ตอนที่ 2385 เสี่ยวหลิงเทียน

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

ชายเครายาวโบกมืออีกครั้ง กองทัพอสูรทะเลที่อยู่ข้างหลังเขาเคลื่อนตัวต่อไปด้านหน้าในทันที

แต่ในขณะนั้น มีความผันผวนอย่างกะทันหันในอากาศที่อยู่ใกล้เคียง ลำแสงผลึกสายหนึ่งก็พุ่งออกมาโดยไม่มีสัญญาณแม้แต่น้อย สั่นไหวเล็กน้อยก็ย้ายตัวไปปรากฏต่อหน้าชายเครายาว และกลายเป็นคลื่นแสงม้วนตัวออกมา

ชายเครายาวตกใจ ทว่าก็อ้าปากพ่นก้อนแสงสีม่วงออกมาทันที เมื่อลมพัดขึ้นก็กลายเป็นโล่ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยชั้นของลวดลายสีม่วง

ในเวลาเดียวกันเขาก็ทำท่าทางร่ายคาถา ร่างกายส่งเสียง ม่านน้ำสีน้ำเงินเข้มชั้นหนึ่งโผล่ออกมา ห่อหุ้มร่างกายเขาไว้ภายใน

ตูม ตูม! เมื่อโล่ยักษ์และม่านแสงและลำแสงประสานกัน แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง

ผลึกลำแสงเพียงวนรอบชายเคราขาวราวประจุสายฟ้าและตัดร่างของเขาออกเป็นสองส่วนจากช่วงเอว ขณะที่ชายเครายาวมีสีหน้าตกใจ

ปัง!

ร่างของชายเครายาวที่แยกออกจากกันผ่านไปครู่หนึ่งกลับระเบิดออกเป็นฟองอากาศนับไม่ถ้วน

ฟองอากาศโปร่งใสพุ่งออกไปทุกทิศทุกทางอย่างหนาแน่น

ในขณะนี้ผลึกลำแสงมารวมกัน ก่อตัวเป็นคนร่างเล็กสีทองที่มความสูงประมาณหนึ่งชุ่น นิ้วมือหนึ่งชี้ไปยังอากาศด้านหนึ่ง ปราณกระบี่ที่มองไม่เห็นถูกปล่อยออกมาอย่างเลือนราง ม้วนตัวครอบคลุมฟองอากาศฟองหนึ่งอย่างรวดเร็ว ฟองอากาศนั้นหมุนไปรอบๆ แปรเปลี่ยนเป็นคนร่างเล็กที่มีหน้าตาเหมือนกับชายเคราขาวทุกประการ

แม้ว่าจะมีของวิเศษมากมายที่ปกป้องร่างกายของเขา แต่ของวิเศษทั้งหมดก็แตกสลายออกท่ามกลางปราณกระบี่อันแหลมคม หลังจากคนร่างเล็กกรีดร้อง ก็หายไปในกระบี่แสงที่วาบขึ้น

จากการปรากฏตัวของแสงผลึกไปจนถึงการกำจัดชายที่มีเครายาว มันเป็นเพียงชั่วพริบตา

เต่ายักษ์ภายใต้ชายเครายาวและกองทัพของอสูรทะเลที่อยู่ข้างหลังเขาไม่มีโอกาสตั้งตัวเลย และเมื่อพวกมันรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ก็ย่อมตกใจและโกรธเป็นธรรมดา

หลังจากเสียงคำรามของอสูรทะเลหลายสิบตัว คลื่นทะเลก็กลิ้งขึ้นไปบนท้องฟ้า ลำแสงวิญญาณก็กะพริบอย่างดุเดือด และการโจมตีทุกประเภทก็พุ่งตรงไปยังคนร่างเล็กสีทองราวกับหยาดฝน

