จีหวูชวงยังคงอยู่อีกหรือ?
แม้แต่กิริยาท่าทางที่เขามีต่อผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนก็พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ
นี่แสดงให้เห็นว่าหลินเป่ยเฉินสร้างความหวาดกลัวให้แก่จีหวูชวงมากมายทีเดียว
ถึงผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนจะไม่พอใจในการประพฤติตนของจีหวูชวงและพรรคพวกก่อนหน้านี้ แต่ชายชราก็ไม่ลืมว่าอีกฝ่ายเป็นถึงคณะทูตจากกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลาง เพราะฉะนั้น เขาจะกดดันจีหวูชวงมากเกินไปไม่ได้
“ท่านทูตอย่าได้เกรงใจ”
ผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนระงับท่าทีตื่นเต้นของตนเองและพยักหน้าด้วยความอ่อนโยน
จีหวูชวงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาหันไปมองทางเสี่ยวเย่ที่ถูกจับมัดและควบคุมตัวอยู่ด้านข้าง
คนผู้นี้เป็นพี่ชายร่วมสาบานของคุณชายหลิน
นั่นคือข้อมูลที่เจิ้งเฉียน หัวหน้าตระกูลเจิ้งเคยบอกเอาไว้ก่อนเริ่มการประลองเดิมพันชีวิต
จีหวูชวงพริ้วกายเพียงวูบเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างเสี่ยวเย่ เพียงเขาระเบิดพลังลมปราณออกจากร่างกายเท่านั้น เหล่ามือกระบี่ที่คุมตัวชายหนุ่มอยู่ก็ลอยกระเด็นออกไป
จีหวูชวงลงมือแก้มัดให้แก่เสี่ยวเย่ด้วยตนเอง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกเสียใจว่า “คุณชายเสี่ยว ก่อนหน้านี้ข้าล่วงเกินท่านไปไม่น้อย หวังว่าท่านคงให้อภัยคนต่ำต้อยผู้นี้”
เสี่ยวเย่ไม่รู้เลยว่าตนเองสมควรตอบอย่างไรดี
เขายังคงอยู่ในความตกตะลึง
หลินเป่ยเฉินทำได้อย่างไรกัน?