เล่มที่ 34 เล่มที่ 34 ตอนที่ 1015 ราชครูแคว้นไหวเจียง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“จี๊ด จี๊ด จี๊ด… ”

ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิด หนูยักษ์ที่ปรากฏตัวบนแท่นบูชาก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็กระโดดข้ามมาหานางทันที

ซูจิ่นซีหยุดชะงักครู่หนึ่ง ทันใดนั้น ลมหนาวจากฝั่งก็ตรงเข้ามาปะทะใบหน้าของนาง

สีหน้าของซูจิ่นซีพลันเปลี่ยนไป นางเอียงตัวหลบหลีก ทว่าสายเกินไปแล้ว

นางถูกลมหนาวพัดอย่างรุนแรงจนล้มลงกับพื้น

ในเวลาเดียวกัน แสงเจิดจ้าบริสุทธิ์ก็ส่องเป็นประกาย จากนั้นร่างสีขาวราวหิมะก็ปรากฏขึ้นกลางตำหนักฉางเซิง

หลานอวี่มีท่าทีดีใจ อย่างไรก็ไม่อาจปิดบังสิ่งที่เกิดขึ้นภายในดวงตาได้ นางทำความเคารพต่อคนคนนั้นท่ามกลางแสงเจิดจ้าเปล่งประกาย

“หลาน… หลานอวี่คำนับท่านราชครู… ”

ซูจิ่นซีกระแทกพื้นและอาเจียนเป็นเลือด อวัยวะภายในแทบแหลกละเอียดจนเกือบหมดสติ โชคดีที่นางเดินพลังภายในได้ทันเวลาทำให้สามารถประคองสติไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ปกป้องทารกในครรภ์ไว้ได้ ราชครู…

ราชครูแคว้นไหวเจียงไม่ใช่กูสือซานหรือ?

ยังเป็นผู้ใดอีก?

อีกทั้ง วรยุทธ์ยังทรงพลังมาก

อย่างที่รู้กันว่า ตอนนี้ในอาณาจักรเทียนเหอ ผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งกว่านางและเยี่ยโยวเหยามีเพียงไม่กี่คน ทั้งยังสามารถเอาชนะนางได้เพียงหนึ่งกระบวนเท่านั้น มี… น้อยเต็มที

ซูจิ่นซีคิดพลางเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก และมองไปที่คนผู้นั้น

ชุดสีขาวราวกับหิมะนั้น บริสุทธิ์ไร้ตำหนิ ปราศจากฝุ่นผง เนื้อผ้าชุดนั้นเป็นผ้าลายเมฆคุณภาพสูง เนื้อผ้าทิ้งตัวลงมาตามร่างของเขาโดยไร้รอยยับย่น ไร้ซึ่งความทุกข์ยากนานัปการเหมือนดั่งน้ำหมึกดำ เขากำมือยืนไพล่หลัง

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น สีหน้าพลันเปลี่ยนไป

หัวใจของนางเหมือนถูกบางอย่างดึงรั้งอย่างแรง นางมองใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างเร่งรีบ

คนผู้นั้นค่อยๆ หันหน้ามาพอดี…

น่าเสียดาย คนผู้นั้นยังไม่ทันหันมา ภาพตรงหน้าของซูจิ่นซีก็มืดลงและหมดสติไปในทันที

เมื่อซูจิ่นซีฟื้นขึ้นอีกครั้ง มีเสียงอู๋จุนดังขึ้นข้างใบหูผ่านผ้าม่านที่อยู่ตรงหน้า

“แม่นางพิษน้อย ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว! บัดซบ ผู้ใดทำร้ายเจ้า ลงมือได้โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ บอกพี่จุน พี่จุนจะช่วยเจ้าสั่งสอนมันเอง”

ซูจิ่นซีที่นอนอยู่บนเตียงพยายามลุกขึ้น ทว่าทันทีที่ขยับตัว นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับร่างกายถูกฉีกออกจากกัน คิ้วขมวดแน่น จากนั้นก็นอนกลับลงไปบนเตียง

“พระชายาโยวอ๋อง… ”

“พระชายาโยวอ๋อง… ”