เมื่อคนร่างเล็กสีทองเห็นสถานการณ์นี้ แสงเย็นวาบในดวงตาของเขา ร่างกายของเขาพร่าเลือน ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเงาของชายร่างเล็ก และปราณกระบี่ขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นม้วนตัวลงมาจากท้องฟ้า ไม่เพียงแต่ทำลายการโจมตีทั้งหมด ทั้งยังพุ่งลงไปกลางกองทัพอสูรทะเลอย่างไม่ปราณี

ปราณกระบี่ที่มองไม่เห็นเหล่านี้มีความคมอย่างหาที่เปรียบมิได้ และแม้แต่มหาเมธีธรรมดาก็ไม่กล้าตั้งรับมันโดยตรง แน่นอนว่าอสูรทะเลธรรมดาย่อมไม่สามารถต้านทานได้

อสูรทะเลจำนวนมากถูกฟันผ่าทันทีด้วยปราณกระบี่เพียงครั้งเดียว ย้อมสีน้ำทะเลให้แดงฉานด้วยเลือดของอสูรเหล่านี้

คราวนี้ในที่สุดเหล่าอสูรทะเลก็รู้สึกหวาดผวา หลังจากที่มีบางตัวส่งเสียงร้อยโหยหวน อสูรทะเลที่เหลือก็หนีหัวซุกหัวซุนไปทุกทิศทุกทาง

ภาพมายาของคนร่างเล็กบนท้องฟ้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และกลายเป็นคนร่างเล็กสีทองอีกครั้ง หลังจากมองดูอสูรทะเลที่วิ่งหนีไปในระยะไกลอย่างเย็นชา ก็คว้าไปที่ความว่างเปล่าเหนือผิวน้ำด้วยมือหนึ่ง ทันใดนั้น สร้อยข้อมือสำหรับเก็บของก็พุ่งออกมาจากที่ที่ชายเครายาวล้มลง และสร้อยข้อมืออันวาววับก็ตกลงมาอยู่ในมือเล็กๆ

คนร่างเล็กเพียงเหลือบมองและไหวไหล่ ร่างของเขาก็หายไปในความว่างเปล่า

ในเวลาเดียวกัน ที่ด้านหน้าของเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึก หานลี่เก็บแสงสีฟ้าในดวงตาของเขาและพึมพำกับตัวเอง

“เอาล่ะ แขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้ถูกขับไล่ไปแล้ว ตอนนี้สามารถรอฟังข่าวได้อย่างสบายใจ”

จูกั่วเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างหลังได้ยินคำพูดของหานลี่ กะพริบตาปริบๆ ท่าทีดูสับสนเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นานหานลี่ก็หลับตาลงนั่งโคจรพลังอีกครั้ง

ครึ่งวันต่อมา เมื่อแสงแดดบนท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ทันใดนั้นยันต์ผืนหนึ่งบินออกมาจากทะเล

หานลี่ลืมตาขึ้นแล้วคว้ายันต์ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง

ปัง!

เครื่องรางดังกล่าวระเบิดออก กลายเป็นลูกบอลเพลิงสีแดง ในเวลาเดียวกัน ข้อความถูกส่งตรงไปยังจิตสัมผัสของหานลี่ ทำให้เกิดความปิติยินดีปรากฏบนใบหน้าของเขา

“ผู้อาวุโส หรือว่า…” จูกั่วเอ๋อร์เห็นดังนี้ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

“ใช่แล้ว ในที่สุดก็พบสถานที่ที่ดูเหมือนเป็นที่ตั้งของทางเข้าแล้ว ไปกันเถอะ พวกเราบังคับเรือตรงไปยังที่นั่น” หานลี่ลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะออกมา

เมื่อจูกั่วเอ๋อร์ได้ยินสิ่งนี้ ก็ย่อมรู้สึกยินดีด้วยเช่นกัน

ภายใต้การกระตุ้นของหานลี่ ม่านแสงสีดำก่อตัวขึ้นปกคลุมรอบเรือขนาดยักษ์ทันทีและค่อยๆ จมลงสู่ทะเล

