เมื่อหลิงตู้ฉิงเดินเข้าไปในดินแดนแห่งมลทิน เขาสัมผัสได้ทันทีว่าที่นี่เต็มไปด้วยพลังแห่งอารมณ์และความปรารถนาอันมหาศาล
แน่นอนว่าเมื่อมีภาชนะใหม่มาถึง ซึ่งก็คือหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซิน พลังแห่งอารมณ์และความปรารถนาก็พุ่งตรงเข้ามาหาคนทั้งคู่ทันที
หลิงตู้ฉิงรีบเตือนโจวจื่อซิน “ซินเจ้าจงอยู่แต่ในดอกบัวเพลิงพิพากษาอย่างเดียวเท่านั้นห้ามออกมาเด็ดขาด เพราะมันจะช่วยต้านทานพลังแห่งอารมณ์และความปรารถนาเอาไว้ได้ และในเวลาเดียวกันสถานที่แห่งนี้นอกจากจะมีพลังแห่งอารมณ์และความปรารถนาแล้วมันยังมีบาปต่าง ๆ ของเหล่าสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคอี้ซางอยู่ด้วย เจ้าจงให้ดอกบัวเพลิงพิพากษาของเจ้าดูดกลืนบาปเหล่านั้นมาพัฒนาระดับของมันเอง จากพลังแห่งพุทธที่ข้าส่งให้ดอกบัวของเจ้าก่อนหน้านี้ เมื่อรวมกับบาปที่อยู่ที่นี่ระดับของมันจะต้องทะลวงขึ้นถึงระดับห้าหรือไม่ก็มากกว่าแน่นอน”
“สามีแล้วท่านล่ะ?” โจวจื่อซินรีบถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ข้าได้มาถึงสถานที่ที่ข้าอยากจะมามากที่สุดแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ข้าจะบ่มเพาะอยู่ที่นี่สักพัก!”
หลิงตู้ฉิงทำการคัดแยกพลังแห่งความปรารถนาและบาปที่สถิตอยู่ในดินแดนแห่งมลทินให้ออกไปจากร่างเหลือแค่พลังแห่งอารมณ์ที่เขาต้องการดูดซับเพื่อเอามาบ่มเพาะ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือสัญลักษณ์หยินหยางที่อยู่ในร่างหมุนควงอย่างบ้าคลั่งทันที
ในหยินหยาง ฝั่งสีขาวซึ่งเป็นฝั่งของอารมณ์กลืนกินฝั่งสีดำซึ่งเป็นฝั่งของเต๋าไร้ใจอย่างรวดเร็ว หลิงตู้ฉิงจึงต้องรีบปลดปล่อยกลิ่นอายของตัวตนเก่าของเขาออกมาให้เป็นอิสระเพื่อให้ฝั่งสีดำค้ำยันกับฝั่งสีขาวให้ได้
จากนั้นเมื่อทั้งฝั่งสีขาวและฝั่งสีดำเข้าปะทะกัน ระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงก็กลายเป็นพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
อันที่จริงอาการตื่นตระหนกก่อนหน้านี้ที่หลิงตู้ฉิงแสดงออกในระหว่างหนีนั้นคือการแสร้งทำทั้งหมด
หลิงตู้ฉิงรู้เป็นอย่างดีว่าการที่พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของภูมิภาคอี้ซางเช่นนี้เขาจะต้องเก็บพลังแห่งอารมณ์และความปรารถนาของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่ในภูมิภาคอี้ซางเอาไว้ที่ไหนสักแห่งไม่เช่นนั้นมันจะเกิดเรื่องใหญ่ ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงวางอุบายเปิดช่องว่างให้พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางลบอารมณ์และความปรารถนาของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญ เพื่อที่เขาจะได้เห็นว่าพลังแห่งอารมณ์และความปรารถนาที่ถูกลบไปมันหายไปที่ไหน