ตงหลิงหวงและฮูหยินฉินเกอเดินเข้ามาหา

ซูจิ่นซีหันไปมองพวกเขา กลับมองผ่านทั้งสองคนไป เห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ข้างหลัง

ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป

“พระชายาโยวอ๋อง เกิดอันใดขึ้นกันแน่? เหตุใดเจ้าจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้? ใครทำร้ายเจ้ากันแน่? เจ้ารู้หรือไม่? หากไม่ใช่อวิ๋นจิ่นมาทันเวลา ครั้งนี้เจ้าต้องเสียชีวิตเป็นแน่”

ตงหลิงหวงก้าวไปข้างหน้าและจับมือซูจิ่นซีด้วยท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อย

สายตาของซูจิ่นซีมองฮูหยินฉินเกอและร่างที่อยู่เบื้องหลังตงหลิงหวงอยู่ตลอด

อวิ๋นจิ่นสบตาซูจิ่นซีและยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่มีให้ซูจิ่นซีเท่านั้น อบอุ่นเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิในเดือนสาม ซึ่งอยู่ท่ามกลางดอกเหมยที่เบ่งบานเต็มที่

เขาก้าวไปข้างหน้าและคำนับต่อซูจิ่นซี “ข้าน้อยคำนับพระชายา”

ท่าทางของซูจิ่นซียังคงเคร่งขรึมไม่เปลี่ยนแปลง นางมองร่างของอวิ๋นจิ่นโดยไม่ละสายตา

แม้แต่มือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มก็สั่นเทาเล็กน้อย

ตงหลิงหวงอยู่ใกล้ซูจิ่นซีมากที่สุด และเป็นคนเดียวที่เห็นความผิดปกติของซูจิ่นซี นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันไปมองอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าสงสัย

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็พูดขึ้น “เยี่ยโยวเหยาอยู่ที่ใด? เยี่ยโยวเหยาเป็นอย่างไรบ้าง? ”

แววตาของตงหลิงหวงหันกลับมาที่ใบหน้าของซูจิ่นซี

“โยวอ๋องถูกพิษของอสูรพิษแห่งแคว้นไหวเจียง ซึ่งเป็นพิษที่ร้ายแรงมาก โชคดีที่อวิ๋นจิ่นฝังเข็มให้แล้วระงับพิษไว้ชั่วคราว ทว่าขณะนี้ยังหมดสติอยู่ห้องข้างๆ ”

“อสูรพิษหรือ? ”

ก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีอ่านข้อมูลมากมายเกี่ยวกับแคว้นต่างๆ ในอาณาจักรเทียนเหอ จึงรู้จักอสูรพิษแห่งแคว้นไหวเจียง

น่าเสียดายที่ข้อมูลทั้งหมดบันทึกเฉพาะชื่อของเขา กลับไม่มีอธิบายรายละเอียดอันใด

ดังนั้น ซูจิ่นซีจึงไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก

“ถูกต้อง! ” ตงหลิงหวงพูด “หมอหลวงอวิ๋นก็พูดเช่นเดียวกัน พวกเรารู้เพียงว่าเยี่ยโยวเหยาถูกพิษของอสูรพิษแห่งแคว้นไหวเจียง ข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน คาดไม่ถึงว่าพิษนี้จะรุนแรงเช่นนี้ หากไม่ใช่หมอหลวงอวิ๋น ครั้งนี้พวกเจ้าสองสามีภรรยาจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”

สีหน้าของซูจิ่นซีเปลี่ยนไปและไม่พูดสิ่งใดอีก ไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด

ตงหลิงหวงหันกลับมาและพูดว่า “โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พระชายาโยวอ๋อง เจ้าไม่ต้องกังวลมากไป เจ้าวางใจได้ มอบทุกอย่างให้พวกเราจัดการ! มีอวิ๋นจิ่นอยู่ด้วย โยวอ๋องจะต้องพ้นจากอันตรายอย่างแน่นอน”

“ข้าจะไปดูเยี่ยโยวเหยา”

ซูจิ่นซีกัดฟันและลุกขึ้นทันที เหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นบนหน้าผาก

ทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ข้างเตียงซูจิ่นซีต่างแสดงสีหน้าเป็นกังวล