ครึ่งชั่วยามต่อมา ในสถานที่ลับที่ก้นทะเลที่เต็มไปด้วยพืชก้นทะเลหลากสีสัน หุ่นเชิดหลายร้อยตัวรวมตัวกันอย่างเรียบร้อยที่ด้านหน้าหินสีแดงเข้ม

บรรพชนฮวาสือและทุเหย่ายืนอยู่หน้ากลุ่มหุ่นเชิด ชี้ไปที่ก้อนหินสีแดงเข้ม

น้ำทะเลที่ไกลๆ สั่นไหว เรือยักษ์สีดำส่งเสียงหวูดร้อง บินมาจากระยะไกลราวกับปีศาจทะเล เมื่อแสงวูบวาบขึ้นเหนือหินสีแดงเข้ม หานลี่ซึ่งยืนอยู่บนหัวเรือก็ทำท่าทางร่ายคาถาด้วยมือข้างหนึ่ง

ม่านแสงสีดำบนเรือแบ่งก้อนแสงออกมาและจากนั้นมันก็ลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมหลายลี้ในทันที ทำให้น้ำทะเลที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดถูกผลักออกจากม่านแสง

“อาจารย์หาน”

“นักพรตหาน”

บรรพชนฮวาสือและมังกรวารีในร่างมนุษย์แสดงความเคารพเมื่อเห็นสิ่งนี้

“ที่นี่คือตำแหน่งที่พวกเจ้าค้นพบ?”

ร่างกายของหานลี่พร่าเลือนหายไปจากบนเรือยักษ์มาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของก้อนหินยักษ์สีแดง แล้วมองพิจารณามัน

“ถูกต้อง หลังจากข้าและผู้อาวุโสถูคำนวณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่น่าจะผิด พวกเราสัมผัสได้ถึงความผันผวนของมิติบางส่วนที่รั่วไหลออกมาจากที่นี่” บรรพชนฮวาสือกล่าวอย่างเคารพ

“ท่านฮวาสือกล่าวถูกต้องแล้ว ข้ามีความมั่นใจมากถึงแปดส่วนว่านี่ต้องเป็นปากทางเข้าที่ท่านต้องการตามหาอย่างแน่นอน” ถูเหย่าเอ่ยอย่างมั่นใจ

“ลำบากพี่ถูแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าขอเข้าไปดูก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ กั่วเอ๋อร์เจ้ามานี่หน่อย” หานลี่พยักหน้า หันไปโบกมือเรียกจูกั่วเอ๋อร์ที่ยังคงอยู่บนเรือยักษ์ให้ลงมาด้านล่าง

จูกั่วเอ๋อร์เห็นดังนั้น จึงรีบเหาะลงมายืนข้างหานลี่อย่างรวดเร็ว

“เจ้าเข้าไปกับข้า ตรวจสอบดูว่าที่นี่ใช่ปากทางเข้าเสี่ยวหลิงเทียนจริงๆ หรือไม่ หากว่าใช่ ค่อยให้

ฮวาสือนำเรือยักษ์และเหล่าหุ่นเชิดตามเข้าไป” หานลี่สั่งการ

“เจ้าค่ะ”

“รับบัญชา ท่านอาจารย์”

จูกั่วเอ๋อร์และฮวาสือตอบรับพร้อมกัน

แม้ว่าถูเหย่าจะรู้สึกว่าการกระทำของหานลี่นั้นมีความเสี่ยงเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงพลังอันน่าทึ่งที่เขาแสดงไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการห้ามปรามใดๆ

ต่อมา หานลี่ที่ร่างกายถูกล้อมไปด้วยรัศมีแสง นำจูกั่วเอ๋อร์ห่อเข้ามาด้วย กลายเป็นก้อนแสงสีทองพุ่งเข้าไปยังก้อนหินใหญ่สีแดง

