“ปัง!”

เจ้ายุทธจักรดาราที่กำลังหลบหนีนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะอนัตตาด้านหน้านี้ถูกฉีกออกเป็นช่องว่าง ร่างของหลัวซิวปรากฏขึ้นมา กั้นขวางเส้นทางนี้ของเขาไว้

“หลัวซิว ข้า……” เจ้ายุทธจักรดารากำลังจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง แต่หลัวซิวนั้นคร้านที่จะฟัง จึงไปยิงออกไปดังปังในทันที ในเวลาเดียวก็ปล่อยตราทวยมรณะออกไปด้วย

เจ้ายุทธจักรดารารีบขับเคลื่อนพลังของดาราจักรพรรดิเพื่อต้านทานเอาไว้ เสียงดังปังสนั่นบาดแก้วหูสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า พลังอันแข็งแกร่งม้วนเป็นคลื่นกระจายออกไป สำหรับหลัวซิวแล้วนั้นไม่สามารถสร้างผลกระทบใด ๆ ให้กับเขาได้แม้แต่เล็กน้อย

แต่เจ้ายุทธจักรดาราอาศัยพลังของดาราจักรพรรดิ สามารถต้านทานการโจมตีของหอกยุทธ์มังกรดำเอาไว้ได้ แต่ว่าตราทวยมรณะกลับกดลงมาอย่างกะทันหัน เพียงชั่วพริบตาก็ระเบิดลงบนตัวของเขา

“ปัง!”

ร่างของเจ้ายุทธจักรดารานั้นราวกับถูกสายฟ้าฟาด บินกระเด็นกระดอนออกไปจากจุดนั้นในทันที

ถึงแม้ว่าผลการฝึกตนของเจ้ายุทธจักรดาราจะสูงกว่าหลัวซิวอยู่มาก แต่การทำสงครามกับเขาสำหรับหลัวซิวแล้วไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันใด ๆ แม้สักน้อย แม้กระทั่งจักรพรรดิอัคคีนภาแดงยังไม่ได้เอาออกมาใช้

อีกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บ สีหน้าของเจ้ายุทธจักรดาราก็หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด รู้ตัวเองดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิว ดังนั้นจึงเลือกที่จะหลบหนีไปอีกครั้งโดยไม่ลังเล

หลัวซิวตามหลังไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ดูเหมือนว่าเขาจะก้าวเดินไปอย่างง่ายดาย แต่มันกลับเต็มไปด้วยความลึกลับของกฎปริภูมิดั้งเดิม ไม่ว่าเจ้ายุทธจักรดาราจะบินหนีไปอย่างรวดเร็วกว่านี้อีกสักเพียงใด ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองก็ยังคงไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่เช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

“ปัง!”

อนัตตาแตกสลาย หลัวซิวระเบิดออกไปอีกครั้ง หอกรบมังกรเปล่งรัศมีสีดำหนิทยาวนับร้อยเมตร แค่เพียงพริบตาเดียวก็สามารถตามอีกฝ่ายทันและปรากฏตัวตรงหน้าเจ้ายุทธจักรดาราอีกครั้ง

เจ้ายุทธจักรดารารับรู้ได้ถึงการโจมตีจากทางด้านหลัง เมื่อพบว่าหลัวซิวไม่ได้สำแดงวรยุทธ์ตราประทับที่ร้ายกาจนั้น จึงได้ขับเคลื่อนดาราจักรพรรดิในทันทีโดยไม่ลังเล ปล่อยพลังไปทางหอกรบมังกรเปล่งรัศมี

มุมปากของหลัวซิวเผยรอยยิ้มเย็นชาบาง ๆ ออกมา เห็นเพียงหอกรบมังกรเปล่งรัศมีสีดำนั้นกับดาราจักรพรรดิสมบัติวิเศษชนเข้าด้วยกัน วินาทีต่อมาหอกมังกรก็พลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย และปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้าเจ้ายุทธจักรดารา

“อะไรกัน? นี่คือกฎปริภูมิดั้งเดิม?!”

เจ้ายุทธจักรดาราตกใจจนหน้าถอดสี วินาทีนี้กลับไม่สามารถเรียกเก็บดาราจักรพรรดิได้ทันแล้ว

“ปุบ!”

พลังจิตแท้คุ้มกันร่างของเขาภายใต้หอกรบมังกรเปล่งรัศมีราวกับเป็นของปลอม ครึ่งตัวบนระเบิดออกเป็นละอองเลือดในทันที

เทพจิตที่หลอมรวมเป็นแสงดวงดาวบินออกมาจากร่างเนื้อที่แตกสลาย ผสานรวมเป็นร่างเดียวกับสมบัติวิเศษดาราจักรพรรดิ จากนั้นก็เริ่มหลบหนีอีกครั้ง

“ยังคิดจะหนีไปที่ใดอีก?”

หลัวซิวยกมือขึ้นโบก แส้มังกรฟ้าสยบเทพบินออกมา ฟาดลงบนตัวของสมบัติวิเศษดาราจักรพรรดิเกิดเสียงดังสนั่น

“อ้าก!”

เทพจิตของเจ้ายุทธจักรดารากรีดร้องออกมาเสียงโหยหวน แส้มังกรฟ้าสยบเทพสมบัติวิเศษชิ้นนี้มีไว้เพื่อเทพจิตโดยเฉพาะ ดูเหมือนจะตีลงไปบนสมบัติวิเศษดาราจักรพรรดิ แต่ความจริงแล้วนั้นโจมตีเข้าไปที่เทพจิตด้านในโดยตรง ทำให้เจ้ายุทธจักรดาราได้รรับบาดเจ็บสาหัส

“หลัวซิว หากเจ้าฆ่าข้านั่นถือว่าเป็นศัตรูต่อตำหนักดารานภา โลกแสงดาวจะกว้างใหญ่สักเพียงใด ก็ไม่มีที่ว่างสำหรับเจ้าอีก!” เทพจิตของเจ้ายุทธจักรดาราตระโกนด้วยความโกรธ

“ไร้สาระ! พวกเจ้าเป็นศัตรูกับข้า ตั้งแต่ที่พวกเจ้าตำหนักดารานภาและแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ร่วมมือกันไล่ฆ่าข้าแล้ว”

หลัวซิวหัวเราะเย้ยหยัน “ครั้งก่อนเจ้าตามฆ่าข้า ครั้งนี้ตายด้วยน้ำมือของข้า ต่อให้ตายไปก็ยังชดใช้สิ่งชั่วร้ายที่ทำไว้ไม่ได้”

แส้มังกรฟ้าสยบเทพฟาดลงไปอีกครั้ง เสียงป้าบดังสนั่น เทพจิตของเจ้ายุทธจักรดาราสลายไปอย่างสมบูรณ์ ล่องลอยหายไปราวกับหมอกควัน

หลัวซิวเอื้อมมือออกไป แหวนเก็บของและสมบัติวิเศษดาราจักรพรรดิ ก็ตกลงในมือของหลัวซิว

“นี่เจ้าฆ่าเจ้ายุทธจักรดาราหรือ?”

กลางอนัตตา เสียงหนึ่งที่แฝงไปด้วยความตกตะลึงดังขึ้น หลัวซิวเงยหน้าไปมอง เห็นร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้น

“ผู้อาวุโสเจ้ายุทธจักรอัคคี?” หลัวซิวรี่ตามอง คนที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ที่แท้ก็คือเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิว

ในทางใดทางหนึ่ง เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวถือว่ามีบุญคุณต่อเขา ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถได้รับโอกาสเข้าฝึกตนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังผลการฝึกตนรวมถึงแดนกฎก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มระดับขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้