“แม่นางพิษน้อย เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ? ” ท่าทางของอู๋จุนเปลี่ยนไปทันที

“พระชายา โปรดระวังสุขภาพด้วย! ”

“พระชายาโยวอ๋อง! ”

“พระชายาโยวอ๋อง! ”

อวิ๋นจิ่น ฮูหยินฉินเกอ และตงหลิงหวงต่างพูดอย่างเป็นกังวลพร้อมกัน

เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากของซูจิ่นซีมีมากขึ้นเรื่อยๆ มือที่พยุงตัวบริเวณขอบเตียงสั่นเทาไม่หยุด

“พระชายา พระองค์บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก อย่าลุกจากเตียง พระองค์ไม่ต้องกังวล มีกระหม่อมอยู่ ท่านอ๋องจะต้องปลอดภัย”

การโน้มน้าวของทุกคนไม่เป็นผล ซูจิ่นซีพยายามอยู่ครู่หนึ่ง ทว่ากลับล้มลงบนเตียงอีกครั้ง

นางหลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

“อวิ๋นจิ่น พิษของเยี่ยโยวเหยาเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ามีวิธีถอนพิษหรือไม่? ”

อวิ๋นจิ่นหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พิษนั้นสามารถถอนได้ ทว่ามียาสมุนไพรหนึ่งชนิดที่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาซึ่งหายากมาก กระหม่อมเป็นกังวล….. ทว่าพระชายาโปรดวางพระทัย กระหม่อมส่งคนไปตามหาแล้ว”

ริมฝีปากของซูจิ่นซีสั่นเทาเล็กน้อย หลังผ่านไปครู่หนึ่ง จึงลืมตาขึ้นและจ้องไปที่อวิ๋นจิ่น “ในเมื่อมีโอกาสไม่ถึงสิบส่วน เจ้ายังกล้าพูดอย่างมั่นใจได้อย่างไรว่าสามารถรักษาเยี่ยโยวเหยาให้ปลอดภัยได้? ”

ซูจิ่นซีไม่เคยโกรธอวิ๋นจิ่นมากเช่นนี้มาก่อน

โดยเฉพาะผู้ที่สนิทกับซูจิ่นซีอย่างอู๋จุนและตงหลิงหวง พวกเขาต่างตกตะลึง

อวิ๋นจิ่นตกตะลึงครู่หนึ่งและพูดกลับทันทีว่า “เป็นความประมาทของกระหม่อม ขอพระชายาทรงยกโทษให้กระหม่อมด้วย เพียงแต่… ”

อวิ๋นจิ่นยังไม่ทันพูดจบ ซูจิ่นซีก็ขัดจังหวะ

“ข้าไม่ต้องการเพียงแต่ ข้าต้องการแค่คำว่าเยี่ยโยวเหยาต้องปลอดภัย! ”

ซูจิ่นซีเคยเห็นพิษของอสูรพิษแห่งแคว้นไหวเจียงตอนที่เยี่ยโยวเหยาเพิ่งถูกพิษ

ถึงตอนนี้ระบบถอนพิษยังไม่สามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบของพิษได้ ทำให้นางวุ่นวายใจอย่างมาก

อวิ๋นจิ่นยังคงก้มศีรษะคำนับอยู่ตลอด และไม่พูดสิ่งใด

หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีก็พูดอีกครั้งว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าจะใช้วิธีใดถอนพิษให้เยี่ยโยวเหยา? ”

อวิ๋นจิ่นหยิบเทียบยาจากแขนเสื้อออกมายื่นให้ซูจิ่นซี

“นี่เป็นเทียบยาที่กระหม่อมคิดค้นขึ้นสำหรับการถอนพิษให้โยวอ๋องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กระหม่อมมีความมั่นใจต่อเทียบยานี้เพียงแปดส่วนเท่านั้น ทว่าหากไม่มีตัวยาตั้งต้นแล้ว เทียบยานี้จะใช้ไม่ได้ผล”

เทียบยา…

ซูจิ่นซีมองตัวยาตั้งต้นที่อ้างถึงในตอนท้ายของเทียบยาอย่างรวดเร็ว คิ้วพลันขมวดแน่น