หลังจากที่พื้นผิวพร่าเลือนและบิดเบี้ยว ทั้งสองคนก็หายเข้าไปโดยไม่หลงเหลือแม้แต่เงา หลงเหลือเพียงก้อนหินยักษ์ที่ดูธรรมดา

ด้านนอกเหลือเพียงบรรพชนฮวาสือ ถูเหย่าและหุ่นเชิดกลุ่มหนึ่งที่ยังคงรออย่างเงียบ ๆ

อีกด้านหนึ่ง หานลี่และจูกั่วเอ๋อร์เมื่อเข้ามาในก้อนหินยักษ์สีแดงเข้ม รัศมีแสงก็ควบแน่น ร่างนั้นนิ่งมากราวกับติดอยู่ในเขตต้องห้ามบางอย่าง ในเวลาเดียวกัน ความผันผวนของมิติที่เดิมสัมผัสได้อย่างจางๆ จากภายนอกนั้นรุนแรงมาก และกลุ่มของม่านแสงเจ็ดสีก็ปรากฏขึ้นไม่ไกลข้างหน้า ค่อยๆ หมุนวนโดยไม่หยุด

หลังจากหานลี่กวาดจิตสัมผัสสำรวจม่านแสงเจ็ดสีด้านหน้า สีหน้าเขาก็ดีขึ้นมาก ตะโกนออกมาเสียงดัง ร่างกายขยายใหญ่โตขึ้นกลายเป็นวานรยักษ์ขนทองที่สูงกว่าสิบจั้ง

หลังจากที่ร่างกายของเขาเปลี่ยนไป เขาก็กลับกระปรี้กระเปร่าทันที และหลังจากจับจูกั่วเอ๋อร์ข้างๆ ด้วยมืออันใหญ่ เขาก็ก้าวไปยังม่านแสงเจ็ดสี

เสียงจ๋อมดังขึ้น

หลังจากที่ลิงยักษ์พุ่งเข้าไปในม่านแสง ร่างทั้งร่างก็หายวับไปในคลื่นแปลกประหลาด

ในโลกอื่น ไหนสักแห่งในป่าทึบ มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วผืนปฐพี

ต้นสนเขียวขจีขนาดใหญ่ต้นหนึ่งถูกแสงสีทองเจาะทะลุผ่านเป็นรูนับไม่ถ้วน และหลังจากที่ต้นไม้สั่นสะท้าน ทั่วทั้งต้นก็ระเบิดออกเป็นเศษไม้นับไม่ถ้วน เหลือเพียงหลุมดินขนาดใหญ่ลึกหลายจั้งในสถานที่เดิม

ที่จุดที่อยู่เหนือหลุมมากกว่าสิบจั้ง ม่านแสงเจ็ดสีกำลังหมุนไม่หยุด และหลังจากที่มันควบแน่นเข้าหากัน เงาสองเงาก็บินออกมาจากมัน

ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ที่แท้คือหานลี่และจูกั่วเอ๋อร์ที่กลับมาอยู่ในรูปลักษณ์เดิม

หานลี่เพียงแค่มองสำรวจรอบด้าน คิ้วก็ขมวด

“พลังวิญญาณที่นี่ด้อยกว่าโลกวิญญาณเล็กน้อย กั่วเอ๋อร์ ที่นี่อาจจะเป็นเสี่ยวหลิงเทียน”

“ผู้อาวุโสหานโปรดรอสักครู่ แม้ว่าข้าจะคิดว่าความเข้มข้นของพลังงานทางจิตวิญญาณใกล้เคียงกันมาก ทว่ารอให้ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกสักหน่อย จะสามารถทราบได้ว่าที่นี่ใช่เสี่ยวหลิงเทียนหรือไม่” จูกั่วเอ๋อร์กล่าวอย่างตื่นเต้นหลังจากสำรวจไปรอบๆ

จากนั้นเด็กสาวก็พลิกมือข้างหนึ่ง ศาสตรายุทธ์ชิ้นหนึ่งที่อยู่ในรูปแบบผ้าเช็ดหน้าไหมปรากฏขึ้นในมือ