แต่ว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือพระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางกลับจงใจให้เขามาที่นี่เองอีกต่างหาก ซึ่งมันยิ่งทำให้แผนการของเขายิ่งสมบูรณ์ไปกันใหญ่และทำให้ตอนนี้เขาสามารถบ่มเพาะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจเฉิบโดยที่พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางจะไม่มีวันเข้ามารบกวนเขาแน่นอนเพราะคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว
ทางด้านของพระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซาง เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเข้าไปด้านในดินแดนแห่งมลทินแล้วเขาก็ไม่สนใจกับหลิงตู้ฉิงอีกต่อไป เพราะเขามั่นใจว่าหลิงตู้ฉิงไม่มีวันรอดแน่นอนเมื่ออยู่ในนั้น
หลังจากจบเรื่องกับหลิงตู้ฉิง พระโพธิสัตว์แห่งภูมิภาคอี้ซางดำเนินแผนการพิสูจน์เต๋าของเขาต่อทันที และด้วยการมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญอยู่ข้างกาย แผนการของเขาก็ยิ่งสามารถดำเนินได้ไวขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ในเวลาเดียวกันที่ภูมิภาคอื่น ๆ ก็กำลังปั่นป่วนอยู่เช่นกันเพราะตอนนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญจากโลกเบื้องบนถูกส่งลงมาอยู่ในโลกเบื้องล่างเป็นจำนวนมาก
“ใครกัน!?” บรรดาอสูรจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในสันเขาหมื่นอสูรต่างแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าเมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งจำนวนมากกำลังร่อนลงมาหาพวกมัน
ร่างหลายร่างซึ่งกำลังร่อนลงมาจากท้องฟ้านั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากเหล่าอสูรจากโลกเบื้องบนที่ถูกส่งตัวลงมา แต่แล้วเมื่อพวกมันเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเหล่าทายาทพวกมันรวมไปถึงสีหน้าอันหมดอาลัยตายอยาก พวกมันจึงอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด
ที่โลกเบื้องบนเผ่าอสูรนั้นครอบครองดินแดนได้เป็นจำนวนมาก แต่ที่โลกเบื้องล่างทายาทพวกนี้กลับไร้น้ำยาจนถึงขนาดถูกขับไล่ออกจากแผ่นดินใหญ่เลยงั้นเหรอ?
ผู้นำกลุ่มอสูรที่มาจากโลกเบื้องบนกลายร่างเป็นคุนเป๋งทันทีพร้อมกับตวาดใส่เหล่าอสูรที่กำลังจ้องมันอยู่ว่า “พวกเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์อันทรงเกียรติที่แข็งแกร่งกว่าเผ่าพันธุ์ใด ๆ ในโลกแท้ ๆ แต่ทำไมพวกเจ้าถึงได้ทำตัวน่าสมเพชแบบนี้?”
เหล่าอสูรที่อาศัยอยู่ในสันเขาหมื่นอสูรต่างคุกเข่าลงคำนับเมื่อพวกมันเผชิญกับอำนาจอันน่าเกรงขามของคุนเป๋งที่แท้จริง
ตอนนี้พวกมันรู้แล้วว่าผู้มาเยือนเป็นใครและมาจากไหน
คุนเป๋งกวาดสายตามองเหล่าอสูรที่คุกเข่าอยู่สักพัก จากนั้นมันพูดต่อว่า “จงไปเตรียมตัวให้พร้อม พวกเจ้าอยู่อย่างน่าอับอายมานานเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปปรากฏกายต่อโลกภายนอกอย่างเปิดเผยและองอาจ!”
อสูรหมีขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดท้วงขึ้นทันที “ท่านผู้ส่งสาสน์ ในตอนนี้เทพหายนะเมื่อในอดีตได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว ท่านผู้ส่งสาสน์อาจจะไม่รู้จักกับเขาแต่เขาคือคนที่สามารถพรากชีวิตได้เป็นพันล้านโดยไม่กระพริบตาเลยสักนิด ข้าคิดว่าพวกเราคงไม่สามารถต่อกรกับเขา…”
แต่ก่อนที่อสูรหมีจะทันได้พูดจบ คุนเป๋งพูดแทรกขึ้นทันที “ข้ารู้ดีว่าเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใครและเหตุผลที่พวกข้าถูกส่งตัวลงมาก็เป็นเพราะพวกข้าได้รับคำสั่งมาให้กำจัดเขาโดยตรง ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะแข็งแกร่งแต่ตอนนี้เขายังอ่อนแออยู่ ด้วยความแข็งแกร่งและจำนวนของพวกข้าที่ถูกส่งลงมาเยอะขนาดนี้พวกเจ้าจะกลัวกันไปทำไม?”
พวกเขาจะไม่รู้จักชื่อเสียงของหลิงตู้ฉิงได้ยังไง?
ในโลกเบื้องล่าง เรื่องเล่าที่ดูน่ากลัวที่สุดของหลิงตุ้ฉิงอาจจะเป็นแดนกระดูกขาว แต่ถ้าเป็นโลกเบื้องบนเรื่องเล่าความน่ากลัวของเขามันมีมากกว่าเยอะ!
หลิงตู้ฉิงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีมาตั้งแต่บรรพกาลที่สามารถสังหารคนที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเทพได้ แถมเขาไม่ได้สังหารไปแค่คนเดียวอีกต่างหากและนี่ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลิงตู้ฉิงตั้งชื่ออาวุธของเขาว่าง้าวเทวะพินาศ!
อันที่จริงหากไม่ได้เป็นเพราะหลิงตู้ฉิงเพิ่งเกิดใหม่ยังไม่ถึง 1,000 ปีและยังอยู่ในโลกเบื้องล่าง อสูรกลุ่มนี้ที่ลงมาก็ไม่มีทางกล้าวางท่าทีอาจหาญพูดว่าตัวจะไปสังหารหลิงตู้ฉิงแน่นอนต่อให้พวกเขาจะมี 9 ชีวิตก็ตาม
เวลาแค่ 1,000 ปีระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงจะสูงสักแค่ไหนกัน?
ด้วยความร่วมมือกันของทุกเผ่าอสูรที่อยู่ในโลกเบื้องบน กลุ่มของอสูรที่ลงมาตอนนี้จึงมีอสูรขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญลงมาได้ด้วยอยู่ 2 ตน ส่วนที่เหลือก็คืออสูรที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้สร้างเต๋าอีก 10 ตน
แต่ว่าภารกิจของพวกเขาก็ไม่ได้มีแค่การฆ่าหลิงตู้ฉิงเพียงอย่างเดียว อีกภารกิจหนึ่งที่สำคัญที่พวกเขาได้รับมอบหมายมาก็คือการทำให้เหล่าอสูรในโลกเบื้องล่างสามารถกลับไปรุ่งเรืองเหมือนเดิมได้ ซึ่งขั้นตอนแรกก็คือการนำสันเขาหมื่นอสูรที่เป็นเหมือนเกาะลอยฟ้ากลับไปตั้งยังแผ่นดินใหญ่!
ราว 20 ปีผ่านไป เกาะขนาดยักษ์ซึ่งใหญ่พอ ๆ กับหนึ่งอาณาเขตค่อย ๆ ลอยเข้ามาที่ชายฝั่งภูมิภาคหนานลี่ที่อยู่ไม่ไกลจากชายแดนของภูมิภาคซ่งหยวน
“จัดกระบวนทัพเตรียมยึดดินแดนที่ควรเป็นของพวกเรามาให้หมด!” คุนเป๋งตะโกนสั่งขึ้นด้วยเสียงอันก้องกังวาน
จากนั้นทัพของเหล่าอสูรจำนวนมหาศาลก็รุกรานทั้งภูมิภาคหนานลี่และภูมิภาคซ่งหยวน ส่งผลให้อาณาเขตรอบ ๆ ตกอยู่ในกองเพลิงและการสังหารหมู่!