นางโยนผ้าเช็ดหน้าออกไปด้านหน้า นิ้วมือจิ้มไปอย่างรวดเร็วที่ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ทันใดนั้นรัศมีแสงสีขาวก็ม้วนตัวออกมา แผนที่ที่ชัดเจนมากแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้น

“เคล็ดวิชาลับของข้าได้ผล ที่นี่คือเสี่ยวหลิงเทียนอย่างไม่ต้องสงสัย ขอดูหน่อยว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน…โอ้ ที่แท้อยู่ในทะเลเขียวของเสี่ยงหลิงเทียน” จูกั่วเอ๋อร์ตอบกลับด้วยความดีใจ ทว่าหลังจากที่ตรวจสอบแผนที่บนผ้าเช็ดหน้าอย่างละเอียด ก็ส่งเสียงต่ำออกมาดูเหมือนแปลกใจเป็นอย่างมาก

“ไม่ว่าที่นี่จะเป็นที่ไหน ในเมื่อเป็นเสี่ยวหลิงเทียนไม่ผิดแน่ เช่นนั้นก็ดี เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปรับพวก

ฮวาสือมาที่นี่ เส้นทางมาที่นี่ผ่านมาได้ยากกว่าที่ข้าคิดไว้ ให้พึ่งฮวาสือเพียงคนเดียวเพื่อพาคนอื่นๆ มาที่นี่คงจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป” หานลี่พยักหน้ารับ เอ่ยคำสั่งการออกมา

เมื่อจูกั่วเอ๋อร์ได้ยินคำสั่ง จึงโค้งตัวตอบรับ

เช่นนั้นร่างของหานลี่พลันสั่นคลอนแล้วมุ่งสู่ม่านแสงเจ็ดสีอีกครั้ง

ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งกาน้ำชา อากาศเหนือหลุมดินก็สั่นคลอนอีกครั้ง เรือเหาะสีดำที่หดตัวเล็กลงหลายส่วนค่อยๆ บินออกมา

ทันทีที่เรือแล่นออกไป มันก็กลับคืนสู่ขนาดเท่าเนินเขาในทันที และที่หัวเรือก็มีร่างหานลี่และบรรพชน

ฮวาสือยืนอยู่

ส่วนถูเหย่าและลูกสาว พวกเขากล่าวขอบคุณหานลี่อีกครั้งที่ทางด้านนู้น กล่าวคำอำลาและจากไป

จูกั่วเอ๋อร์เห็นดังนี้ ก็เหาะขึ้นมาบนเรือด้วยรอยยิ้ม

“เอาล่ะกั่วเอ๋อร์ เจ้าสามารถเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับทะเลเขียวแห่งนี้ให้พวกเราฟัง นอกจากนี้ ยังสามารถบอกเล่าเกี่ยวกับที่ที่เจ้าเคยอาศัยอยู่ ที่ข้ามาเสี่ยงหลิงเทียนในครานี้ เป็นเพราะต้องการพูดคุยกับแม่ของเจ้า” หานลี่กล่าวกับจูกั่วเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้ม

“ทะเลสีเขียวเป็นสถานที่ที่เผ่าวิญญาณสีเขียวอาศัยอยู่ และวิญญาณสีเขียวเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดของเสี่ยวหลิงเทียน และเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าพันธุ์มนุษย์เสี่ยวหลิงเทียนของเรา สำหรับที่ที่กั่วเอ๋อร์เคยอาศัยอยู่ แน่นอนว่าต้องเป็นเขตที่เผ่ามนุษย์รวมตัวกัน ซึ่งอยู่คนละฝั่งตรงกันข้ามกับที่ตั้งของทะเลสีเขียว อีกฟากของเสี่ยวหลิงเทียนที่ไกลออกไปมาก” จูกั่วเอ๋อร์ตอบด้วยความหดหู่ใจเล็กน้อย